ตอนที่ 139 จูบแรก

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ถึงแม้การประทับจูบนี้จะยาวนานอยู่บ้าง แต่ว่าริมฝีปากของทั้งสองก็เพียงแต่สัมผัสกันเท่านั้น ไม่ได้มีการกระทำใดอื่นตามมาด้วย 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่จีเฉวียนได้สัมผัสกับริมฝีปากของหญิงสาว เขารู้สึกว่ามันช่างนุ่มนิ่ม ยิ่งเข้าใกล้ถึงเพียงนี้ ยิ่งคล้ายจะได้กลิ่นหอมของดอกฮว๋ายจากตัวนางเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม 

 

 

พระหัตถ์ที่โอบประคองเอวของนางเอาไว้จึงอดไม่ได้ที่จะรัดให้แนบแน่นขึ้นไปอีก แต่เอวของอิสตรีบอบบางเพียงเท่านี้ หากว่าเขาใช้กำลังมากเกินไป ใช่จะทำให้หักขาดไปหรือไม่ 

 

 

ช่างคิดไม่ออกเสียจริงๆ รูปร่างที่เล็กบางถึงเพียงนี้จะไปเอากำลังมาจากไหนมาอุ้มเขากัน 

 

 

ชั่วขณะที่ลมหายใจของทั้งสองต่างรดผ่านใบหน้าของกันละกัน กลิ่นอายของบุรุษที่เข้มข้นก็สร้างความกดดันจนตู๋กูซิงหลันแทบจะหายใจไม่ออก 

 

 

นางจดจ้องมองรูปลักษณ์ที่งดงามของจีเฉวียนที่อยู่ตรงหน้า ขณะเดียวกันก็ใคร่ครวญว่าจะตัดสินใจเลือกทางไหนดี 

 

 

นางสมควรที่จะผลักเขาออกไป หรือว่าดึงเขาเข้าแล้วพลิกกลับกลายเป็นฝ่ายเริ่มรุกก่อนดี? 

 

 

เต้าหู้ทอดส่งมาถึงหน้าประตูหากว่าไม่กินก็คงต้องอดหมดแล้ว! 

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะทำตัวน่ารังเกียจอยู่บาง แต่ว่าเปลือกนอกเช่นนี้ก็ช่างยั่วให้คนชื่นชอบเสียจริง 

 

 

คิดไปคิดมา เจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้เป็นจิ้งจอกพันปี ย่อมต้องไม่มีทางมาดีกับนางแน่ นางจะต้องไม่หลงใหลไปกับรูปลักษณ์ที่งดงามของเขาง่ายๆ หากว่าตนเองตกหลุมไปแล้ว เกรงว่าแม้แต่ตายอย่างไรก็ยังคงไม่รู้ตัวเลย 

 

 

หลังครุ่นคิดอยู่นานนางก็ตกลงใจว่าจะไม่ทำสิ่งใดเลยดีกว่า และเพราะในขณะที่จีเฉวียนจูบนางอยู่นั้น นางพลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังหยินที่รุนแรงหมุนวนอยู่ภายในร่างของเขา 

 

 

คนผู้นี้เป็นโอรสสวรรค์แท้ๆ แต่กลับมีพลังหยินรุนแรงหนักแน่นกว่ามารปีศาจถึงสิบเท่า 

 

 

นี่ทำให้ตู๋กูซิงหลันรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ในร่างกายของเขามีสิ่งใด……..แฝงอยู่กันแน่? 

 

 

นางจ้องสบตากับเขาอย่างตรงๆ เพราะคิดจะดูให้แจ่มชัด จีเฉวียนเองก็ถูกนางมองจนนิ่งค้าง 

 

 

ขนตาของนางทั้งยาวทั้งหนาเป็นแพ แต่ละเส้นล้วนงามงอน ดวงตาของนางนอกจากจะสะท้อนภาพใบหน้าของเขาแล้ว ก็ไม่มีแววว้าวุ่นใดๆ อื่นอีก ทั้งมิได้ตอบรับและมิได้ปฎิเสธ ราวกับสตรีมากประสบการณ์ความรักคนหนึ่ง 

 

 

จีเฉวียนเอื้อมมือไปปิดบังดวงตาของนาง ขบกัดลงบนริมฝีปากล่างของนางเบาๆ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันที่รู้สึกเจ็บก็ครางออกมาเบาๆ ค่อยรู้สึกตัวขึ้นมา เจ้าฮ่องเต้องค์นี้ช่างเป็นสุนัขโดยแท้ รู้จักกัดคนด้วย! 

