บทที่ 963 ทำเหมือนผมไปสวมเขาให้ / บทที่ 964 พ่อที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 963 ทำเหมือนผมไปสวมเขาให้

เนี่ยถังเซียวถาม “คุณคือพ่อของผมเหรอครับ?”

ไม่รู้เพราะอะไร พอเด็กน้อยถามคำถามนี้ออกมา ในน้ำเสียงกลับมีแววโล่งใจแฝงอยู่เล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก

ซือเยี่ยหานเงียบ

สำหรับคำถามนี้ ซือเยี่ยหานได้แต่แสดงออกว่าเขาเองก็อยากรู้มากเหมือนกัน

หลังออกมาจากคาราโอเกะ เยี่ยหวันหวั่นก็โทรหาหานเซี่ยนอวี่ ฝากเขาบอกทุกคนว่าเธอมีธุระจึงขอตัวก่อน จากนั้นก็ให้ถังปินกับซ่งเฉียงขับรถเธอกลับบ้าน สุดท้ายเธอก็ขึ้นรถปอร์เช่ของซือเยี่ยหาน

ขณะเดียวกัน ในห้องคาราโอเกะ

หานเซี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว แล้วหันไปบอกกับคนข้างกายว่า “เยี่ยไป๋มีธุระกลับไปก่อนแล้ว!”

กงซวี่ที่รีบเผ่นกลับมาก่อนได้ยินอย่างนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที “อะไรนะ กลับแล้วเหรอ? จบกันๆ พี่เยี่ยคงไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ…”

หานเซี่ยนอวี่หันไปมองกงซวี่ “มีอะไรงั้นเหรอ?”

กงซวี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขายกมือกุมหัวใจ แล้วชะโงกหน้าไปกระซิบบอกหานเซี่ยนอวี่ว่า “เมื่อกี้ตอนที่ผมออกไปกับพี่เยี่ย เห็นแฟนของพี่เยี่ยมา!”

“แฟนของเยี่ยไป๋?” หานเซี่ยนอวี่พึมพำ

กงซวี่พยักหน้า “ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่าจู่ๆ จะมาทำไม แถมสายตาที่มองผมก็ยังน่ากลัวมากด้วย มีแต่รังสีพิฆาต! ผมตกใจแทบตายแน่ะ!”

หานเซี่ยนอวี่บอกวว่า “นายไปทำอะไรไว้ล่ะ?”

กงซวี่ค้านเสียงแข็ง “ผมไปทำอะไรที่ไหนกันล่ะ? ผมไม่ได้ทำอะไรเลยเหอะ! ทำไมต้องมองผมด้วยสายตาเหมือนผมไปสวมเขาให้เขาอย่างงั้นแหละ…ผะ…ผมก็แค่คล้องแขนพี่เยี่ยเท่านั้นเอง…แค่นี้ก็ไม่ได้หรือไง?”

พูดจบเขาก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “พี่เซี่ยนอวี่ พี่ยังไม่รู้อะไร ตอนนั้นสีหน้าของผู้ชายคนนั้นน่ากลัวมาก อย่างกับจะทำการฆ่าล้างบางครั้งใหญ่งั้นแหละ พี่เยี่ยคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

หานเซี่ยนอวี่เองก็ไม่สบายใจ แต่ว่านี่มันเป็นเรื่องระหว่างคนรักกัน พวกเขาเป็นแค่คนนอกไม่สะดวกยื่นมือเข้าไปแทรก ไม่อย่างนั้นเรื่องราวคงบานปลายขึ้นเรื่อยๆ

หานเซี่ยนอวี่ถอนหายใจด้วยความจนใจ “นายก็รู้ว่าสถานการณ์ของเยี่ยไป๋ไม่เหมือนใคร ก็น่าจะรักษาระยะห่างกับเขาหน่อยสิ”

กงซวี่บ่นพึมพำ “รักษาระยะห่างอะไรกัน ถึงพี่เยี่ยจะชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้สนใจผมเลยซักนิด…”

