ตอนที่ 528 ไม่ต้องการเห็นหน้าเขา / ตอนที่ 529 งั้นก็เป็นเด็กดีแล้วออกมา

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 528 ไม่ต้องการเห็นหน้าเขา

 

 

           ทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เขาอยู่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอตาฝาดไป

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขยี้ตา หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่ง เผยหนานเจวี๋ยก็ลงมาจากรถแล้วเดินไปที่รถของฉู่เจียเสวียน

 

 

           “ก๊อกๆ…” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือเคาะหน้าต่างรถของฉู่เจียเสวียน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนลดกระจกรถลง มองดูเผยหนานเจวี๋ยที่ปรากฏตัวกะทันหันอย่างเหลือเชื่อ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

 

 

           “ฉู่เจียเสวียน ไม่เจอกันนานเลย” เผยหนานเจวี๋ยยิ้มน้อยๆ มองเธอตาไม่กระพริบ

 

 

           “เผยหนานเจวี๋ย?” ฉู่เจียเสวียนสงสัยว่าตัวเองยังตื่นไม่เต็มตาหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เมื่อวานเขายังอยู่ที่เมืองนอกอยู่เลย

 

 

           “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ฉู่เจียเสวียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยังคงมองเธอ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นความฝันแน่นอน ไม่อย่างนั้นเผยหนานเจวี๋ยก็คงจะเริ่มหัวเราะเยาะเธอไปแล้ว

 

 

           พวกเขาสองคนจะต้องปะทะฝีปากกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

 

 

           “คุณไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ” เสียงที่ผิดหวังของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น แม้แต่ในดวงตาก็มีความเสียใจให้เห็นเลือนลาง

 

 

           “เปล่า ก็แค่ประหลาดใจนิดหน่อย” ฉู่เจียเสวียนโบกมือเป็นพัลวัน ทำไมเธอต้องตื่นเต้นด้วย เธอก็ไม่รู้ว่าเธอตื่นเต้นอะไร ทั้งๆ ที่พูดแล้วว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่ตอนนี้ที่หัวใจของเธอเต้นตึกตักๆ มันหมายความว่าอะไร

 

 

           “คุณทำอะไรผิดต่อผมหรือเปล่า ดูสีหน้าละอายใจของคุณสิ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงมีความเย้าแหย่

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ค้อนมองเขาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เธอรู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยนั้นยังคงมีความสามารถในการพูดจาประชดประชัน เธอเกือบจะคิดว่าเขากลายเป็นคนอ่อนโยนแล้วจริงๆ

 

 

           “ฉันจะไปทำงานแล้ว ได้โปรดหลีกทางด้วย” ฉู่เจียเสวียนขี้คร้านจะเสียเวลากับเผยหนานเจวี๋ย เธอไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว

 

 

           “คุณไม่สบายไม่ใช่เหรอ วันนี้อย่าไปทำงานเลย” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนแล้วพบว่าใบหน้าของเธอยังคงซีดขาวเล็กน้อย แม้ว่าเธอจงใจซ่อนเร้นความอิดโรยบนใบหน้า แต่เขาก็ยังสามารถดูออกได้ในทันที

 

 

           ดูเหมือนว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ เธอไม่ได้ดูแลตัวเองดีๆ ดูเหมือนเธอในตอนนี้ผอมลงไปเยอะมาก

 

 

           “ฉันไม่ได้ว่างเหมือนคุณเผยนี่คะ” ฉู่เจียเสวียนมองดูเวลา ไม่ต้องการเสียเวลากับเผยหนานเจวี๋ยอยู่ที่นี่อีกต่อไป ประเดี๋ยวเธอก็จะสายแล้ว

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองสีหน้าที่อ่อนล้าของเผยหนานเจวี๋ย เขาที่แข็งแกร่งตลอดเวลา ถ้าหากไม่มองอย่างถี่ถ้วน ก็คงมองไม่เห็นความผิดปกติของเขาอย่างแน่นอน

 

 

