ตอนที่ 425 หัวใจสั่นไหว / ตอนที่ 426 รับค่าน้ำชา

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 425 หัวใจสั่นไหว

 

 

ถ้าทำได้ซย่าเสี่ยวมั่วก็อยากจะแปะรูปเหยียนเค่อไว้บนผนัง การนั่งมองรูปเขาทั้งวันก็เป็นความเพลิดเพลินอีกแบบหนึ่ง

 

 

เธอหยิบแท็ปเล็ตออกจากกระเป๋า กะว่าจะวาดรูปเมื่อสิบปีก่อนเป็นตอนพิเศษเสียหน่อย คลิปนี้จู่โจมหัวใจเธอเข้าอย่างจัง ต่อไปใครได้เป็นภรรยาของเหยียนเค่อ เธอต้องอิจฉาตายแน่นอนเลย

 

 

[ฉันดูคลิปแล้วนะ] ซย่าเสี่ยวมั่วจิ้มตัวอักษรส่งให้สวีรั่วชีทีละตัว ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกของตนในตอนนี้ออกมาอย่างไร

 

 

สวีรั่วชีได้รับข้อความตอบกลับอันเรียบนิ่งเช่นนี้ก็นั่งศึกษาอยู่ค่อนวัน ก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาว่า “คงเห็นมาเยอะแล้วสินะ ถึงได้ใจเย็นขนาดนี้”

 

 

ในความเป็นจริงซย่าเสี่ยวมั่วตื่นเต้นจนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายความคิดของเธอในตอนนี้แล้ว ถ้าสวีรั่วชีอยู่ข้างหน้าเธอตอนนี้ต้องรู้สึกได้แน่นอนว่าหัวใจของซย่าเสี่ยวมั่วสั่นไหวรุนแรงแค่ไหน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถือแท็ปเล็ตไว้ในมือ แล้ววาดภาพที่ดีที่สุดออกมา เธอรู้สึกขอบคุณสวีรั่วชีจากใจจริง

 

 

[เป็นยังไงบ้างล่ะ ดูจบแล้วไม่มีความเห็นอะไรเลยเหรอ] ไม่ว่าอย่างไรธรรมชาติของซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังเป็นคนที่บ้าผู้ชายอยู่ดี ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจะไม่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งมากเกินไปพยายามพูดให้เป็นปกติที่สุด [ก็ไม่มีอะไร ตอนเห็นเหยียนเค่อฉันพ่นมันฝรั่งทอดกรอบเต็มหน้าจอเลย]

 

 

[หา?] ทำไมถึงแตกต่างกับสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้อย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ

 

 

ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่แสดงออกอ้อมๆ ถึงความตื่นเต้นหลังจากที่ได้เห็นเหยียนเค่อแล้วเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าสวีรั่วชีจะสนใจ

 

 

[งั้นต่อไปฉันไม่ส่งคลิปเหยียนเค่อให้เธอแล้วนะ] รีแอคชั่นใหญ่ขนาดนี้ เขาต้องเกลียดเหยียนเค่อแค่ไหนกันนะ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรีบปฏิเสธทันควัน [ไม่ๆๆ ฉันแค่เห็นแล้วรู้สึกตกใจเฉยๆ แต่ก็ช่วยฉันได้นิดหน่อยเหมือนกัน]

 

 

[อ๋อ] สวีรั่วชีนั้นก็แอบดูคลิปไปหลายรอบเหมือนกัน ต้องมีประโยชน์แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ใบหน้าของเหยียนเค่อต่างหากที่เป็นไฮไลท์ของคลิปนี้ ทว่าเมื่อลองคิดถึงนิสัยที่แท้จริงของเหยียนเค่อแล้ว สวีรั่วชีก็ไม่ชอบผู้ชายประเภทนี้อยู่ดี

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเธออย่างไร ทั้งคู่เงียบงันอยู่เนิ่นนาน [งั้นฉันไปวาดรูปก่อนนะ เธอก็ไปเล่นกับสวีอันหรานของเธอต่อเถอะ]

 

 

[ก็ได้]

 

 

หลังจากบทสนทนาจบลง สองสาวก็แยกย้ายไปแอบดูวิดีโอนั้นอีกรอบ

 

 

“เท่ที่สุดไปเลย” ไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วรำพึงรำพันไปแล้วกี่รอบ เธอลูบหน้าจอพลางพร่ำเพ้อ ทำไมไม่เจอกันให้เร็วกว่านี้อีกสิบปีกันนะ! มันน่าโมโหจริงๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโดนหน้าตาหล่อเหลาของเหยียนเค่อกระแทกใจเข้าอย่างจัง อันหร่านโทรหาเธอหลายสายกว่าจะโทรติด

 

 

“ทำอะไรอยู่” อันหร่านมีลางสังหรณ์ว่าเธอกำลังทำเรื่องไม่ดีอะไรอยู่

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยืดตัวตรงอย่างเต็มภาคภูมิก่อนจะตอบ “วาดรูป!”

