ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ ซูมู่หรงก็ไม่ได้มีกำลังวังชาชีวิตชีวามากมาย เขาคล้ายดั่งคนที่ได้รับความทุกข์ระทม ไร้การอยากดำรงชีวิตอยู่อิงแอบอยู่ที่นั่น
ฉีเฟยอวิ๋นมองพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน คิดไม่ถึงเลยว่าอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช บนตัวของเธอยังสวมใส่ชุดกาวน์สีขาวด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นมองบริเวณโดยรอบห้องผู้ป่วยอยู่ชั่วขณะหนึ่งอย่างยากที่จะรับได้ เธอมั่นใจว่าตนเองอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช
“……”หมอได้เข็นซูมู่หรงผ่านข้างกายของฉีเฟยอวิ๋นไป ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวหลบ เผชิญหน้ากับห้องผู้ป่วยอื่นๆ จากนั้นทำท่าทางที่จะเข้าไปดู หมอบางคนที่เดินผ่านช่องทางเดินมองฉีเฟยอวิ๋น เลยถามฉีเฟยอวิ๋นว่าใช่หมอที่มาใหม่หรือไม่
“ฉันเพิ่งจะมาเรียนรู้ค่ะ ยังมีความรู้สึกที่ไม่คุ้นชิน”ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับมาพูด จงใจทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกพูดบอกกล่าว
หมอหนึ่งคนในนั้นพูดปลอบใจฉีเฟยอวิ๋นว่า”อย่างไรเดี๋ยวก็คุ้นชิน ตอนแรกที่ฉันมาก็ไม่คุ้นชินหรอก คุณดูสิตอนนี้ฉันไม่ใช่ว่าปกติดีเหรอ?”
“……..ก็ใช่!เขาเป็นอะไรเหรอคะ?”ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองทางซูมู่หรง ซูมู่หรงค่อยๆมีปฏิกิริยาความรู้สึกเล็กน้อย เงยหน้ามองฉีเฟยอวิ๋นและยิ้มออกมา
“เขาเป็นคนที่ทดลองอย่างบ้าคลั่ง เขาอยากจะข้ามผ่านเวลา จนสมองเลอะเลือน พวกเรา
รับผิดชอบรักษาเขากันค่ะ”
พูดแล้วคนก็ไป ฉีเฟยอวิ๋นมองซูมู่หรงที่ถูกเข็นไป มือของเขาล่วงอยู่ด้านนอกรถเข็น ทั้งตัวของเขาถูกมัดด้วยเชือก เหลือแค่มือที่สามารถเคลื่อนไหวได้
ฉีเฟยอวิ๋นมองมือซูมู่หรง 206เหรอ?
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวเดินไปหาห้อง206 พบว่าชั้นนี้ไม่มีห้อง206เลย เธอเลยไปหาที่อื่นอีก คิดไม่ถึงว่าจะหาจนตกเย็นเชียว
ห้อง206เป็นห้องที่อยู่ในห้องใต้ดิน โรงพยาบาลจิตเวชยังมีห้องใต้ดินด้วย ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นแปลกประหลาดใจมาก
ฉีเฟยอวิ๋นไปที่ห้องใต้ดิน พบว่าช่องทางผ่านห้องใต้ดินมีคนเฝ้าอยู่ถึงสองคน แต่ก็ยังมีคนเข้าๆออกๆ ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจเป็นพิเศษ ทำไมดึกดื่นอย่างนี้ถึงได้เข็นคนไปห้องใต้ดินล่ะ?
ฉีเฟยอวิ๋นมองบริเวณโดยรอบ คนเหล่านั้นสวมใส่ชุดป้องกัน เธอก็ต้องหาชุดป้องกันสักชุดสิถึงจะถูกต้อง
ฉีเฟยอวิ๋นเจอห้องเก็บของห้องหนึ่ง เธอจึงรออยู่หน้าห้องเก็บของสักพักหนึ่ง เห็นคนเดินมาฉีเฟยอวิ๋นเลยใช้มือข้างหน้าโอบจากทางด้านหลัง จากนั้นออกแรงทำให้ฝ่ายตรงข้ามสลบไป
ฝ่ายตรงข้ามสลบไปฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ผลัดเปลี่ยนชุด ปลอมแปลงเป็นฝั่งตรงข้ามแล้วไปที่ทางผ่านช่องประตู
พอถึงด้านนั้นฝ่ายตรงข้ามใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สแกนฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นแสกนผ่านแล้วถึงได้เข้าไป
พอขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่สาม ฉีเฟยอวิ๋นไม่แปลกใจเลยสักนิดหนึ่ง ด้านล่างไม่ใช่สถานที่จอดรถรูปแบบเก่าแน่นอน อีกทั้งเป็นโลกที่ไร้ความคาดหมายมาก
ประตูลิฟต์เปิดออก ฉีเฟยอวิ๋นผลักเข็นรถออกไป ภายในรถมีอะไรเธอไม่รู้เลย เพราะว่าด้านในล้วนเป็นกล่อง และมันยังหนักมาก ตอนที่ผลักกล่องต้องออกแรงถึงจะได้
ตอนที่ออกมาจากลิฟต์ข้างหน้าเป็นสถานที่กว้างขวาง แต่ด้านหน้ามีคนกำลังรออยู่ ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปถึงด้านนั้น จอดหยุดรถไว้ แกล้งทำเป็นรูปแบบปกติที่ต้องทำ คือต้องเอากล่องไปหาที่วางถึงจะถูก
แต่เวลามีคนสวมชุดป้องกันเดินออกมา เขาเดินมาถึงทางด้านของฉีเฟยอวิ๋นแล้วใช้มือทำท่าแสดงเป็นสัญลักษณ์บอกฉีเฟยอวิ๋นว่าไม่ต้องเข้ามาใกล้
ฉีเฟยอวิ๋นยืนรออยู่ด้านนั้น รอฝ่ายตรงข้ามมาหาฉีเฟยอวิ๋นแล้วเปิดกล่องออก ด้านในกล่องมีอากาศเย็นกระจายแผ่ออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีการเคลื่อนย้ายกล่องแช่แข็ง
ตัวของเธอเองเป็นบุคลากรทางการแพทย์ แน่นอนว่าฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าด้านในคืออะไร นั่นเป็นการเคลื่อนย้ายก้อนน้ำแข็ง แต่เป็นก้อนน้ำแข็งที่เป็นระดับพิเศษ เอามาเก็บของสด ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตที่ใช้ในการทดลอง อาจจะเป็นสัตว์ก็ได้
ฝ่ายตรงข้ามตรวจมองดูเล็กน้อย แล้วหันไปพยักหน้าให้อีกด้าน
ดวงตาทั้งสองข้างของฉีเฟยอวิ๋นเบิกโพลงขึ้นจ้องมองฝ่ายตรงข้ามเอาหัวใจวางลงไปในกล่องแช่แข็ง ด้านในกล่องแช่แข็งมีภาชนะบรรจุหัวใจอยู่ คนที่เปิดกล่องปิดไว้อย่างดีเรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้ล็อค ตามด้วยหยิบกล่องมาอีกหนึ่งใบ แล้ววางไตของคนลงไป
ในกล่อง และยังมีส่วนอื่นอีก รวมถึงตับของคนถูกส่งมาเช่นกัน
สุดท้ายยังมีกล่องหนึ่งยกขึ้นมา ฉีเฟนอวิ๋นจ้องมองแค่กล่องใบนั้น หนังตาของฉีเฟยอวิ๋นกระตุกขึ้นทันที
คนที่มีชีวิตถูกนำอวัยวะออกมาจากร่างกาย พูดอย่างชัดเจนนั่นก็คือคนคนนั้นไม่ได้ป่วย หากว่ามีอวัยวะของร่างกายขาดหรือเพิ่มในร่างกายก็จะขาดแคลนหายไป แต่ตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่อย่างนั้น อย่างน้อยที่สุดเบื้องต้นตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นเห็น อวัยวะของร่างกายคนผู้นี้ได้ถูกตัดออกมาและเก็บเป็นอย่างดีแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นหวาดกลัวขึ้นมา เธอได้นึกถึงซูมู่หรง
อวัยวะด้านในที่ถูกตัดออกมาใช่ซูมู่หรงหรือไม่
อวัยวะทุกอย่างจัดเก็บเรียบร้อยเตรียมส่งออกไป ฉีเฟยอวิ๋นผลักเข็นไปที่ประตู แต่ตอนที่เธอถึงหน้าประตู ปืนหนึ่งกระบอกชี้มาที่ขาของเธอแล้ว
“เธอเป็นใคร?”ฝ่ายตรงข้ามถามอย่างเยือกเย็น ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองช้าๆ โชคดีที่ได้มีการเตรียมตัวไว้ ได้ยึดกล่องแล้วกระทุ้งไป สถานการณ์วุ่นวาย ฝ่ายตรงข้ามปกป้องกล่องเลยไม่กล้ายิงปืน ฉีเฟยอวิ๋นเตะกลางอากาศ ถีบฝ่ายตรงข้ามถลาถอยหลังไปสองก้าว
ฉีเฟยอวิ๋นถือโอกาสนี้ ยื้อแย่งปืนที่อยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามไม่กล้ายิงปืน แต่เธอกล้า เลยลั่นไกลต้องการชีวิตของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามตัวสั่นเทา คนนั้นก้มศีรษะลงบนพื้น ฉีเฟยอวิ๋นยิงออกไปอีกหนึ่งนัด ดับไฟที่อยู่ด้านบนก่อนอันดับแรก
“จับเธอไว้”
สถานการณ์วุ่นวายสับสนอลหม่าน แต่ทว่าฉีเฟยอวิ๋นกลับเข้าไปด้านใน อยู่ที่ด้านในของผ้าพลาสติกคนคนหนึ่งตายแล้ว เลือดไหลอาบอยู่ด้านนั้น คนทั้งคนคล้ายดั่งถูกเจาะเป็นโพรง ลำไส้ที่อยู่ด้านในไหลทะลักออกมา คนจำนวนหนึ่งที่สวมใส่ชุดคนไข้ในมือได้กอบกุมมีดผ่าตัดอยู่ที่มือเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดคนที่สอง
คนที่ตายอยู่ด้านนั้นน่าเวทนามาก ก็คือผลงานชิ้นเยี่ยมของพวกเขา
ฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ถึงเลยว่าใต้โรงพยาบาลจิตเวชจะมีพฤติกรรมชั่วช้าอย่างนี้ เธอเลยกระโจนเข้าไปยิงใส่คนที่กำลังกำมีดจะผ่าตัดคนที่กำลังมีชีวิตอยู่หนึ่งนัด
คนที่กำลังกำมีดอยู่ชะงักงัน คนล้มลงไปอยู่ที่พื้น คนอื่นๆทยอยมองมาที่ฉีเฟยอวิ๋น เห็นฉีเฟยอวิ๋นที่มีท่าทางโหดร้ายจะสังหารพวกเขา พวกเขาต่างทยอยพากันหลบหนี ฉีเฟยอวิ๋นแม่นปืนมาก ไม่ปล่อยไปสักคนเดียว ทุกคนตายเรียบ
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองคนจำนวนหนึ่งที่กระโจนเข้ามาอีก แต่ละคนมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เวลานี้พวกเขาเกลียดฉีเฟยอวิ๋นเข้ากระดูก อวัยวะเหล่านี้จะส่งไปสถานที่ที่พิเศษ คือขายส่งต่อให้กับคนมีเงินที่อยู่ต่างประเทศใช้งาน นี่เป็นเม็ดเงินมหาศาล คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกฉีเฟยอวิ๋นทำล่ม แน่นอนว่าพวกเขาไม่พอใจหรอก
ฉีเฟยอวิ๋นถูกคนจำนวนหนึ่งล้อมรอบไว้ ในกระบอกปืนไม่ลูกปืนแล้ว
คนเหล่านั้นต่างสบตากัน ตัดสินใจจะเอาอวัยวะภายในของฉีเฟยอวิ๋นออกมา สามารถใช้ยามฉุกเฉินก็ต้องเอามายามฉุกเฉินแล้ว
ตอนที่คนกระโจนเข้าหาฉีเฟยอวิ๋น ได้มีคนหนึ่งเดินมาจากทางด้านนอก ในมือกอบกุมปืนยิงเร็ว จากนั้นพูดขึ้นว่า ”หมอบลง!”
ฉีเฟยอวิ๋นรีบทะลวงเข้าไปในใต้โต๊ะ เพื่อที่จะปกป้องตนเอง ฉีเฟยอวิ๋นเอาศพของหมอสองคนมาวางบนตัว หลีกเลี่ยงที่จะตายด้วยลูกปืนของซูมู่หรง
หลังจากเสียงของปืนผ่านหูไปทุกอย่างที่อยู่บริเวณโดยรอบเปลี่ยนไปหมด ฉีเฟยอวิ๋นรอสักพักหนึ่ง จากนั้นมีคนเดินมาข้างกายเธอแล้วกดเหยียบลงที่ร่างศพ ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้มองคนที่มาอยู่ตรงหน้าเธอ
บนตัวของเขาสวมใส่ชุดลายพราง บนไหล่สะพายปืนยิงเร็ว ไม่ใช่ซูมู่หรงแล้วจะเป็นใครไปได้อีก?
“หัวหน้า!”ฉีเฟยอวิ๋นทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ เธอก็เลยรู้ว่า ซูมู่หรงเสแสร้ง!