ตอนที่ 435 คนเก่งร่วมมือกับคนเก่ง
ฝั่งนี้เฝิงเยี่ยไป๋ออกจากเมืองหลวง เหลียงอู๋เย่ว์มีภัย ฝั่งนั้นซู่อ๋องได้รับจดหมายจากเฝิงเยี่ยไป๋ บนจดหมายนั้นเขียนว่า จะร่วมมือกับเขาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่เชื่อใจเขาไม่ได้จริง ในจดหมายบอกให้เขามอบผังป้องกันของเมืองเหมิงออกมา พอเป็นเช่นนั้น เขาก็จะได้ต่อรองให้เขาได้ในราชสำนัก ราชสำนักมีความเคลื่อนไหวอะไรก็จะได้บอกได้ทัน ไม่เช่นนั้นเพียงแค่สายข่าวของเขานั้น เขาเพียงขยับมือก็สามารถจับได้หมดแล้ว การสู้รบนั้นสิ่งสำคัญคือรู้เขารู้เรา สู้ร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ราชสำนักจะย่ำแย่เพียงใด อย่างไรเสียอูฐที่ผอมตายก็ยังตัวโตกว่าม้า หากบุกตีโดยไม่สนสิ่งใด เกรงว่ายังไม่ทันบุกถึงเมืองหลวงก็ถูกกองทัพแสนนายของราชสำนักฆ่าตายอยู่นอกด่านหงเหมินเสียแล้ว
ซู่อ๋องเห็นจดหมายแล้วสงบนิ่งนัก เพียงแต่อวี่เหวินลู่กลับไม่สงบเอาเสียเลย “พระบิดา ผังป้องกันเป็นชีวิตของทัพพวกเรา หากให้เขาแล้ว ไม่เท่ากับมอบชีวิตไว้ในมือเขาแล้วหรือ”
ซู่อ๋องลูบหนวดไม่พูดสิ่งใดๆ
อวี่เหวินลู่พูดต่อ “ไม่เช่นนั้นให้ลูกรวมเหล่าแม่ทัพ หารือการจัดผังใหม่ ผังเก่าให้เขาไปก็ไม่เป็นไร”
“เจ้าก็ไม่เคยคิดว่าไฉนเขาถึงเอาผังป้องกันของเมืองเหมิงหรือ” ซู่อ๋องชี้ไปที่อวี่เหวินลู่ ยิ้มพูดว่า “หารือจัดผังใหม่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เคลื่อนไหวใหญ่โต หากเขาไม่ได้ทิ้งสายข่าวอยู่ในเมืองเหมิงแล้ว จะยื่นข้อเสนอนี้หรือ หากจัดผังใหม่ ฝั่งเขานั้นก็ต้องได้รับข่าว ถึงยามนั้น… ด้วยฝีมือของเขา แม้ว่าจะไม่ถึงกับเสียรากฐานไป แต่ก็พอให้พวกเราเสียเวลาพอตัวเลย”
เฝิงเยี่ยไป๋นี้ พอถูกเขากัดเข้าให้แล้ว ก็ยากจะจัดการเสียจริง อวี่เหวินลู่แค้นจนกัดฟัน พูดด้วยความไม่พอใจว่า “พระบิดา ท่านคิดดีแล้วหรือ หากเฝิงเยี่ยไป๋คืนคำกับพวกเรา นี่เป็นชีวิตทั้งหมดของพวกเราเลย จะให้เขาเช่นนี้ลูกดไม่ไว้ใจเลยจริงๆ!”
