ตอนที่ 424 ความปรารถนา / ตอนที่ 425 คนที่มีค่าที่สุด

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 424 ความปรารถนา 

 

 

หลายวันนี้จิ้งเฟยคิ้วขมวดมุ่นเป็นทุกข์ ถึงแม้เซียงฉือจะไม่รู้อาการป่วยของมารดานางว่าหนักเบาเพียงใด  แต่รู้ว่าจิ้งเฟยกังวลใจมาก ดังนั้นจึงตั้งใจซื้อโคมลอยมา หวังว่าจะทำให้จิ้งเฟยยิ้มได้บ้าง 

 

 

จิ้งเฟยฟังคำอธิบายของเซียงฉือและเห็นการจัดเตรียมอยู่เต็มห้องจึงยื่นมือออกไปตบหลังมือนาง 

 

 

“ทำให้เจ้าต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย ข้าชอบมาก แม่ข้าสุขภาพไม่ดีนักเสมอมา ข้าเองก็เป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา เซียงฉือ เจ้าฉลาดและรู้ใจนัก มิน่าฝ่าบาทจึงได้ชื่นชมเจ้ามาก” 

 

 

เซียงฉือได้ยินแล้วรีบน้อมกายทำความเคารพพูดขึ้นว่า 

 

 

“จิ้งเฟยตรัสเช่นนี้เป็นเพราะทรงเอ็นดูหม่อมฉัน ทั้งฝ่าบาทและจิ้งเฟยทรงเป็นเจ้านายที่มีพระทัยกว้างขวางโอบอ้อม ทรงใส่ใจกับผู้รับชิดใกล้ชิด ทำให้หม่อมฉันสำนึกในพระกรุณาและจะยิ่งทุ่มเทถวายการรับใช้ เพื่อไม่ให้เสียทีที่จิ้งเฟยทรงใส่ใจดูแลเพคะ” 

 

 

ซูเฟยฟังคำพูดเซียงฉือแล้วก็พยักหน้า นางลูบศีรษะบุตรสาวแล้วพูดว่า 

 

 

“ใต้เท้าอวิ๋นอย่าได้ถ่อมตนเช่นนี้ ใต้เท้าเป็นขุมความรู้ ฝ่าบาทจึงทรงให้ความสำคัญ ในอนาคตควรควบคุมกองงานสักกองหนึ่งเพื่อสร้างความผาสุกให้เกิดขึ้นจึงจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง ข้าอยู่แต่ในวังใน ยิ่งศรัทธาในตัวใต้เท้านัก” 

 

 

ซูเฟยเกรงใจถึงเพียงนี้ เซียงฉือได้แต่กำกำปั้นคารวะไม่หยุดหย่อน 

 

 

องค์หญิงหรงเย่ว์อธิษฐานจบแล้ว เซียงฉือมองดูนางถามขึ้นยิ้มๆ ว่า 

 

 

“องค์หญิงทรงอธิษฐานสิ่งใดเพคะ จะทรงบอกกับหม่อมฉันได้ไหมเพคะ” 

 

 

จิ้งเฟยไปดูแลมารดาที่ด้านข้างจึงวางใจฝากหรงเย่ว์ไว้กับเซียงฉือ เซียงฉือกอดเด็กหญิงขาวนุ่มนวลไว้แล้วพูดกับนาง งานเลี้ยงวันเกิดของจิ้งเฟยไม่จัดว่ายิ่งใหญ่ แต่คนในครอบครัวต่างมีความสุขซึ่งทำให้นางดีใจยิ่งขึ้น 

 

 

หรงเย่ว์กะพริบตาแล้วแนบเข้าไปพูดที่ข้างหูเซียงฉือ 

 

 

“ขอให้เสด็จแม่มีน้องชายให้เย่ว์เอ๋อร์สักคนหนึ่ง แล้วก็ขอให้ท่านยายหายป่วย แล้วก็ยังมีอีก เย่ว์เอ๋อร์ขอให้เสด็จพ่อมาเล่นกับเย่ว์เอ๋อร์ทุกวัน แล้วเซียงฉือก็ให้ของกินอร่อยๆ กับข้าแล้วก็มีของเล่นเยอะๆ” 

 

 

หรงเย่ว์พูดจบก็ยิ้มหวาน แต่เกิดความลังเลบนใบหน้าน้อยๆ ที่งดงามนั้น 

 

 

“พี่เซียงฉือ ท่านว่าเย่ว์เอ๋อร์ขอเยอะเกินไปไหม เสด็จแม่บอกว่าน้ำมากเกินไปจะล้น น้ำใจมากเกินไปจะเหนื่อย จะทำให้ไม่เป็นจริงเลยสักเรื่องไหม” 

 

 

เซียงฉือฟังคำหรงเย่ว์แล้วครุ่นคิด นางปรารถนาให้เสด็จแม่ให้กำเนิดน้องชายสักคนหนึ่ง คำพูดของเด็กน้อยคนหนึ่งแม้ส่วนมากจะไร้สาระถือเป็นจริงจังไม่ได้ แต่ขณะเดียวกัน คำพูดของพวกเขาก็คือเสียงในใจของผู้ใหญ่นั่นเอง 