หานเซี่ยนอวี่พูดไม่ออก

หายากที่เขาจะรู้จักเจียมตัวอย่างนี้…

หวังหว่าเยี่ยไป๋จะไม่มีปัญหาอะไร ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดา…

อีกด้านหนึ่ง ข้างล่างร้านคาราโอเกะ

หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นเผ่นขึ้นรถ เธอก็รีบล้วงมือถือออกมาส่งข้อความให้ซือเยี่ยหานทันที

พอซือเยี่ยหานเดินมาถึง เขาก็เปิดประตูรถ แล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นรถก่อน

ขณะกำลังจะขึ้นรถ เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้น

พอเปิดอ่าน ก็พบว่าเป็นข้อความจากเยี่ยหวันหวั่น [คุณเก้า อีกเดี๋ยวไม่ว่าฉันจะพูดอะไร ได้โปรดให้ความร่วมมือกับฉัน ขอร้องนะ ขอร้อง!]

พออ่านข้อความ ซือเยี่ยหานก็ขมวดคิ้วแน่น

เยี่ยหวันหวั่นเห็นสีหน้าของซือเยี่ยหานผ่านหน้าต่างรถ ฉะนั้นจึงกัดฟันแล้วส่งข้อความไปอีก [ที่รัก ได้ไหมคะ?]

ซือเยี่ยหานยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

เยี่ยหวันหวั่นก็เลยส่งไปอีกเรื่อยๆ

[ที่รัก นะคะ?]

[ยอดรัก ฉันขอร้องล่ะค่ะ!]

[สามีขาๆๆ?]

หลังส่งข้อความที่สี่ไป ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ได้รับการตอบรับ

[เบบี๋ที่รัก: อืม]

เยี่ยหวันหวั่นโล่งอก ค่อยยังชั่วหน่อย…

หลังจากซือเยี่ยหานขึ้นมานั่ง รถปอร์เช่ก็ขับเคลื่อนออกไปอย่างมั่นคง

คนขับรถกับสวี่อี้นั่งข้างหน้า เยี่ยหวันหวั่น เนี่ยถังเซียวและซือเยี่ยหานนั่งเบาะหลัง

บรรยากาศในรถค่อนข้างแปลกประหลาด…

————————————————————————–

บทที่ 964 พ่อที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ

เยี่ยหวันหวั่นเงียบ อีกสองคนข้างๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไร บรรยากาศในรถเงียบกริบตลอดทาง

เรียกได้ว่าชายหนุ่มกับเจ้าหนูน้อยควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากทีเดียว

สุดท้ายก็ไร้บทสนทนากันมาตลอดทาง จนรถขับมาถึงคฤหาสน์กุหลาบในที่สุด

สวี่อี้ลงจากรถมาเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง พร้อมกับแอบเหล่มองทั้งสามคน

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่พอเจ้านายกับคุณหนูหวันหวั่นยืนอยู่กับเจ้าหนูน้อยนี่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก แต่กลับเป็นภาพที่สบายตามาก มากถึงขั้นที่ทำให้เขาคิดว่าสามคนตรงหน้าเป็นครอบครัวสุขสันต์ไปชั่ววูบเลยทีเดียว…

คะ…ครอบครัวสุขสันต์?

พอรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองคิดอะไรอยู่ สวี่อี้ก็ตกใจกับความคิดตัวเองอย่างหนัก

บ้าไปแล้วมั้ง!

ยังไงเจ้าหนูนี่ก็น่าจะอายุสี่ห้าขวบแล้ว ปีนี้คุณหนูหวันหวั่นเพิ่งจะอายุยี่สิบสอง ถ้าหากเจ้าหนูนี่เป็นลูกของคุณหนูหวันหวั่น ก็หมายความว่าคุณหนูหวันหวั่นท้องตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะน่ะสิ!

ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง เจ้านายของเขาต้องเลวทรามขนาดไหนกัน!