“ข่าวในเมืองหลวงเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ เว่ยหมิ่นถูกฮ่องเต้กักบริเวณอยู่ในตำหนักอวี้ชิ่ง เหลียงอู๋เย่ว์ก็ถูกขังอยู่ในจวนท่านหญิง ฮ่องเต้กับท่านหญิงนี้ ช่างรักเสียเหลือเกิน เว่ยหมิ่นก็เป็นน้องสาวของเฝิงเยี่ยไป๋ คนหนึ่งเป็นน้องสาว อีกคนก็เป็นพี่น้อง หากไม่ใช่เขาถูกฮ่องเต้บีบจนไร้ทางไปแล้ว ก็ไม่มาร่วมมือกับพวกเรา”
อวี่เหวินลู่ขมวดคิ้ว “ไฉนพระองค์ถึงเอานิสัยเสียของพระอัยกามาด้วย แย่งภรรยาคนอื่น ไม่อายหรือ แถมยังเป็นฮ่องเต้อีก หน้าไม่อายเสียจริง”
ซู่อ๋อง ขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่ ไม่ได้ยินที่อวี่เหวินลู่พูด สุดท้าย จึงพูดว่า “เจ้าเอาไปด้วยตัวเอง เอาผังป้องกันไปหาเฝิงเยี่ยไป๋ที่เมืองหลวง”
อวี่เหวินลู่ไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก เป็นพ่อของเขาที่เลี้ยงเขามา ผู้ชายเลี้ยงลูกต่างจากผู้หญิงเลี้ยงลูก ลูกที่ผู้หญิงเลี้ยงมาเอาแต่ใจ ผู้ชายเลี้ยงมาจะแข็งแกร่ง ปกติฝึกการต่อสู้วางแผนการรบทหาร หกล้มเป็นแผลบ้าง ผู้เป็นพ่อไม่เสียใจ ขอเพียงไม่ถึงชีวิตล้วนเป็นเรื่องเล็ก อวี่เหวินลู่โตมาเช่นนี้ สองพ่อลูกไม่มีรีรอ คนหนึ่งพูดคนหนึ่งฟัง เพียงทำตามก็พอ
อยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาเป็นท่านซื่อจื่อ อยู่ต่อหน้าพ่อเขา เขาก็คือท่อนไม้ ที่ใดฟาดได้ก็ฟาดที่นั่น ลูกชายคนนี้ ก็ฝึกมาจากการเสี่ยงตายอยู่ทุกๆ ครั้ง
“คิดจะส่งซื่อจื่อพวกเราไปที่ใดอีกหรือ” นอกประตูมีเท้าข้างหนึ่งก้าวเข้ามา เท้าสวมรองเท้าผ้าที่ปักด้วยดอกบัว มองขึ้นมาข้างบน เป็นเอวบางร่างเล็ก มองขึ้นไปข้างบนอีก ก็เห็นหญิงงามคนหนึ่ง ดูแล้วอายุไม่ต่างจากอวี่เหวินลู่เท่าไรนัก เพียงแต่คนนี้อายุน้อยกว่าแม่ของเขาไม่กี่ปี เป็นภรรยารองแท้ๆ ของพ่อ คือคนที่ครั้งก่อนปล่อยนกพิราบผิดตัวไปคนนั้น
ตอนที่ 436 ฮูหยินที่คล้ายดั่งสมบัติมีชีวิต
อวี่เหวินลู่ไม่ได้มีความรู้สึกดีกับแม่คนนี้ เพียงแต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ ความรู้สึกทั้งสองชนเข้าด้วยกัน นั่นก็คือไม่รังเกียจและไม่ได้ชอบ เขาปฏิบัติกับแม่คนนี้เย็นชานัก เพียงแต่นางก็ชอบเอาความกระตือรือร้นของนางไปใส่ความเย็นชาของเขา สิบกว่าปีแล้ว เรียกลูกชายๆ อยู่ทุกวัน เหมือนดั่งเขาเป็นลูกชายจริงๆ ของนางเช่นนั้น
ซู่อ๋องมีนิสัยหนึ่ง…นั่นคือกลัวภรรยา นิสัยนี้พูดออกไปแล้วขายหน้า กลัวแม่ทัพนายกองที่อยู่ข้างล่างจะหัวเราะ อวี่เหวินลู่มักจะเอาเรื่องนี้มาหัวเราะพ่อเขา ระหว่างพ่อลูกไม่มีอะไรต้องกังวล วันปกติเล่นกันก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ต่อหน้าคนภายนอกนั้นก็ยังต้องจริงจังอยู่ ควรจะเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น ฮูหยินก็ยินดีที่จะทำตาม นางสั่งซู่อ๋องจนชิน บางครั้งแกล้งทำเป็นอ่อนโยนก็รู้สึกสนุก
อวี่เหวินลู่ที่ไม่รู้สึกกับนางเป็นเพราะฮูหยินไม่สนใจข้อห้ามของผู้หญิง แทบจะเหมือนสมบัติมีชีวิต เขาคิดว่าผู้หญิงก็ควรจะเป็นผู้หญิงอ่อนโยนที่เชื่องฟังทุกอย่าง ฮูหยินแม้จะดีกับเขา เพียงแต่ก็ต่างกับภาพลักษณ์ความเป็นแม่ในจินตนาการของเขาอยู่มาก
ยังมีนางมารร้ายของเฝิงเยี่ยไป๋ พวกนางล้วนไม่เหมือนผู้หญิงเลย
ฮูหญิงกวาดตามองซู่อ๋อง “เจ้ามีคนมากมายส่งใครไปไม่ได้จะต้องส่งลูกชายไปหรือ”
ซู่อ๋องประคองนางให้นั่งลง เขาสั่งคนใช้ถอยออกไป ใบหน้าที่บึ้งตึงอยู่นั้นก็กลายเป็นอ่อนโยนทันที “ฮูหยินอย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าส่งเขาไป ข้าย่อมมีแผนของข้า”
“แผนอะไร เมืองหลวงเป็นที่เช่นใด นั่นเป็นนรก ไม่เคยเห็นใครเป็นพ่อดั่งเจ้าเลย ผลักลูกชายตัวเองเข้ากองไฟ ใช้ได้อย่างไร เจ้ามีลูกชายเพียงคนเดียว หากเป็นคนอื่น นั่นก็คือสมบัติที่เป็นที่รัก เจ้ากลับดี เหมือนดั่งไม่รักเลยเช่นนั้น!”
