ตอนที่ 690 หีบสมบัติ

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ตอนที่ 690 หีบสมบัติ

 

“มันทิ้งเราให้หลับอยู่ที่นี่!” เสียงคํารามอย่างโกรธจัดของหลูปิงเซ่อดังขึ้น ความโกรธระเบิดพุ่งขึ้นฟ้า

 

ฟานเจี้ยนยังคงนิ่งค้าง ยืนมองแม่น้ำที่ว่างเปล่าไม่ขยับ เขานึกไม่ออกว่าเสาหินจะหายไปโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง?

 

หลังจากพักใหญ่ หลูปิงเซ่อก็เหนื่อย ฟานเจี้ยนก็ได้สติกลับมาหากก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาในหัวได้ ตอนนี้พวกเขาควรทําอะไร?

 

“ก่อนอื่นเราต้องหาให้ได้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทําไมเสาหินที่แยกแม่น้ำออกเป็นสองสายถึงได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย?” ฟานเจี้ยนยกข้อสงสัยขึ้นมา ” แล้วหัวหน้ายังอยู่ข้างในแสดงว่าหัวหน้าก็หายไปด้วย?”

 

หลูปิงเซ่อเกิดความรู้สึกผิดขึ้น เขารีบสงบอารมณ์ลงทันที ” หัวหน้าน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เสี่ยวเคินทิ้งข้อความไว้ให้ฉัน แสดงว่าพวกเขาต้องตามหัวหน้าไป หัวหน้าน่าจะอยู่ระหว่างการทดสอบในขณะที่เสาหินเคลื่อนไหว หัวหน้าถึงไม่สามารถออกมาได้ มันจะต้องมีบางอย่างที่เราไม่รู้เกิดขึ้น!”

 

ฟานเจี้ยนกรอกตา “มีแต่เรื่องไร้สาระ”

 

“นายสิไร้สาระ วันนี้แหละฉันจะทําให้เห็นเอง” หลูปิงเซ่อผลักฟานเจี้ยนออก และเดินตรงไปที่แม่น้ำ กวาดตามองรอบๆ

 

“การตรวจสอบแม่น้ำทางธรณีวิทยา?” ฟานเจี้ยนจ้องหน้าหลูปิ้งเซ่อ “มันจะเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนั้นขึ้นได้ยังไง?”

 

และในเวลานั้นเอง 

 

“พรึบ~”

 

จู่ๆแม่น้ำตรงหน้าก็รวมตัวกันเป็นเกลียวคลื่น ทันใดนั้นมันก็มีเต่ายักษ์ปรากฏตัวขึ้นกลางแม่น้ำที่แยกทางออก มันไต่ขึ้นมาที่ฝั่ง

 

ฟานเจี้ยนที่ยืนอยู่หลังหลูปิงเซ่อช็อคค้างไปแล้วกับภาพที่ได้เห็น พลังงานที่แปลกประหลาดเพราะโลกาวินาศทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม จากเต่าปกติก็กลายเป็นเต่ายักษ์ จนฟานเจี้ยนรู้สึกเหมือนตัวเองจะโดนมันกลืนลงท้อง

 

ขณะที่หลูปิงเซ่อจ้องหน้าเต่ายักษ์ด้วยสีหน้ายุ่งยาก จนทําให้คนที่มองไม่สามารถทําความเข้าใจได้ว่าหลูปิงเซ่อกําลังทําอะไรอยู่

 

ภาพแปลกๆนี้ดําเนินต่อไปประมาณสามนาที จากนั้นเจ้าต่ายักษ์ก็ทําสีหน้าไม่เป็นมิตร มันหมุนหัวและหันตัวเดินกลับลงน้ำไป

 

“ฉันได้คําตอบชัดเจนแล้ว” หลูปิงเต๋อหันกลับมาสบตากับฟานเจี้ยนด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ถึงแม้จะมีพยานที่เห็นกับตาตัวเอง แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อ”

 

“เฮ้” ฟานเจี้ยนเรียกสติหลูปิงเซ่อ ฟานเจี้ยนเองก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน “เออ ยอมรับว่านายเจ๋งจริงๆ เพราะงั้นมาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสักที?”

