บทที่ 447: ข้าได้ตัวเจ้าแล้ว

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 447: ข้าได้ตัวเจ้าแล้ว

 

“เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังจะไปไหนงั้นรึ”

 

เมื่อหัวหน้าหลงพลันเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นชินเหลียงหยู ดวงตาซูหยางก็เป็นประกายไปด้วยจิตสังหารและเขาก็ใช้ก้าวเก้าดาราขั้นที่สองปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของหัวหน้าหลงในชั่วพริบตา

 

แต่ทว่ารอยแสยะยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหัวหน้าหลงขณะที่เขาพลันหันกายกลับไปเผชิญหน้ากับซูหยางราวกับว่าเขากำลังรอโอกาสอันเหมาะสมนี้อยู่

 

“ข้าได้ตัวเจ้าแล้ว” หัวหน้าหลงตะกุยกรงเล็บไปยังซูหยางด้วยความเร็วสูง ไปถึงเบื้องหน้าของซูหยางด้วยความเร็วเกินกว่าจะกระพริบตาทัน

 

“ซูหยาง” หัวใจของชิวเยว่ขยายตัวถึงขีดสุดด้วยความหวั่นวิตกเมื่อได้เห็นเช่นนั้นและเธอก็เริ่มบินไปยังพวกเขาด้วยหวังว่าเธอจะสามารถปกป้องเขาได้ทันเวลา

 

แต่อย่างไรก็ตามก็มีคนจับไหล่ของเธอไว้และบังคับเธอให้หยุดก่อนที่เธอจะสามารถเคลื่อนตัวไปได้ไกลกว่านั้น

 

ชิวเยว่หันตัวไปดูถังหลินชีซึ่งส่ายหน้าอย่างเยือกเย็น

 

“ใจเย็นน้องหญิง เจ้าคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาสู้หรืออะไรทำนองนั้นงั้นรึ เขาไม่เป็นอะไรแน่นอน”

 

ชิวเยว่ดูสับสนเล็กน้อยไปชั่วขณะ เธอหันกายกลับไปดูสถานการณ์อีกครั้ง

 

“เอ๋”

 

ชิวเยว่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนกเมื่อเธอเห็นฉากนั้น เวลาก่อนหน้านั้น หัวหน้าหลงได้มีเจตนาหลอกล่อซูหยางให้ลดการป้องกันตัวลงโดยการเปลี่ยนเป้าหมายไปยังชินเหลียงหยูในทันที ก่อนที่จะหันตัวกลับไปโจมตีเขา

 

แต่ตอนนี้เมื่อเธอดูสถานการณ์อีกครั้งก็พบว่าซูหยางยังอยู่สุขสบาย ส่วนสำหรับหัวหน้าหลงนั้น เขายืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าหวาดหวั่นและแขนที่อยู่ห่างจากใบหน้าหล่อเหลาของซูหยางเพียงแค่นิ้วเดียวก็พลันขาดออกไปจากร่างของเขาหล่นอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่กี่เมตร

 

ดูเหมือนว่าแขนของหัวหน้าหลงได้ถูกตัดออกไปด้วยอะไรบางอย่างพี่คมกริบ บางอย่างที่คล้ายกระบี่ แต่ทว่ามือของซูหยางนั้นว่างเปล่า ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกฟันด้วยกระบี่

 

“จ-เจ้าทำอะไรกับข้า” หัวหน้าหลงไอออกมาเป็นเลือดก่อนที่เขาจะซวนเซไปด้านหลัง

 

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจักตกหลุมพรางอะไรที่ช่างพื้นฐานมากแบบนี้” ซูหยางจ้องตรงไปยังดวงตาของหัวหน้าหลง ซึ่งรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเปลือยเปล่าราวกับหนังสือที่เปิดอยู่ตรงหน้าสายตาอันเฉียบแหลมของซูหยาง

 

“และข้ามิจำเป็นต้องใช้อาวุธในการฆ่าคนแบบเจ้า มือของข้าก็เพียงพอแล้ว” ซูหยางพูดต่อ

 

“ข้าได้เล่นกับเจ้าก่อนหน้านี้ ในเมื่อเจ้ามีส่วนต้องรับผิดชอบการกระทำของชนเผ่าสิงโตในวันนี้ และข้าก็ได้เตรียมที่จะคืนขวานมังกรดำให้กับเจ้าหลังจากที่ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง แต่เจ้าได้ทำเกินเลยและทำสิที่โง่เขลาอย่างเช่นการเปลี่ยนเป้าหมายไปยังหัวหน้าชิน”

 

แม้ว่ามือของเขาจะว่างเปล่า แต่มันก็ห่อหุ้มไปด้วยปราณกระบี่

 

ที่แห่งนั้นเงียบสงัดและผู้คนจากชนเผ่าหมูป่าต่างพากันจ้องมองไปที่ซูหยางราวกับว่าเขาเป็นเทพสงคราม

 

“ด-ได้โปรด…ไว้ชีวิตข้า… ข้าจักไม่ขอร้องเจ้าให้คืนขวานมังกรดำอีกต่อไป…” หัวหน้าหลงสั่นสะท้านด้วยความกลัว

 

แม้ว่าพลังการฝึกปรือของซูหยางต่ำกว่าตัวของเขาเองอย่างเห็นได้ชัด แต่ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งและวิชาการต่อสู้ก็เหมือนกับอยู่คนละโลก เขารู้สึกเหมือนกับว่าสู้กับคนที่มีประสบการณ์มากกว่าตนเองไม่อาจนับได้

 

