กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 863
“ขอโทษด้วย แต่ต้นขาของข้าเล็กมาก”
“ไม่เป็นไร ใหญ่กว่าข้าก็พอ”
เหวินเส่าอี๋หัวเราะโดยไม่พูดอะไร แต่รอยยิ้มของเขากลับทำให้คนอื่นรู้สึกขนลุก
กู้ชูหน่วนกล่าว “ใกล้จะเที่ยงแล้ว ข้าจะไปซื้อกับข้าวมาทำอาหารให้เจ้ากิน”
ไม่รอให้เหวินเส่าอี๋ตอบ กู้ชูหน่วนก็ได้เดินออกไปแล้ว
มีเสียงอันเกียจคร้านของเหวินเส่าอี๋ดังมาจากข้างหลัง
“ทางที่ดีเจ้าควรจะอวยพรให้ขาของเจ้าเดินได้ไวก็พอ”
“ซี๊ด……”
กู้ชูหน่วนหยุดชะงัก
“ยอดฝีมือสูงสุดระดับหกฆ่าฝีมือเพียงระดับสอง เจ้าก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหรอก อีกอย่าง เมื่อวานเจ้าก็ปล่อยข้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
“เคยได้ยินเรื่องแมวจับหนูหรือไม่?”
“อะไรนะ?”
“ต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่ก็มีคนอยากฆ่าเจ้า”
กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและนึกได้ถึงสิ่งที่เหวินเส่าอี๋ทำ
“เจ้าอยากจะใช้มือของตระกูลซั่งกวนฆ่าข้า?”
“ก็ไม่เชิง หากเจ้าไม่ฆ่าไป๋หลี่หมิง เช่นนั้นไป๋หลี่เจิ้นก็คงไม่ตามไล่ล่าเพื่อจะฆ่าเจ้า ข้าเพียงแค่ปล่อยข่าวการตายที่แท้จริงของไป๋หลี่หมิงออกไปก็เท่านั้นเอง”
มุมปากของกู้ชูหน่วนขยับ
ปล่อยข่าวออกไป?
เช่นนั้นแล้วจะต่างอะไรกับที่เขาฆ่านาง?
“หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะหนีไปให้ไกล ดูว่าจะหนีเอาชีวิตรอดไปได้หรือไม่”
กู้ชูหน่วนที่เดิมคิดอยากจะหนีไป แต่ก็กลับมาและนั่งลงที่เก้าอี้หินด้วยความเกียจคร้านในป่าไผ่ จากนั้นรินชาอย่างสบายใจและดื่มอย่างมีความสุข
เหวินเส่าอี๋หัวเราะออกมาและสะบัดชุดสีขาวหิมะ จากนั้นนั่งลงข้างๆ นางและยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ “เจ้าช่างสุขสบายดีเหลือเกิน”
“เจ้าอุตส่าห์จัดการการต่อสู้ครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว หากข้าไม่ทำให้สำเร็จให้เจ้าดู เช่นนั้นจะทำให้เจ้าหมดความสนใจ อีกอย่าง ต่อให้ข้าหนีไปได้เร็ว ก็ไม่สามารถหนีไปจากเงื้อมมือของเจ้าได้ไม่ใช่หรือ?”
“เสี่ยวหูเตี๋ย เจ้าช่างมีใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้ากลับไม่ทะนุถนอมอ่อนโยน”
เหวินเส่าอี๋ไม่พูดอะไร
เพียงแต่ยิ่งใกล้ชิดกับกู้ชูหน่วนก็ยิ่งรู้สึกว่านางไม่ได้โง่อย่างที่คิด และยัง……น่าสนใจอย่างมาก……
“(เสียงใบไผ่พลิ้วไหว)……”
ลมอ่อนๆ พัดมาและเงาของใบไผ่ก็พลิ้วไหว
ไผ่เขียวส่งเสียงกรอบแกรบและตกลงมา
จากระยะไกลมองไป มีชายหญิงกำลังดื่มชาในป่าไผ่
และ……
เหวินเส่าอี๋สั่นเทา
หูของกู้ชูหน่วนขยับและรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของการฆ่าที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา
กู้ชูหน่วนวางถ้วยน้ำชสในมือลงและกล่าวกับเหวินเส่าอี๋ “ชานี้ไม่เลวเลย เหลือให้ข้าบ้างล่ะ ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาดื่ม”
“ประเดี๋ยวเจ้าจะได้ไปขอกับยมทูตแล้ว”
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่ไป๋หลี่เจิ้นที่ต้องไปขอกับยมทูต?”