 

 

เซียงฉือจึงถามกลับไปว่า 

 

 

“โคมลอยอันนี้เล็กเกินไปรับความปรารถนามากมายแบบนั้นของเย่ว์เอ๋อร์ไม่ไหวแน่ ถ้าเช่นนั้นเย่ว์เอ๋อร์จะอธิษฐานอะไรดี” 

 

 

เซียงฉือถามเช่นนี้ มือน้อยๆ คู่หนึ่งของหรงเย่ว์ก็ซ้อนกันขึ้นมา เด็กน้อยคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง 

 

 

“ข้าขอให้มีน้องชายสักคน แล้วก็ขอให้ท่านยายหายป่วย แล้วเสด็จแม่จะได้ไม่ต้องแอบร้องไห้ ท่านตาก็จะได้ไม่ว่าเสด็จแม่เรื่อยๆ” 

 

 

เซียงฉือฟังคำตอบนี้แล้วเกิดรู้สึกสงสารสตรีในวังพวกนี้ขึ้นทันที ทั้งชีวิตของพวกนางมีไว้เพื่อฮ่องเต้ เพื่อวงศ์ตระกูล และยังมีลูกๆ พวกนางอยู่อย่างลำเค็ญก็เพื่อปกปักรักษาคนพวกนี้ที่พูดได้ว่าสำคัญที่สุดสำหรับพวกนาง 

 

 

“ใจขององค์หญิงสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่านางฟ้าบนสวรรค์ ความปรารถนาขององค์หญิง สวรรค์จะต้องช่วยให้เป็นความจริงอย่างแน่นอนเพคะ” 

 

 

เซียงฉือลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของหรงเย่ว์ เด็กคนนี้ดีงามประดุจนางฟ้าตัวน้อยๆ เซียงฉือมองดูนางก็เหมือนได้เห็นน้องชายของตนเองที่อยู่ไกลถึงหลานโจวคนนั้น เขาอายุห่างจากนางมาก ทั้งนางยังไม่มีภาพความทรงจำสักเท่าไหร่ แต่สำหรับใจนางแล้ว เขาก็คือฑูตสวรรค์ตัวน้อยที่สะอาดบริสุทธิ์ 

 

 

ดีงาม กตัญญู งดงาม 

 

 

เซียงฉือกอดองค์หญิงหรงเย่ว์ พานางเที่ยวชมทัศนียภาพที่ไกลออกไป นางชอบหรงเย่ว์จริงๆ เพราะนางประดุจดั่งบัวหิมะที่แย้มบานอย่างสงบอยู่ท่ามกลางตลาดที่อึกทึกครึกโครม งดงามเสียจนทำให้จิตใจของนางสงบลงได้เป็นอันมาก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 425 คนที่มีค่าที่สุด 

 

 

งานเลี้ยงฉลองวันเกิดสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วโดยปราศจากผู้เจตนามารบกวน ความตั้งใจของฮ่องเต้คือการให้จิ้งเฟยสามารถใช้เวลาอยู่กับครอบครัวสักคืนหนึ่ง แล้วกลับเข้าวังในวันพรุ่งนี้ก่อนประตูวังจะลั่นดาล 

 

 

ขณะนั้นอวิ๋นเซียงฉือได้อยู่อย่างสงบ นางนั่งอยู่ใต้ระเบียงมองดูพระจันทร์สว่างไสวด้านนอก วันนี้ไม่เพียงเป็นวันเกิดจิ้งเฟยแต่ยังเป็นวันเทศกาลโคมไฟอีกด้วย เป็นวันที่ครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 

 

 

ถึงยามปกตินางจะเข้มแข็ง แต่ก็ยังเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่งที่ยังคงคิดถึงคนในครอบครัว ท่านปู่ ท่านพ่อท่านแม่ของนาง 

 

 

แต่พอเซียงฉือคิดถึงเรื่องนี้แล้วพลันชะงักงัน นางคิดถึงชายคนที่พบเห็นเมื่อคืนนี้ คนที่ชนนางแล้วจากกันไปตั้งแต่บัดนั้น 

 

 

นางรู้สึกว่าเขาดูคุ้นยิ่งมาตลอด ช่างเหมือนบิดานางจริงๆ ทำให้นางกังวลใจอย่างยิ่ง 

 

 

คนทั้งสองกลุ่มนั้นดูแล้วไม่น่าจะใช่คนดี ทั้งวันนั้นเหอเจี่ยนสุยก็ปฏิบัติกับนางแปลกไปมาก นางรู้สึกว่าในตอนนั้นเขามีความในใจมากมาย และคิดสารพัดวิธีการเพื่อหลอกถามนางว่าเห็นคนคนนั้นชัดเจนหรือไม่ 

 

 