           “ผมว่าตอนนี้คุณควรไปโรงพยาบาลจะดีกว่า” เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่บนรถของฉู่เจียเสวียน ท่าทีเช่นนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้ฉู่เจียเสวียนไป

 

 

           ฉู่เจียเสวียนก้มหน้ามองดูเวลา ยิ่งร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรู้สึกรังเกียจท่าทีแปลกประหลาดของเผยหนานเจวี๋ยเป็นอย่างยิ่ง

 

 

           เธอจะไปไหนมันเกี่ยวอะไรกับเขา ทำไมต้องให้เขาเป็นคนตัดสินใจ อีกอย่าง เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้เอง

 

 

           “ทำไมคุณต้องทำงานหนักเพื่อบริษัทกงด้วย หรือว่ากงจวิ้นฉือไม่มีปัญญาเลี้ยงคุณ?” เผยหนานเจวี๋ยเห็นท่าทางของฉู่เจียเสวียนแบบนี้แล้วก็พูดด้วยความเหน็บแนมเล็กน้อย

 

 

           “เรื่องนี้ประธานเผยไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ บริษัทกงของพวกเรามันเล็ก ทำทุกอย่างด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว จะเปรียบเทียบกับบริษัทเผยที่ยิ่งใหญ่ได้ยังไงล่ะ?” ฉู่เจียเสวียนกล่าว คำพูดเยาะเย้ยที่ออกมาจากปากของฉู่เจียเสวียนไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย

 

 

           ขณะที่ฉู่เจียเสวียนพูดประโยคนี้จบ รู้สึกดีใจในใจ โชคดีที่เผยหนานเจวี๋ยยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เวลาที่เธอรู้สึกอึดอัดน้อยลงเมื่อเผชิญหน้ากับเขา คำที่โพล่งออกมาก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจไม่น้อย

 

 

           “ออกมา” เผยหนานเจวี๋ยไม่ต้องการถกเถียงกับฉู่เจียเสวียนอีกต่อไป ทั้งๆ ที่เขาเห็นว่าเธอป่วยอ่อนแอแบบนั้น ยังจะยืนยันที่จะไปทำงานอีก ในใจยิ่งรู้สึกโมโห

 

 

 

 

       ตอนที่ 529 งั้นก็เป็นเด็กดีแล้วออกมา

 

 

           “ประธานเผย กรุณาทำตัวดีๆ ด้วย” สีหน้าของฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขายังคงเป็นคนใจร้อนเช่นเคยจริงๆ

 

 

           “หรือว่าคุณคิดจะเถียงกันแบบนี้ตลอดไป?” เผยหนานเจวี๋ยถามกลับ วันนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอไปทำงานอย่างแน่นอน ร่างกายของเธออ่อนแออย่างเห็นได้ชัด กงจวิ้นฉือตายไปแล้วหรือยังไง

 

 

           “ถ้างั้นก็รบกวนประธานเผยหลีกทางด้วย” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากอย่างเหนื่อยใจ ครั้งนี้เธอจะต้องสายแน่ๆ เธอเพียงแค่ต้องการไปทำงานอย่างเงียบๆ ทำไมถึงยากแบบนี้

 

 

           “ผมมีเวลาที่จะเสียกับคุณอยู่ที่นี่ทั้งวันเลย” เผยหนานเจววี๋ยเลิกคิ้วเบาๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยั่วยุ

 

 

           “ฉันเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้คุณจะให้ฉันกลับเข้าไปอีกเหรอ คุณแช่งฉันหรือไง?” ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนอ้าเอ่ย แววตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยมีความโกรธจางๆ

 

 

           “งั้นผมจะให้หมอเข้ามาดูอาการคุณ ไม่งั้นผมไม่วางใจ” เผยหนานเจวี๋ยพูดเรียบๆ ขอเพียงมั่นใจว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ เขาจึงจะวางใจ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยกมือขึ้นนวดคลึงขมับ เช้านี้เธอไม่ได้ดูฤกษ์งามยามดีหรืออย่างไรกันนะ? เธอใกล้จะถูกเผยหนานเจวี๋ยบีบให้จนตรอกแล้ว เขาชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เธอจะไปหรือไม่ไปโรงพยาบาล เขาต้องสนใจด้วยเหรอ?