ไม่ เป็นไปไม่ได้ๆ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

ทำไมเขาถึงได้คิดอะไรน่ากลัวอย่างนั้นเนี่ย…

แต่ว่า เจ้าหนูน้อยคนนี้เรียกคุณหนูหวันหวั่นว่าแม่เต็มปากเต็มคำ แถมคุณหนูหวันหวั่นก็ยังพูดเองว่าเขาเป็นลูกชายของคุณชายเก้า…

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เด็กคนนี้มาจากไหนกัน?” สวี่อี้ถามถังปินกับซ่งเฉียงที่เดินตามหลังมา

ทั้งสองสามัคคีกันส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง

ถ้าจะถาม ก็ต้องไปถามพ่อของเด็กมากกว่ามั้ง?

……

พอกลับมาถึงบ้าน ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว

ซือเยี่ยหานนั่งอยู่บนโซฟา เยี่ยหวันหวั่นพาเนี่ยถังเซียวมานั่งตรงข้าม แล้วทำใจดีสู้เสือ อธิบายว่า “คือว่า เมื่อกี้กะทันหันไปหน่อย ตอนนี้แม่ขอแนะนำอย่างเป็นทางการใหม่อีกครั้งนะ ถังถัง นี่คือ…พ่อของหนูจ้ะ!”

หลังจากได้รับ “การยืนยันอย่างเป็นทางการ” อีกครั้ง เด็กน้อยก็เงยหน้ามองซือเยี่ยหาน

ซือเยี่ยหานที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด

เยี่ยหวันหวั่นรีบส่งสายตาให้ซือเยี่ยหาน เธอมองซือเยี่ยหานด้วยสายตาอ้อนวอน ไหนบอกว่าจะให้ความร่วมมือไงเล่า! อย่าเงียบอย่างนี้สิ!

ภายใต้การเร่งเร้าของเยี่ยหวันหวั่น ในที่สุดซือเยี่ยหานก็หันไปพูดกับเด็กน้อยว่า “สวัสดี ยินดีที่ได้พบครั้งแรก ฉันแซ่ซือ ซือเยี่ยหาน เป็นพ่อของเธอ”

เยี่ยหวันหวั่นแทบจะอ้าปากค้าง…

บทแนะนำตัวนี่มัน ทำไมฟังดูคุ้นหูจัง?

นี่มันเหมือนคำพูดแนะนำตัวของถังถัง ตอนที่พบเธอเป็นครั้งแรกเลยนี่นา!

มารดาเอ็งเถอะ! เธอเริ่มสงสัยแล้วสิว่าเจ้าหนูนี่เป็นลูกของซือเยี่ยหานจริงๆ หรือเปล่า!

พอซือเยี่ยหานพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองถังถังอย่างประหม่า แอบสังเกตสีหน้าเขา เพราะกลัวว่าความจะแตก

เด็กน้อยเม้มปาก ผ่านไปครู่หนึ่งก็บอกว่า “แม่ครับ…”

เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ย “แม่อยู่นี่จ้ะ ถังถังมีอะไรอยากถามงั้นเหรอ?”

เนี่ยถังเซียวเอ่ย “แม่ครับ แม่แน่ใจเหรอครับว่าเขาเป็นพ่อผม ไม่ใช่คนอื่นแน่เหรอครับ?”

ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก

เยี่ยหวันหวั่นเองก็เงียบ

คำถามนี้มันออกจะ…

เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มร้อย “แน่นอนสิ ตลอดชีวิตนี้แม่รักแค่พ่อของลูกคนเดียว ก็ต้องมีลูกกับพ่อของลูกคนเดียวอยู่แล้วสิ!”

พูดจบก็ไม่ลืมหันไปมองซือเยี่ยหานอย่างเอาใจ

แต่ว่า สีหน้าของถังถังก็เหมือนยังไม่เชื่อสนิทใจ “แต่ว่า แม่ครับ…คุณลุงบอกว่าเมื่อก่อนคุณแม่เคยชอบผู้ชายมาเยอะมาก…”

เยี่ยหวันหวั่นเกือบสำลักน้ำลายตัวเองตาย “…!!!”

เวร! เจ้าบ้าเนี่ยอู๋หมิง…มีอย่างที่ไหนรังแกน้องสาวตัวเองอย่างนี้?

……………………………