ซู่ฮูหยินอ้าปากก็ด่า ซู่อ๋องน้อยใจเต็มอกไม่กล้าพูด นางพูดอยู่เขาก็แทรกไม่ได้ จึงได้แต่อยู่ข้างๆ ขอโทษเป็นยกใหญ่
อวี่เหวินลู่ทนไม่ไหวกับที่พ่อเป็นเช่นนี้ จึงประสานมือพูดว่า “ฮูหยินอย่ารีบโทษท่านพ่อ เป็นข้าที่ขอไปเอง เพียงแค่ไปส่งสารเท่านั้น หากเรื่องเท่านี้ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ แล้วจะช่วยท่านพ่อยึดแผ่นดินได้อย่างไร”
ซู่ฮูหยินอ้าปากบ่นขึ้นมาก็หยุดไม่อยู่ อวี่เหวินลู่หงุดหงิดที่สุดก็คือฟังผู้หญิงบ่น เขามองพ่อด้วยสายตาสงสาร แล้วรีบลาออกไป
“ไหลลู่! ไหลลู่?”
เขาเรียกอยู่สองครั้ง ที่มุมทางเดินข้างหลังวิ่งมาคนหนึ่ง วิ่งมาพลางตะโกนพลางว่า “มาแล้วๆ บ่าวมาแล้ว ท่านมีสิ่งใดจะสั่งหรือ”
อวี่เหวินลู่เอามือไพล่หลังเดินวนอยู่ในสวนแล้วสั่งว่า “กลับไปเตรียมเสื้อผ้าให้ข้า พรุ่งนี้ตามข้าไปเมืองหลวง!”
ท้องฟ้าจะผันเปลี่ยนแล้วจริงๆ วางแผนมานานหลายปีเช่นนี้ วันนี้จะยกทัพในที่สุดแล้ว ทนความอัปยศหลายปีเช่นนี้ สุดท้ายก็ได้คำตอบแล้ว ส่วนเฝิงเยี่ยไป๋หรือ ก็ให้เขาโอ้อวดเสียอีกหน่อย รอยึดเมืองหลวงได้แล้ว มีแผ่นดินอยู่ในมือ จะจัดการก็ยังเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ เขามีความสามารถยิ่งใหญ่เพียงใด ยังจะใหญ่คับฟ้าได้อีกหรือ
ระยะทางจากเมืองหมองไปเหมืองหลวง ม้าเร็วเร่งอีกเดินทางทั้งวันทั้งคืนก็เพียงสามถึงห้าวัน อวี่เหวินลู่เอาผังป้องกันติดตัวไป ระหว่างทางล้วนคิดเรื่องที่จิงเคอลอบสังหารฉินอ๋อง หากเขาซ่อนมีดสั้นเล่มหนึ่งไว้ในผังป้องกันเช่นเดียวกัน การสู้กันซึ่งๆ หน้า ไม่มีโอกาส ลอบทำร้ายเขายังมั่นใจอยู่ ดาบเดียวจัดการเขา… เพียงแต่เขาก็แค่คิดอยู่ในหัวเพื่อให้สะใจเท่านั้น พวกเขาจะก่อกบฏก็ยังต้องให้เขาช่วย ฆ่าเขาในยามนี้ไม่เหมาะสม เขาก็ยากจะหลุดรอดไปได้
เขานึกถึงว่าเขาเป็นถึงซื่อจื่อ ขี่ม้าต่อสู้ อย่างใดไม่ใช่ทั้งเก่งทั้งชำนาญ ไม่เชื่อว่าเขาจะแพ้ให้กับเฝิงเยี่ยไป๋ได้