 

 

           “ฉันจะสตาร์ทรถเดี๋ยวนี้ คุณเชื่อหรือเปล่า!” ตอนนี้ฉู่เจียเสวียนมีแรงกระตุ้นอยากที่จะชนเขาให้ตายเสียจริง มาขวางเธอที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะให้เธอไปที่โรงพยายาล เธอก็ไม่ได้ป่วยสักหน่อย คนที่ป่วยคือเขาต่างหาก

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้ว ยิ้มอย่างคลุมเครือ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ผมไม่เชื่อ”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนฟุบอยู่บนพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย เธอแพ้เขาจริงๆ เขากลายเป็นคนหน้าด้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน หรือว่าเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อก่อนเป็นเพียงการเสแสร้งของเขางั้นเหรอ เธอต้องการจะอยู่อย่างสงบเหลือเกิน!

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเลิกคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เชื่อฟังเถอะ ไม่งั้นพรุ่งนี้หรือมะรืน ผมก็จะอยู่ที่นี่ คุณคิดว่าคุณจะหนีพ้นเหรอ”

 

 

           การจะสู้กับฉู่เจียเสวียนต้องใช้ความหน้าด้านเท่านั้น ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของเธอแล้ว จะยอมแพ้อย่างง่ายดายที่ไหนกัน

 

 

           “หรือไม่ผมจะให้ซูหรานมานี่” เผยหนานเจวี๋ยพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ต้องการจะโทรหาซูหราน

 

 

           “อย่า! ไม่ต้อง” ‘ซูหราน’ สองคำนี้ทำให้ฉู่เจียเสวียนนึกถึงความหลัง ความเจ็บปวดในตอนนั้นทำให้เธอรู้สึกอยากสาปแช่งเหลือเกิน เธอไม่ต้องการจะลิ้มรสมันอีกครั้ง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยิ้มภูมิใจ เขารู้ว่าเทคนิกพิเศษของ ‘ซูหราน’ กระตุ้นความทรงจำบางอย่างของเธอ เธออาจจะกลัวคุณหมอเล็กน้อย

 

 

           “งั้นคุณก็เป็นเด็กดีแล้วออกมา” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับฉู่เจียเสวียนด้วยคำพูดประเภทที่ใช้หลอกล่อเด็กน้อย

 

 

           “อ๊า” ฉู่เจียเสวียนลงมาจากรถโดยไม่เต็มใจนัก ยืนไม่มั่นคงขาอ่อนปวกเปียก มองเห็นท้องฟ้าที่หมุนคว้าง เธอหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยหูตาว่องไว ยื่นมือออกมาประคองฉู่เจียเสวียนไว้ในอ้อมแขน

 

 

           เมื่อมันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดไว้ เธอตบๆ หน้าอก ถอนหายใจแผ่วเบา “ตกใจหมดเลย” ไม่ทันรู้ตัวว่าท่าทางของตัวเองกับเผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้คลุมเครือแค่ไหน

 

 

           “ยืนยังเซเลย ยังจะไปทำงานอีก” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยอย่างปวดใจ ไม่รู้ว่าเธอเจอกับอะไรมาบ้าง ทำไมถึงกลายเป็นอ่อนแอถึงเพียงนี้

 

 

           คราวที่แล้วเขาเคยเห็นเธอต่อสู้กับผู้ชายสองคนด้วยตาของตัวเอง ถ้าครั้งนี้ไม่ได้กลับมาเพื่อลากเธอไปตรวจร่างกายล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่าร่างกายของเธออ่อนแอจริงๆ

 

 

           “อ่อ” ฉู่เจียเสวียนเผลักเผยหนานเจวี๋ยออกไปอย่างไม่พอใจ ต้องการจะออกจากอ้อมกอดของเขาแต่ไม่สามารถผลักออกไปได้

 

 

           เธอไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่เจอเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เธอมักจะอ่อนแออยู่เสมอ เธอรู้สึกอึดอัดมากจริงๆ เธอไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย