RC:บทที่ 580 ฮัวหยุนซ่ง

เมื่อตอนที่ราชามังกรมาบำเพ็ญเพียรอยู่ในลำดับรวมวิญญาณห้าธาตุที่ภูเขาด้านหลังของตระกูลหลินเฟิง หลินเฟิงเคยถามเรื่องราวมากมายจากราชามังกรแห่งกาลเวลารวมถึงเรื่องสัตว์วิญญาณ

 

สัตว์วิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่ขึ้นตรงกับสายเลือด สายเลือดของพวกมันจะเป็นตัวกำหนดความสูงของการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ขาดแคลนพลังทางวิญญาณเช่นนี้

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลาเคยบอกกับหลินเฟิงว่าในบรรดาสัตว์วิญญาณทั้งเจ็ดของเขา มีเพียงสามตัวเท่านั้นที่คาดว่าจะทะลวงเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในช่วงนี้!

มังกรดำคือสายเลือดของราชามังกรแห่งความมืด!

เสี่ยวเฮยกลืนกินหยาง หนึ่งในราชาแห่งสัตว์วิญญาณทั้งสิบ ซึ่งเป็นสายเลือดของเผ่าฟีนิกซ์และมันก็เป็นได้!

เถาวัลย์ปีศาจคือสายเลือดของสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่หลินเฟิงสกัดได้จากมิติโบราณ!

งูมังกรสเก็ดดาว, ยูนิคอร์นน้ำ และสิงโตสายฟ้าสีทองทั้งเก้าต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่หรือไม่ก็มาจากนอกโลก ซึ่งน่าจะเป็นไปได้เช่นกันที่จะสามารถทะลวงเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่ทั้งสามนี้ได้มาจากการที่หลินเฟิงนำยีนของพวกมันมาโคลนนิ่งจากหลุมดำในโทรศัพท์มือถือ สายเลือดจึงสั้นเกินไปและการเพิ่มระดับถูกจำกัดอยู่ที่ระดับสูงสุดของ SSS

ส่วนมังกรแสงก็เป็นเพียงตัวนิ่มกลายพันธุ์ที่ถูกหลุมดำในโทรศัพท์มือถืออัปเกรดมาเป็นแบบทุกวันนี้

ดังนั้นหลินเฟิงจึงรู้ซึ้งถึงความสำคัญของสายเลือด และถ้านี่คือลำดับเจ็ด มังกรคุนเจ็ดสีที่เป็นหนึ่งในบรรดาราชาสัตว์สิบอันดับแรก หลินเฟิงก็ไม่อยากให้หลุดมือไป

ขณะที่หลินเฟิงกำลังคิดอยู่ นกเผิงก็บินสูงขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตรแล้วและกำลังจะหนี

 

“จะไปไหน?”

ชายชราในดินแดนศักดิ์สิทธิ์คำราม โซ่เหล็กขนาดใหญ่ในมือของเขาถูกเหวี่ยงตรงไปยังนกเผิงหลากสี

นกเผิงเพิ่งออกตัว ความเร็วจึงยังมีไม่มากและระดับก็ไม่สูงเท่าชายชราผู้นี้

โซ่เหล็กของชายชราจับตัวนกเผิงได้อย่างรวดเร็วและพันเข้าที่คอของมัน

“ลงมาซะ!”

ทันใดนั้นชายชราก็ดึงโซ่ที่มัดนกเผิงเอาไว้อย่างแน่นหนา มีเสียงหนึ่งคำรามขึ้น แล้วนกเผิงก็ถูกดึงตกลงมา

“เสี่ยวหยาง! ควบคุมนกเผิงเอาไว้ อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้! ข้าจะไปหยุดชายชราก่อน” หลินเฟิงหันหน้าไปทางเสี่ยวหยาง

“ได้!” เสี่ยวหยางตอบรับแล้วก็หายตัวไป

หลินเฟิงและมังกรดำกลายร่างเป็นสัตว์ทันที เกล็ดสีดำโผล่ขึ้นมาทั่วตัวและพลังก็เพิ่มมาอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

เสี่ยวหยางรีบไปหานกเผิงและตัดโซ่เหล็กที่หนาเท่าต้นขาของชายคนนั้นด้วยมือที่คมราวกับมีด

 

“ใครน่ะ?”