 

 

ในที่สุดจีเฉวียนก็คลายอ้อมแขน 

 

 

ทรวงอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง พยายามจะสงบอารมณ์ของตนเองอย่างสุดความสามารถ หากเขาไม่ระวังแม้เพียงนิดเดียว มีหวังจะต้องถูกนางทำให้หลงใหลแน่ เขาทั้งกรุ่นโกรธทั้งรู้สึกอดรนทนไม่ได้ 

 

 

แต่ว่าการแสดงออกของนางกลับสงบนิ่งอย่างมาก ราวกับว่าถึงจะถูกเขาจูบก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด 

 

 

แม้แต่ใบหน้าก็ไม่แดง 

 

 

หากว่ากันตามจริง สำหรับตู๋กูซิงหลันแล้ว นอกจากจะรู้สึกว่าริมฝีปากของเขาเย็นๆ ชืดๆ และริมฝีปากตนเองโดนขบกัดจนเจ็บอยู่บ้างแล้ว ที่เหลือก็มิได้รู้สึกอะไรอีก 

 

 

สำหรับนางแล้วก็เหมือนกับการที่มือซ้ายจับกับมือขวา ไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย 

 

 

ที่นางรู้สึกสนอกสนใจยิ่งกว่าก็คือทำไมในร่างของเขาถึงได้มีพลังหยินอย่างหนักแน่นและรุนแรงเช่นนี้ 

 

 

บางที….แม้แต่พลังหยินของหยกสรรพชีวิตที่นางถือครองอยู่ยังไม่อาจเทียบได้กับความรุนแรงของพลังที่อยู่ในร่างของเขา 

 

 

ก่อนหน้านี้นางมักจะรู้สึกว่าไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ร่างกายของฮ่องเต้องค์นี้ก็จะให้ความรู้สึกหนาวเย็นอยู่เสมอ พอวันนี้ได้ใกล้ชิดกันอย่างแนบแน่ถึงได้รู้สึกว่า ที่แท้เรื่องนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่ ฮ่องเต้องค์นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ 

 

 

จีเฉวียนกลับอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง ขณะที่ตู๋กูซิงหลันสงบเงียบดังทะเลสาบ เขากลับรู้สึกราวกับท้องทะเลที่คลุ้มคลั่ง 

 

 

ท่าทีที่สงบนิ่งของนางทำให้จีเฉวียนชักจะรู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว “เจ้ายังคงคิดถึงจีเย่ว์อยู่ใช่หรือไม่? “ 

 

 

สตรีในโลกนี้จะมีคนใดที่ถูกคนจูบแล้วยังมีปฎิกิริยาเช่นนี้อยู่บ้าง? 

 

 

หากว่าไม่ชอบละก็อย่างน้อยๆ ก็ต้องตบกลับมาสักฉาดหนึ่ง หากว่าชื่นชอบ……ก็ไม่ใช่ว่าได้จังหวะแสดงออกพอดีหรอกหรือ? 

 

 

นางกลับดีนัก ทำตัวเป็นมนุษย์ไม้ตนหนึ่ง 

 

 

นี่แสดงว่าอย่างไรกัน? แสดงว่าในใจของนางเขาก็แค่มีก็ได้ไม่มีก็ได้เท่านั้นหรือ ไม่สามารถทำให้นางหวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อยงั้นสิ 

 

 

หากพูดให้ชัดเจนลงไปอีกก็คือนางไม่ได้สนใจเขาเลยแม้สักนิดหนึ่ง 

 

 

หรือไม่ก็ในใจของนางที่จริงมีผู้อื่นจับจองอยู่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีพื้นที่ใดๆ ให้เขาอีก 

 

 

” ไม่เสียหน่อย ” ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ ” ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลไปก็หลายครั้งแล้ว เขากับหม่อมฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็จากไปไกลแล้ว พระองค์จะยังทรงยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไม? “ 

 

 

” ยิ่งอธิบายก็คือมีเจตนาปกปิด “สีพระพักตร์ของจีเฉวียนกลับมาเป็นเย็นชาดุจเช่นเดิม 

 

 

เขาคงบ้าไปแล้ว! ถึงได้มาสนใจว่าในใจนางมีใครกันแน่ แล้วยังจะหงุดหงิดกับปฎิกิริยาของนางอีก 

 

 

แต่หากใจนางไม่มีจีเย่ว์แล้ว ทำไมถึงได้เฉยชากับจูบของเขานัก? 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..” นางปิดปากนิ่งเงียบ ไม่กล่าวสิ่งใด 

 

 

เพราะถึงนางจะอธิบายเช่นไร เขาก็มิได้ยอมรับฟัง 

 

 

บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองกลายเป็นหนักอึ้งอยู่อีกนาน จนกระทั่งถ่านไฟในห้องก็มอดดับลงแล้ว สายลมหนาวจากภายนอกพัดเข้ามาในห้อง ร่างกายของจีเฉวียนก็เย็นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ความเย็นนี้คล้ายจะแทรกซึมเข้าไปจนถึงกระดูก แม้แต่พระพักตร์ที่งดงามยามนี้ก็แทบจะไม่มีสีเลือดแล้ว 

 

 

ในที่สุดพระองค์ก็ประทับยืนขึ้น ดวงเนตรหงส์ยังคงจับจ้องนางอยู่อีกครู่ใหญ่ 

 

 

ยามที่พระองค์น้อมเอวลงมา อาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าสร้างความกดดันต่อนาง ” เจ้าเป็นไทเฮา จงจดจำฐานะของตนเองเอาไว้ให้ดี! หากว่ายังกล้าอาลัยเสียดายจีเย่ว์อยู่อีกละก็ ถึงแม้เขาจะอยู่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวเพียงไร เราก็ฆ่าเขาได้อยู่ดี” 