เซียงฉือชักเป็นห่วง กลัวว่าคนคนนั้นจะเป็นบิดาจริงๆ แล้วใครกันที่จับท่านไปได้ 

 

 

บิดานางเป็นเพียงสามัญชน ฝ่าบาทมีรับสั่งให้บ้านสกุลจินคอยดูแลบ้านสกุลอวิ๋น ในช่วงเวลานี้บ้านสกุลจินอยู่ระหว่างขอให้ฝ่าบาทปลดปล่อยจินกุ้ยเฟย ในช่วงจังหวะที่สำคัญเช่นนี้ บ้านสกุลจินจะต้องไม่เลือกที่จะลงมือกับบ้านสกุลอวิ๋นเพื่อให้เกิดเป็นปัญหาใหม่ขึ้นมาอย่างแน่นอน 

 

 

แต่หากไม่ใช่บ้านสกุลจินแล้ว เซียงฉือก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าบิดาของตนจะไปล่วงเกินใครได้ 

 

 

เมื่อนางคิดเช่นนี้ทำให้รู้สึกว่าคนคนนั้นต้องไม่ใช่บิดาอย่างแน่นอน แต่ทว่าความกังวลที่อยู่ในใจหาได้โปร่งโล่งไปตามคำปลอบใจตัวเองของนางไม่แม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งหวาดหวั่นขึ้นมา 

 

 

กิ่งไม้ข้างหลังนางเคลื่อนไหวเล็กน้อย เซียงฉือลุกขึ้นยืนหันหน้ากลับไปอัตโนมัติ ท่าทางของนางเหมือนดั่งแมว มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเฉียบไว 

 

 

นางเกิดความหวาดกลัว ประสาทรับรู้ไวต่อการเปลี่ยนแปลง 

 

 

“ใคร ออกมานะ” 

 

 

เซียงชือถามออกไป แล้วก็มีชายหนุ่มในชุดยาวสีฟ้าอ่อนเดินออกมาจากด้านใน 

 

 

ใจของเซียงฉือแขวนอยู่กลางอากาศอย่างกังวลอยู่นาน ก่อนที่นางจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็เห็นใบหน้าคมสันของเหอเจี่ยนสุยปรากฏขึ้นในคลองจักษุ 

 

 

เซียงฉือทาบอก พูดด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง 

 

 

“ทำไมเจ้ามาที่นี่ ทำให้ข้าตกใจแทบแย่” 

 

 

เซียงฉือแสร้งทำเป็นโกรธเพราะอาย เหอเจี่ยนสุยยิ้มแล้วเดินออกมาจากกิ่งไม้ที่ใช้อำพราง 

 

 

“ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครไปได้ เพื่อจะได้พบเจ้า ขุนนางราชสำนักอย่างข้าถึงกับต้องปีนกำแพงเข้ามา ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพชนพึงกระทำเลย” 

 

 

เซียงฉือได้ยินแล้วหัวเราะขำ 

 

 

นางยิ่งดูงดงามภายใต้แสงจันทร์ เหอเจี่ยนสุยเดินแผ่วเบาไปถึงเบื้องหน้านาง เขาจ้องมองใบหน้านั้นแล้วโอบกอดนางเบาๆ 

 

 

เซียงฉือไม่ต่อต้าน นางซุกศีรษะเข้าไปแนบอกเขา 

 

 

“คิดถึงบ้านสินะ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงว่าเจ้าจะอ้างว้างเกินไปในวันนี้ ข้าย่อมทำเรื่องปีนกำแพงลอบเข้าหลังบ้านคนอื่นในยามวิกาลเช่นนี้ไม่ได้เป็นแน่ มีแต่เจ้านี่แหละที่สามารถทำให้ข้าไม่เป็นตัวของตัวเองได้แบบนี้” 

 

 

เซียงฉือฟังด้วยความประทับใจ นางไม่ใช่หญิงสาวที่ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเป็นตัวชี้นำ หากเป็นคนอื่นพูดกับนางเช่นนี้นางย่อมไม่เชื่อ แต่เหอเจี่ยนสุยเป็นคนที่นางคุ้นเคยที่สุดมาตั้งแต่เล็กจนโต เป็นคนที่นางคิดจะร่วมใช้ชีวิตด้วยในภายหน้า ทั้งยังเป็นคนที่ไม่ทิ้งขว้างนางและบ้านสกุลอวิ๋น 

 

 

นางจารึกทุกคำพูด ทุกตัวอักษรของเขาลงไว้ในใจ 

 

 

เซียงฉือเบียดอยู่ในอ้อมอกเขาราวเด็กน้อย น้ำตาร่วงเผาะๆ 

 

 

“เหอเจี่ยนสุยแบบนี้ไม่เหมือนเหอเจี่ยนสุยเอาเสียเลย แต่ก็เป็นคนที่มีค่าที่สุดของข้า คนล้ำค่าที่ข้าวางไว้อยู่ภายในใจ” 

 

 

“ขอบใจเจ้าที่มาอยู่เป็นเพื่อนข้า…”