 

 

“จริงเหรอ” อันหร่านถามอย่างฉงนใจ เคลือบแคลงสงสัยในตัวซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ครู่หนึ่งจึงนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้มาเพื่อถามเรื่องนี้ “หัวหน้าเพิ่มเงินเดือนให้เธอแล้วนะ ไปรับได้ที่แผนกการเงิน”

 

 

“แผนกการเงินอยู่ตรงไหนอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่คุ้นเคยกับแผนกต่างๆ ในบริษัทนี้เลย

 

 

อันหร่านอธิบายตำแหน่งที่ตั้งให้เธอฟัง แต่ซย่าเสี่ยวมั่วกลับฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด “ฉันไม่ไปเอาแล้ว ทำไมถึงยุ่งยากแบบนี้”

 

 

“ให้เงินแล้วไม่เอาเหรอ” อันหร่านเอือมระอา มีคนขี้เกียจแม้กระทั่งเดินไปเอาเงินด้วยหรือเนี่ย

 

 

“ไม่เอา! ฉันจะวาดรูปแล้ว อย่าโทรมาหาฉันอีก” ซย่าเสี่ยวมั่วหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ถ้าจะให้เงินก็โอนเข้ามาในบัญชีก็จบแล้ว ทำไมต้องให้เธอไปเอาเองด้วย

 

 

อันหร่านจะพูดต่ออีกสักหน่อยก็โดนอีกฝ่ายบอกลาอย่างรวดเร็วแล้วกดตัดสายทิ้งทันที

 

 

“หน็อยแน่! ตัดสายฉันทิ้งเหรอ” อันหร่านไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หรือว่าเขาจะหลงใหลการวาดรูปจนไม่เป็นอันกินอันนอนแล้วจริงๆ?

 

 

เบลล์หัวเราะอยู่ข้างๆ “ซย่าเสี่ยวมั่วตลกดีนะคะ”

 

 

“ไม่ใช่แค่ตลกอย่างเดียวนะคะ” อันหร่านไม่ได้มีเจตนาจะทำลายภาพพจน์ของซย่าเสี่ยวมั่ว ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น “ตอนปกติเหมาะกับรูปลักษณ์ของเขามาก แต่ตอนไม่ปกตินี่มันคนบ้าชัดๆ ภาพลักษณ์ติดลบเลยค่ะ”

 

 

เบลล์อิจฉาผู้หญิงแบบนี้จริงๆ ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องภาพลักษณ์ และสามารถแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 426 รับค่าน้ำชา

 

 

“ช่างเถอะ ฉันไปรับให้เขาแล้วกัน คุณผู้จัดการก็อย่าเสียใจไปเลยนะคะ” อันหร่านพูดหยอกล้อ

 

 

เงินเหล่านี้ล้วนหักเอาจากเงินเดือนของเบลล์ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เยอะมากมาย แต่ก็รู้สึกกระดากอายเหมือนกัน

 

 

“เฮ้อ ก็บอสพูดแบบนี้ฉันจะกล้าเถียงได้อย่างไรล่ะคะ” เบลล์แบมือ เป็นเชิงว่าโยนความผิดนี้ให้

 

 

เหยียนเค่อเต็มๆ ไม่เกี่ยวกับซย่าเสี่ยวมั่วเลยสักนิด

 

 

“ฮ่าๆๆๆ ฉันเอาไปให้เขาแล้วให้เขาเลี้ยงข้าวเลยดีกว่า” อันหร่านครุ่นคิด “แค่คิดก็มีความสุขแล้ว”

 

 

“อย่าพาฉันซวยไปด้วยนะคะ” เบลล์ยิ้มบางๆ ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้เดียงสาจริงๆ

 

 

“คุณอย่าโกรธฉันนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเอาอาหารที่ซย่าเสี่ยวมั่วทำมาให้” บางครั้งอันหร่านก็ชอบพูดโอ้อวดทักษะในด้านต่างๆ ของซย่าเสี่ยวมั่วกับคนอื่น ซย่าเสี่ยวมั่วนี่ใจดีจริงๆ

 

 

“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะ” เบลล์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ สถานะของเธอตอนนี้เหมือนอยู่ในมุมมืด ไม่รู้เมื่อไรจะได้ทำความรู้จักกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างเป็นทางการเสียที

 

 

“ไม่รบกวนเลยค่ะๆ” อันหร่านกดขี่แรงงานได้อย่างราบรื่นมาตลอด และซย่าเสี่ยวมั่วก็เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายเสียด้วย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ตัวว่าโดนอันหร่านหมายหัวแล้ว ตอนนี้หัวใจของเธอเปี่ยมไปด้วยผู้ชายบนแท็ปเล็ต รู้สึกเหมือนแค่มองครั้งเดียวก็อาจตกหลุมรักได้