 

 

ตรัสแล้ว พระองค์ก็สะบัดชายฉลองพระองค์เสด็จจากไป แต่พอเสด็จถึงประตูใหญ่ก็ชะงักพระบาทก้าวหนึ่ง หันพระพักตร์กลับมามองนางชั่วแวบ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเองก็มองตามไปเช่นกัน ยามที่ดวงตาทั้งสี่สบประสาน เขาก็ยังคงไม่อาจมองเห็นร่องรอยของความหวั่นไหวในด้วยตาของนางแม้แต่น้อย 

 

 

สมองของพระองค์ปรากฎภาพค่ำคืนนั้นยามที่นางและจีเย่ว์โอบกอดกันอย่างแนบแน่น ไม่ว่าจะสลัดอย่างไรก็ไม่ลบภาพนั้นออกไปได้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูเงาหลังของเขาเสด็จจากไป ค่อยยกมือขึ้นสัมผัสกับริมฝีปากของตนเอง เขาไปเอาความคิดที่ว่านางรักจีเย่ว์มาจากไหนกัน? 

 

 

วิญญาณทมิฬที่ซ่อนตัวอยู่นานค่อยได้ทีกระโดดออกมาบ้าง ” หลันหลัน จูบแรกของเจ้าก็โดนเอาไปเสียง่ายๆ แบบนี้ ขอถามหน่อยเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างเล่า? “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันคิดอยู่นาน ” จูบแรกหรือ? ชาติก่อนตอนเจ๊ถ่ายหนัง แม้แต่ฉากวาบหวามบนเตียงก็ถ่ายมาแล้วนิ? “ 

 

 

วิญญาณทมิฬ “…..” โว้ย! สตรีหน้าไม่อาย! 

 

 

ตอนนั้นเพื่อติดตามค้นหาปีศาจชั้นสูงที่แอบสิงอยู่ในร่างของดาราสาวคนหนึ่งนางจึงได้เข้าสู่วงการภาพยนต์ เรื่องแรกที่ถ่ายทำก็คือ ตำนานเซียนกระบี่แมรี่ซู นางเล่นเป็นนางมารที่มีจิตใจชั่วร้ายตนหนึ่ง 

 

 

นางมารผู้มีจิตใจชั่วร้ายได้พยายามล่อลวงและครอบครองพระเอกที่เป็นจอมเทพมากว่าหนึ่งพันปี พระเอกกลับไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่อยู่ดีๆ ก็บังเอิญมีนางเอกกระต่ายขาวโผล่ออกมา ทำอะไรก็ไม่รู้ให้พระเอกหลงรักเข้า 

 

 

ผู้ชายในเรื่องตั้งแต่อันดับหนึ่งถึงอันดับห้าต่างก็หลงรักนางเอก โดยเฉพาะเบอร์สองที่ทุ่มเทอย่างที่สุด นางเอกก็เลยลังเลอยู่ระหว่างพระเอกและพระรองเลือกไม่ได้เสียที 

 

 

พระรองร้อนใจอยากจะได้ครอบครองนางเอก จึงถูกนางมารร้ายยั่วยุให้ทำเรื่องน่าละอายขึ้นมา วางแผนรวบรัดจัดการนางเอก แต่สุดท้ายขโมยไก่ไม่สำเร็จกลับเสียข้าวสารไปกำมือ ทำให้ตนเองตกหลุมพรางแทน ยามที่นางกับพระรองกระทำเรื่องอย่างว่ากันก็ถูกนางเอกพบเข้าพอดี นางเอกจึงตัดสินใจสะบัดพระรองทิ้งไปแล้วโผเข้าสู่อ้อมอกพระเอก 

 

 

พระรองจึงเกลียดนางสุดชีวิต และเคียดแค้นพระเอกที่สุด เพื่อช่วยพระเอกแล้ว นางมารร้ายยอมถูกพระรองคุมขังในนรก ทุกวันถูกพระรองลงทัณฑ์ด้วยพันศรแทงหัวใจทำร้ายนางจนตายในที่สุด 

 

 

สุดท้ายพระเอกและพระรองต่างใช้กำลังทั้งหมดแย่งชิงนางเอก และเพราะรักอย่างแทบเป็นแทบตายพระรองกลับยอมอุทิศตนสุดชีวิต แม้แต่ตอนจบสุดท้ายยังยอมรับกระบี่ตายแทนนางเอก 

 

 

 

 

 

การแสดงของนางที่มีเสน่ห์รัดรึง ยั่วยวน ชั่วร้ายและน่าหลงใหลทำให้ผู้ชมติดตามจนไม่อาจกระพริบตา กระทั่งผู้ชมทั้งหลายต่างรู้สึกว่าพระเอกช่างตาบอดไปแล้ว ละทิ้งหญิงงามที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล ไปคว้าเอาความรักบริสุทธิ์งี่เง่าแทน