ชายผู้แข็งแกร่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าโซ่ในมือของเขาเบาขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบชายหนุ่มแปลกหน้าตัดโซ่เหล็กในมือของเขาด้วยมือเปล่า

แต่ไม่นานเขาก็ตะโกนกลับไปว่า: “ไอ้เด็กผมเหลืองตรงนั้นกล้ามาแย่งเหยื่อของปู่รึ!”

เขาพูดแล้วเหวี่ยงโซ่เหล็กไปใส่เสี่ยวหยาง

ทันทีที่เขายกโซ่เหล็กก็พบว่ามันไม่ขยับเขยื้อนเลย!

“หา? เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราตกใจ จากนั้นก็เห็นชายร่างดำซึ่งอยู่ทางซ้ายมือจับโซ่ของเขาเอาไว้

“เจ้าเป็นใคร? ปล่อยนะ” ชายชราดึงอย่างแรงแต่ก็ดึงไม่ออก

 

ชายที่อยู่อีกด้านหนึ่งมองเขาแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าไปซะ พวกเราจะเอาสัตว์วิญญาณตัวนี้!”

“หา? เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครและอยากได้มันงั้นหรือ?” ชายชราเห็นว่าพลังของหลินเฟิงอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงตบะจะเท่ากับเขาแต่ก็ไม่ทรงพลังเท่าเขา

อีกอย่างพวกเขามีถึงแปดคน แต่ข้างหน้ามีเพียงแค่สองคน เขาไม่เกรงกลัวเลย

 

“ส่งมอบสัตว์วิญญาณมาซะ!” เวลานี้ผู้ที่เคยถูกแช่แข็งก็ได้ทำลายน้ำแข็งออกมาแล้วกล่าวขึ้น

หลินเฟิงมองดูคนเหล่านี้พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ส่งมอบสัตว์วิญญาณ? เจ้าไม่สามารถแย่งไปได้หรือ?”

 

ทันใดนั้นหลินเฟิงก็สะบัดโซ่เหล็กในมือของเขาออกไป

ชายชราที่ถือปลายโซ่เหล็กอยู่อีกด้านรู้สึกได้ทันทีว่าโซ่เหล็กในมือของเขาเป็นดั่งมังกรที่โกรธเกรี้ยว มันไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาและหลุดออกจากมือทันที

จากนั้นโซ่ก็สะบัดปลายตีใส่เขาจนกระอักเลือดและกระเด็นออกไป

“ผู้อาวุโส!”

พวกคนระดับ SSS ต่างตกตะลึง

“บ้าชะมัด! จงส่งมันมาให้ข้า”

ชายชราผู้แข็งแกร่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเลยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ไม่นานคนทั้งแปดก็พุ่งเข้าใส่หลินเฟิง หลินเฟิงฉีกยิ้มกว้าง โซ่เหล็กในมือของเขาสะบัดไปมา

ร่างของแต่ละคนถูกปัดออกไปด้วยโซ่เหล็ก

 

นอกจากชายชราดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คนอื่น ๆ ต่างถูกหลินเฟิงไล่ตีและส่งเสียงโอดโอย

“น่าชังนัก ทุกคนถอยออกไปซะ!” ชายชราร้องบอกคนเหล่านั้น

แต่กลับไม่มีใครรับคำ พอหันกลับไปดูก็พบว่าพวกเขายังคงอยู่ที่นี่ แต่ลงไปนอนหมดสภาพและส่งเสียงร้องอยู่บนน้ำแข็งที่ไกลออกไป