 

 

ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังออกมาจากด้านนอก ซย่าเสี่ยวมั่วรีบเปลี่ยนรูปบนหน้าขอคอมพิวเตอร์ทันที ก่อนจะพลิกกระดาษในแท็ปเล็ตให้กลับไปหน้าเดิมที่ใช้วาดการ์ตูนอยู่อย่างลนลาน

 

 

“ที่รัก” อันหร่านชะโงกหัวออกมาจากประตูที่แง้มเปิดไว้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วที่กังวลอยู่นาน ในที่สุดก็กลับสู่สภาวะกติ ก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “ตกใจหมดเลย”

 

 

“ตกใจอะไร” อันหร่านไม่เข้าใจ “ไม่ทำเรื่องชั่วก็ไม่ต้องกลัวผีมาเคาะประตูหรอก”

 

 

“ฉันไม่กลัวผี ฉันกลัวเธอต่างหาก!” ซย่าเสี่ยวมั่วหมดคำพูด ยายนี่เพิ่งโทรหาเธอเสร็จก็วิ่งแจ้นมาถึงนี่ วันๆ ไม่มีเรื่องอื่นให้ทำหรืออย่างไรกัน

 

 

อันหร่านเอาเงินปึกหนึ่งวางไว้บนหน้าจอแท็บเล็ตของซย่าเสี่ยวมั่วอย่างกับคนที่จู่ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมากระทันหัน “เอ้า ทิปของเธอที่ทำให้เจ้านายใหญ่อย่างฉันพอใจ ได้ยินหรือยัง”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มเหยียด วางเงินไว้อีกด้านแต่ไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋า “ถ้าเธอเป็นเจ้านายใหญ่ฉันก็คงเป็นองค์หญิงแล้วล่ะ ว่างนักหรือไง เอาเงินมาให้ฉันทำไม”

 

 

“ก็เงินค่าชาไง” อันหร่านจัดปกคอเสื้อสูทของตน ก่อนจะยืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานของเธอ “เงินเท่านี้พอแล้วใช่ไหม”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบขึ้นมานับ เยอะไปหน่อย…แต่เธอชอบ

 

 

“ฉันล่ะชอบคนใจป้ำแบบเธอจริงๆ” เธอคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเบิกเงินได้ “เธอไปบอกเจ้านายว่ายังไง ทำไมถึงเบิกเงินได้”

 

 

“ได้รับเงินก็พอแล้ว ทำไมต้องถามมากด้วย” เงินเหล่านี้ได้มาด้วยวิธีพิเศษ เธออธิบายให้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วฟังไม่ได้หรอก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถามต่อโดยไม่ย่อท้อ ถ้าเบิกเงินค่าขนมในห้องทำงานเธอด้วยคงจะดีสินะ

 

 

อันหร่านโดนตื๊อจนชักรำคาญแล้ว จึงจงใจพูดขู่ “ฉันบอกบอสเองแหละ เขาบอกว่าจะกินชาของเธอฟรีๆ ไม่ได้ ต้องชดใช้ให้”

 

 

“หา?” ซย่าเสี่ยวมั่วสะดุ้งเฮือก “อะไรนะ” เธอตกใจจนเสียงเปลี่ยน “บอสเหรอ?”

 

 

เธอนึกไปถึงชายวัยกลางคนคนั้น ก่อนจะเหลือบไปมองกระดานไวท์บอร์ดไม่สะดุดตาที่แขวนอยู่ตรงมุมห้อง ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนทำร้าย

 

 

“เธอหลอกฉันใช่ไหม”

 

 

“จะหลอกทำไมเล่า” อันหร่านเห็นสีหน้าของเธอก็รู้ทันทีว่าเธอคิดมากไปไกลแล้ว อย่างไรเสีย ‘บอส’ ที่พวกเขาสองคนพูดถึงนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน อันหร่านเริ่มเอ่ยหยอกล้อโดยไม่เกรงกลัว “เธอดูซิ บอสดีกับเธอขนาดนี้ เธอยังไม่ยอมเขาอีก”

 

 

“นี่มันบ้าอะไรกัน หยุดพูดเลย เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้เหรอเนี่ย” ซย่าเสี่ยวมั่วกุมหน้า “เธอจะให้ฉันคบกับผู้ชายแก่ขนาดนั้นเนี่ยนะ!”

 

 

อันหร่านยิ้มบางๆ ซย่าเสี่ยวมั่วนี่ตลกจริงๆ เหยียนเค่อไม่ให้พวกเธอรังแกซย่าเสี่ยวมั่ว แต่พวกเธอก็อดแกล้งไม่ได้อยู่ดี