“เอ่อ……”
เหวินเส่าอี๋ดื่มจนหมดและในแววตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ระดับสองต่อสู้กับระดับสี่ ไม่ว่าดูอย่างไรก็เหมือนกับเอาไข่ไปกระทบกับหิน
แต่ในใจของเขากลับรู้สึกว่าการต่อสู้เพื่อชีวิตและความตายในครั้งนี้ ไม่แน่ที่นางที่มีความสามารถเพียงระดับสองจะพ่ายแพ้ให้กับไป๋หลี่เจิ้น
รังสีสังหารของไป๋หลี่เจิ้นใกล้เข้ามาทุกขณะ
เมื่อเห็นกู้ชูหน่วน เขาไม่สามารถระงับความโกรธได้และถามออกมาต่อหน้า “เจ้าเป็นคนฆ่าหลานไป๋หลี่หมิงของข้าใช่หรือไม่?”
“หากข้าบอกว่าไม่ใช่ เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
“กล้าฆ่าหลานชายของข้า ต่อให้เจ้ามีเป็นหมื่นชีวิตก็ไม่เพียงพอที่จะสังเวยชีวิต”
ไป๋หลี่เจิ้นลงมือในกระบวนท่าสังหาร ไผ่ในสวนไผ่ถูกฟันจนหักขาดเป็นท่อนและแทงไปยังกู้ชูหน่วน
ไผ่จำนวนมากเช่นนั้น แต่ละท่อนล้วนเต็มไปด้วยพละกำลังอันมหาศาลของไป๋หลี่เจิ้น หากถูกแทงเข้า เช่นนั้นคงยากจะมีชีวิตรอด
เมื่อถูกปิดล้อมทุกทิศทุกทาง สายตาของกู้ชูหน่วนสาดส่องและใช้มือขวาของนางยกตัวให้ลอยขึ้นไปในอากาศจากต้นไผ่ที่อยู่ข้างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงจากท่อนไผ่แห่งการสังหารเหล่านั้น
นางรู้ว่าการต่อสู้ในวันนี้ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้
หากชนะ นางยังคงมีโอกาสรอด
หากแพ้ นางต้องตายอย่างแน่นอน
เหวินเส่าอี๋ไม่มีทางช่วยนางแน่
เมื่อการโจมตีครั้งแรกไม่เป็นผล ไป๋หลี่เจิ้นกระตุ้นกำลังภายในให้กลายเป็นดาบและพุ่งฟันออกไป มีต้นไผ่อีกจำนวนมากที่ถูกตัดเป็นท่อนและพุ่งยิงไปยังกู้ชูหน่วนอีกครั้ง
ไม่เหมือนกันกับครั้งแรกก็คือ ดาบไผ่ครั้งนี้ทั้งแหลมและไร้ความปรานี แม้แต่ยอดแหลมก็เหมือนกับธนูฝนที่ปกคลุมไว้ กู้ชูหน่วนไม่สามารถถอยไปไหนได้และทำได้เพียงกระตุ้นกำลังภายในของนางขึ้นเพื่อเป็นเกราะป้องกัน และเป็นเกราะรับดาบไผ่นั้น
ฝ่ายหนึ่งโจมตี อีกฝ่ายหนึ่งปกป้อง การปกป้องของกู้ชูหน่วนสู้ไม่ได้เลยกับการจู่โจมของไป๋หลี่เจิ้น
ตามเวลาที่ล่วงเลย นางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หากเกราะป้องกันถูกทำลาย เช่นนั้นชีวิตของกู้ชูหน่วนต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ
“ปัง……”
เกราะป้องกันแตกร้าวเป็นช่องว่างและสามารถแตกละเอียดได้ทุกเมื่อ
กู้ชูหน่วนเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก
นางรู้ดีว่าต่อให้นางเป็นยอดฝีมือสูงสุด เช่นนั้นกำลังภายในของนางก็ไม่สามารถสู้ไป๋หลี่เจิ้นได้
นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่บาดเจ็บทั้งภายนอกและภายใน มีบาดแผลเต็มตัวเช่นนี้จะสู้ศัตรูได้อย่างไร?