“อย่ากังวล ข้าไม่เคยมีเจตนาที่จะฆ่าเจ้าตั้งแต่แรก ข้ายังรู้ด้วยว่าทำไมเจ้าจึงมุ่งเป้าไปที่ชนเผ่าหมูป่า ดังนั้นข้าจะขอบอกเจ้าว่า สิ่งที่เจ้ามองหานั้นไม่ได้อยู่กับชนเผ่าหมูป่าอีกต่อไป ในเมื่อมันอยู่ในมือข้าแล้วในตอนนี้”

 

“แน่นอน ข้ายินดีให้เจ้าพยายามที่จะเอามันไปจากข้าเหมือนกับขวานมังกรดำ”

 

“…”

 

ดวงตาของหัวหน้าหลงเปิดกว้างอีกครั้งแต่เขาไม่ได้พูดอะไรในเมื่อเขาพูดไม่ออก

 

“ไม่มีเหตุผลอะไรอีกต่อไปที่เจ้าจะมาใกล้ชนเผ่าหมูป่าอีก ข้าไม่รับประกันว่าเจ้าจะสามารถกลับไปอย่างมีชีวิตในครั้งหน้าที่เจ้ามาที่นี่ ข้าพูดชัดเจนหรือไม่” ซูหยางพูดกับหัวหน้าหลงเชิงออกคำสั่งไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ

 

“ข-ข้าเข้าใจแล้ว…” หัวหน้าหลงพยักหน้าด้วยท่าทางแข็งทื่อ

 

“ดี เช่นนั้นไปให้พ้นจากสายตาข้า”

 

หลังจากพูดคำพูดเหล่านั้นแล้วซูหยางก็หันกายไปไม่สนใจหัวหน้าซึ่งรีบหนีออกไปจากชนเผ่าหมูป่าอีกต่อไป

 

“เจ้าสบายดีไหม” ซูหยางตรงไปยังขินเหลียงหยูด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าหลังจากนั้น

 

“ส-สบายดี…” ชินเหลียงหยูพยักหน้าอย่างช้าๆด้วยสีหน้าสับสน

 

“โชคร้ายที่ข้าไม่สามารถที่จะช่วยทุกคนของชนเผ่าหมูป่าได้ ข้าต้องขอโทษด้วย”

 

ซูหยางพูดขณะที่เขามองไปรอบๆ

 

หมู่บ้านชนเผ่าหมูป่าเกลื่อนกลาดไปด้วยศพในเวลานั้น ในขณะที่ส่วนใหญ่เป็นศพของชนเผ่าสิงโต แต่ก็ยังมีนักรบที่ล้มตายอีกจำนวนมากจากฝั่งของชนเผ่าหมูป่าด้วยเช่นกัน

 

“ไม่… ท่านมิได้ทำอะไรที่ต้องการให้ท่านขอโทษ ผู้อาวุโสซู ถ้ามิใช่ท่าน นั่นย่อมจะต้องมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ ขอบคุณที่ช่วยชนเผ่าหมูป่า…”

 

ชินเหลียงหยูพลันคุกเข่าลงและคำนับเขา

 

เมื่อชนเผ่าคนอื่นเห็นการกระทำของหัวหน้าของตนเอง พวกเขาก็พากันคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับซูหยาง ขอบคุณเขาอย่างเงียบๆ

 

“ยืนขึ้น แม้ว่าสงครามจบลงแล้วแต่ก็ยังมีงานที่จะต้องทำที่นี่”

 

ชินเหลียงหยูพลันยืนขึ้นและพูดด้วยเสียงดัง “พวกเราจะช่วยกันทำความสะอาดที่แห่งนี้”

 

“ขอรับ/เจ้าค่ะ หัวหน้า”

 

เวลาถัดจากนั้น ชิวเยว่และถังหลินชีก็ตรงเข้าไปหาซูหยาง

 

“ท่านยังดีอยู่ไหม ซูหยาง” ชิวเยว่ถามเขา

 

“ข้ายังดี–”

 

“หยุดโกหกได้แล้ว” ถังหลินชีพลันขัดขึ้น

 

“เจ้าใช้ปราณเทพระหว่างการต่อสู้ทั้งสองครั้ง แม้ว่าเจ้าอาจจะดูปกติดีภายนอกแต่ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าหมดแรงแล้วอย่างแน่นอน”

 

“เอ๋ จริงรึ” ชิวเยว่งงงัน ไม่น่าประหลาดใจที่ทำไมเขาจึงสามารถเอาชนะจอมยุทธระดับสูงสุดเขตอัมพรวิญญาณได้ง่ายดายปานนั้น

 

ซูหยางเผยให้เห็นรอยยิ้มและกล่าวว่า “ข้ามิสามารถซ่อนอะไรจากเจ้าได้เลยจริงๆ หลินชี”

 

“ก็จริง ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่นอกจากรู้สึกง่วงนอนแล้ว ข้าสบายดีจริงๆ ข้าต้องการที่จะปรับตัวเข้ากับปราณเทพในร่างของข้า ดังนั้นข้าจึงต้องฝึกฝนมัน”

 

“อย่าผลักดันตัวเองมากนัก มิใช่เรื่องง่ายในการควบคุมปราณเทพ และนั่นก็เป็นเรื่องจริงถึงแม้ว่าจะเป็นตัวข้าเอง” ถังหลินชีกล่าว

 

“ข้าไม่–”

 

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบประโยค สายตาของเขาก็มืดทะมึน

 

“ซ-ซูหยาง”

 

เขาพลันล้มลงสร้างความแตกตื่นให้กับชิวเยว่เป็นอย่างมาก และเธอรีบตรงไปรับร่างที่กำลังล้มลงของเขา

 

“ใจเย็น น้องหญิง เขาเพียงแค่หลับไป เขาจักสบายดีหลังจากที่ได้พักผ่อนสองสามวัน” ถังหลินชีกล่าวกับเธอสร้างความโล่งใจให้กับอีกฝ่าย