 

หลูปิงเซ่อพอใจกับการยอมรับของฟานเจี้ยน “เราเหนื่อยล้าจนหลับยาวกันไปเป็นสิบชั่วโมง เสี่ยวเคินและทุกคนจากไปเมื่อแปดชั่วโมงก่อน พวกเขาตามเสาหินอย่างที่พี่เต่ายักษ์บอกคือ พวกเสี่ยวเคินวิ่งไล่ตามเสาหินกันทั้งวัน แต่ไม่สามารถตามได้ทัน”

 

“เสาหินประเมิณ? หนีไป? มันหมายความว่าไง?” ฟานเจี้ยนรู้สึกเหมือนกําลังฝันอยู่ มันน่าเหลือเชื่อ “ฉันเป็นถึงวัฒนาการระยะ 6 เป็นไปได้ยังไงที่ทั้ง 50 คนจะผ่านการรับรู้ของฉันและหลบหนีไปได้โดยที่ฉันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดได้!”

 

หลูปิงเซ่อเหล่ตามอง “วิธีการซ่อนเร้นของทีมกุ้งเสือดํานั้นขึ้นชื่อที่สุดจากทั้งสามทีม ไม่ต้องพูดถึงนายด้วยซ้ำ บางครั้งหัวหน้าก็ยังหาพวกเขาไม่เจอ ส่วนเรื่องของเสาหินนั้นมันเหมือนโดนตบหน้ากันโต้งๆ ฉันก็ไม่รู้แต่ฉันมั่นใจว่าหัวหน้าไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แต่ถูกเสาหินพาไประหว่างเข้าทําการทดสอบอยู่ในเสาหิน”

 

“น่าทึ่งมาก” ฟานเจี้ยนตะลึงค้างจนพูดออกมาได้แค่สามคํา

 

“ฉันเองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน” หลูปิงเซ่อหยิบก้อนหินที่เสี่ยวเคินทิ้งไว้ขึ้นมาดู “โชคดีที่พวกเขาทิ้งข้อมูลไว้ให้เรา ตอนนี้เราจะต้องออกเดินทางไปเมืองหนานตู้กัน”

 

ฟานเจี้ยนพยักหน้า “วิธีการสื่อสารของพวกนายนพิเศษจริงๆ และเสี่ยวเคินที่ทิ้งนายง่ายๆก็ยิ่งน่าอึดอัดจริงๆ”

 

หลูปิงเซ่อเริ่มลงมือเก็บข้าวของ “นายยังไม่ได้เห็นฉากการฝึกซ้อมครั้งแรก หัวหน้าชูฮันจงใจทิ้งพวกเราซึ่งวิวัฒนาการระยะสูงสุดในกลุ่มแค่ระยะ 2 เอาไว้ให้เราเดินทางข้ามเมืองสามเมืองจากเขตของค่ายตวนไปที่เมืองอันลูภายในระยะเวลาสามเดือน โดยไม่มีการช่วยเหลือใดๆ พวกเราต้องเดินทางกันเองตามถนน ต้องคอยหลบหลีกหน่วยลาดตระเวนของซางจิงที่คอยตามล่า! ดังนั้นเรื่องวันนี้ ที่เสี่ยวเคินทิ้งฉันไว้ มันเป็นเรื่องหมูๆ”

 

ฟานเจี้ยนตะลึงอยู่พักหนึ่ง เขาพูดไม่ออก เมื่อได้สติก็ส่ายหัวกับตัวเอง “ไม่แปลกใจทําไมทุกคนถึงบูชาชูชันอย่างกับราชา ถูกฝึกกันมาอย่างโหดนี่เอง”

 

“ไปกัน” หลูปิงเซ่อสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นหลังและเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ไปที่ค่ายหนานตู้!”