“เจ้าเป็นใครกันแน่? พวกเราคือคนของพรรคฮัวหยุนซ่ง เลือดอันล้ำค่าของสัตว์วิญญาณตัวนี้เป็นสิ่งที่นายท่านของเราต้องการ เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการทำให้เราขุ่นเคือง” ชายชรากล่าว

 

“เลือดล้ำค่า? ฮัวหยุนซ่ง? ไม่เคยได้ยินมาก่อนแฮะ” หลินเฟิงเอามือข้างหนึ่งแคะขี้มูกแล้วโบกมืออีกข้าง

ปรากฏว่าคนพวกนี้หมายตาแก่นแท้และเลือดของมังกรคุนหลากสีเอาไว้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาใช้วิชาลับแปลก ๆ เมื่อครู่ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนพวกเขาคงต้องล้มเหลวแล้ว

ชายชรามองไปที่หลินเฟิงอย่างโกรธแค้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายอใแห่งความแค้น

โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาเห็นว่าเสี่ยวหยางสามารถควบคุมมังกรคุนหลากสีได้อย่างง่ายดายด้วยมือเดียว เขาก็กังวลมากขึ้นทันที

เพราะแม้แต่เขาเองก็ทำเช่นนี้ไม่ได้ มังกรคุนเจ็ดสีเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งสวรรค์ที่เทียบได้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเขาทำได้เขาคงจะกลับไปนานแล้ว

 

นี่หมายถึงอะไร? นี่ก็คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าระดับที่แข็งแกร่งของเสี่ยวหยางน่าจะเหนือกว่าเขา

หากมีหลินเฟิงเพียงคนเดียว พวกเขาอาจจะร่วมมือกันได้ แต่เขากลับมีเสี่ยวหยางอยู่ข้าง ๆ พวกเขาเลยไม่กล้าผลีผลาม

“ฮึ่ม! เจ้าช่างอำมหิตนัก ไปกันเถอะ” ชายชราจากไปพร้อมกับอีกเจ็ดคนอย่างรวดเร็ว

หลังพวกเขาจากไป หลินเฟิงกลับมาสนใจสัตว์วิญญาณ เขาลอยไปหาเสี่ยวหยางและเอ่ยขึ้นว่า “พวกนี้เป็นใคร? แล้วฮัวหยุนซ่งคืออะไรหรือ?”

 

“เอ่อ ข้าก็ไม่รู้นะ คงจะเป็นหนึ่งในกองกำลังที่เกิดขึ้นมาใหม่ละมั้ง” เสี่ยวหยางไม่แน่ใจ

หลินเฟิงไม่อยากใส่ใจนัก ทั้งสองหันไปมองนดเผิงที่อยู่ในมือของเสี่ยวหยาง

“อืม ข้าจะเรียกเจ้าว่านกใหญ่หรือปลาใหญ่ดี” หลินเฟิงกล่าวกับนกเผิง

นกเผิงส่งเสียงอย่างเย็นชาและพูดว่า “นกใหญ่ ปลาใหญ่อะไรกัน ข้าชื่อมังกรคุนหลากสี เจ้าเรียกข้าว่าหลงคุนก็ได้!”

“แต่ตอนนี้เจ้าเป็นนกนะ” หลินเฟิงบอก

“นี่เป็นเพียงร่างเผิงเนียวของข้า ข้ามีสายพันธุ์ที่แตกต่างไปจากคุนเผิง ข้ามีสายเลือดที่สูงส่งและสามารถเปลี่ยนร่างได้ระหว่างเผิงเนียวกับคุนหยู!” หลงคุนกล่าวอย่างไม่มั่นใจเล็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งผยอง

 

“งั้น! หลงคุน! เวลานี้ข้าขอถามเจ้า เจ้าอยากจะสร้างพันธะสัญญาและกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าหรือไม่?