ใช้เวลาอยู่นาน ซึ่งไร้ประโยชน์และมีแต่ทำร้ายตัวเอง
กู้ชูหน่วนต่อสู้กับผลที่จะตามมาว่าจะสูญเสียทั้งสองฝ่ายและฝืนปกป้องตัวเองจากการโจมตีของไป๋หลี่เจิ้น
“ตุ่บ……”
นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมา จากนั้นร่างกายก็กระเด็นออกไป
ไป๋หลี่เจิ้นติดตามไปราวกับเงาตามตัวและยกฝ่ามือเพื่อผนึกเอาไว้ หากกู้ชูหน่วนไม่สายตาไวและหลบไว้ได้ทัน เกรงว่าก็คงตายทั้งเป็นไปนานแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไป๋หลี่เจิ้นใช้พลังฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง และออกกระบวนท่าที่โหดเหี้ยมจนกู้ชูหน่วนตกอยู่ในอันตรายวนไปซ้ำๆ
ในชั่วพริบตา กู้ชูหน่วนได้เอาตัวรอดจากเงื้อมมือของไป๋หลี่เจิ้นไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่า
ยอดฝีมือระดับสองสามารถเอาตัวรอดจากยอดฝีมือระดับสี่ไปได้กว่าสิบกระบวนท่า นี่ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรัฐปิงแห่งนี้
ไป๋หลี่เจิ้นก็คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนที่มีความสามารถเพียงระดับสอง เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารของเขาแล้วก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง
เหวินเส่าอี๋นั่งอยู่บนเก้าอี้หินและดื่มกินอย่างสุขสม สายตาของเขาจับจ้องไปยังกู้ชูหน่วนโดยไม่ละสายตาไปไหน เพื่อต้องการเห็นความสามารถที่แท้จริงของกู้ชูหน่วน
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยอมรับนางเป็นเจ้านาย
เสือดำโบราณยอมรับนายเป็นเจ้านาย
วงแหวนอวกาศก็ยอมรับนางเป็นเจ้าของ
แม้แต่เยี่ยจิ่งหานก็ยังยอมให้นางทำลายกาขังวิญญาณโดยไม่ฆ่านาง
เขาไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ เลยกับกู้ชูหน่วน
เมื่อมองอยู่นาน แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีไหวพริบว่องไวและความสามารถที่คาดไม่ถึง แต่ความสามารถของนางกลับไม่เหมือนกับกู้ชูหน่วนเลยสักนิด
นางเป็นใครกันแน่?
ตามรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เดิมทีนางเป็นคนไร้ประโยชน์ ขี้ขลาดราวกับหนูและไม่มีความสามารถในด้านวรยุทธ์เลย
วันนั้นที่ถูกไป๋หลี่หมิงและคนอื่นฆ่า แต่จู่ๆ ก็กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
หลังจากที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปมาก กลายเป็นคนจองหองและหยิ่งผยอง
คนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้และยังฟื้นจากความตายได้?
แต่นี่……
เหมือนมากกับผู้หญิงคนนั้น……
ผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน จู่ๆ นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เหวินเส่าอี๋กำลังรอ
รอให้นางเผยวิทยายุทธความสามารถของกู้ชูหน่วนออกมา
เขาต้องการพิสูจน์ว่าดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนได้เข้าไปในร่างกายของผู้หญิงคนนี้หรือไม่?
“ตุ่บ……”
กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง
กระดูกที่ฐานรองต้นแขนถูกแทงด้วยหนามไม้ไผ่แหลมคมและเลือดก็ไหลออกมา ย้อมปลายไม้ไผ่ให้เป็นสีแดง เสื้อผ้าของนางกลายเปลี่ยนเป็นสีแดงและพื้นก็เป็นสีแดงเช่นกัน
กู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะร้องออกมาและฝืนอดทนกับความเจ็บปวดโดยไม่ถอยไปไหน แต่กลับก้าวไปข้างหน้า
ไป๋หลี่เจิ้นที่มีความสามารถระดับสี่ยังคงไม่สามารถทำอะไรนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่าและเวลาผ่านไปอีกกว่าสิบกระบวนท่า ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้นางล้มลงได้ แต่กลับถูกปิ่นปักผมของนางสังหารลง
ปิ่นปักผมของนางปักไปยังหัวใจของเขา
แม้จะไม่ได้ออกจากมือ แต่ก็เจ็บปวดจนเขาแทบร้องออกมา
โกรธ
“เจ้าเก่งกาจมาก ไม่แปลกเลยว่าหมิงเอ๋อร์ต้องตายลงด้วยเงื้อมมือของเจ้า แต่วันนี้เจ้าต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัย”
เมื่อพูดจบ ไป๋หลี่เจิ้นก็กระตุ้นพลังสังหารโหด ร่างกายของเขาเปลี่ยนควันที่ฟุ้งกระจายและมาอยู่ข้างกายของกู้ชูหน่วนในชั่วพริบตา จากนั้นตบออกไปยังหน้าอกของนางอย่างแรง
กู้ชูหน่วนคิดสู้ แต่ก็สายไปแล้ว
“อั่ก……”
ฝ่ามือนั้นผนึกลงบนร่างกายของนาง
พลังฝ่ามือนี้เต็มไปด้วยกำลังภายในของไป๋หลี่เจิ้นที่มีอยู่ทั้งหมด เช่นนั้นแล้วมีหรือที่กู้ชูหน่วนจะไม่ตาย