 

ผู้ชายสองคนเดินคู่กัน มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มุ่งสู่ค่ายผู้รอดชีวิตหนานตู้ พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ทีมกุ้งเสือดํา 50 คนได้เผชิญกับอะไรบ้าง

 

ชูฮันที่อยู่ในการทดสอบของเสาหินเองก็ไม่ทราบแน่ชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก เขาคิดกับตัวเองด้วยซ้ำว่าเสาหินอาจจะบังเอิญพาเขาไปที่หนานตู้ ซึ่งมีซอมบี้มากว่า 20 ล้านตัว

 

ชูฮันกําลังวิ่งอยู่ในเขาวงกตขนาดใหญ่ ตอนนี้เขาวิ่งมาเป็นเวลากว่าสิบชั่วโมงแล้วหากยังไม่ได้ฆ่าสัตว์ประหลาดสักตัวเดียว นับตั้งแต่เช้าที่ชูฮันเข้าไปทําการทดสอบในโลกคู่ขนานเพื่อหาชิ้นส่วนระบบล่มสลายจนถึงตอนนี้ ชูฮันไม่ได้พักมากว่าสิบสองชั่วโมงแล้ว

 

จากความสําเร็จของการประเมิณระยะ 4 จนถึงการเข้าไปชิงชิ้นส่วนระบบล่มสลายในโลกคู่ขนาน และในที่สุดมาจนถึงการทดสอบการต่อสู้โดยรวมของระยะ 5 อันได้พักไปแค่เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง

 

เวลานี้ ร่างกายของชูฮันกําลังจะเกินขีดจํากัดเพราะความเหนื่อยล้าแล้ว

 

ถ้าเขาทําตามจุดประสงค์ของเขาวงกตจริงๆ โดยการไล่ฆ่าสัตว์ประหลาด ชูฮันคาดว่าเขาน่าทนไม่ไหวไปตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว แต่สาเหตุที่ชูฮันตัดสินใจเข้าทําการทดสอบเพราะเขารู้ว่าเขาจะทํามันสําเร็จ!

 

ฝีเท้าที่วิ่งราวกับลมพัด ร่างของชูฮันโชกไปด้วยเหงื่อ ด้านหลังของเขามีสัตว์ประหลาดสองสามตัววิ่งไล่ตามมา พวกมันส่งเสียงร้องคํารามไม่หยุด อ้าปากกว้างจนแทบจะกลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าไปได้หมด

 

ชูฮันไม่สามารถหยุดพักได้ ในชาติที่แล้วเมื่อตอนที่เขาเข้ามาทําการทดสอบนี้เขาอยู่ในระยะ 8 แล้วมันจึงไม่มีแรงกดดันอะไรกับการรับมือสัตว์ประหลาดพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่วิวัฒนาการระยะ 5 เท่านั้น เขาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่กี่ตัวตรงๆนั้นจะทําให้เขาหมดพลัง

 

พวกมันคือสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดในเขาวงกตทั้งหมด!

 

และการได้เจอกับพวกมันนั้น ก็หมายความว่าทางออกอยู่ใกล้แล้ว เพียงแค่เสี้ยวถัดไป!

 

พรึบ!

 

หมุนตัวอย่างกระทันและสวยงาม พร้อมทางเดินว่างเปล่าตรงหน้าปรากฏให้เห็น ซึ่งมันก็คือทางออก นอกเหนือจากนั้นมันยังมีหีบสมบัติที่วางไว้ข้างทางออกเหมือนจะเป็นรางวัลสําหรับผู้สํา

 

ในจังหวะนั้น ชูฮันก็เร่งความเร่งขึ้นสูงสุด ชูฮันกัดฟันพาตัวเองไปยังทางออก เหลืออีกแค่ 20 เมตร…10 เมตร…1 เมตร …

 

หวังไคในกระเป๋าของชูฮันกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ชูฮันไม่ได้ฆ่าสัตว์ประหลาดสักตัว แล้ววิ่งออกไปทางออกแบบนี้ได้เหรอ?

 

และในจังหวะนั้นเอง

 

มีดคมเล่มหนึ่งถูกปาออกจากมือชูฮัน พุ่งใส่หีบสมบัติตรงหน้าให้เปิดออก!