ตอนที่ 507: ตามหาพี่สาว

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 507: ตามหาพี่สาว

 

เรื่องทั้งหมดแทบจะไม่ได้เป็นการถกเถียงกัน แต่เป็นไป๋สุ่ยหวงพูดอยู่คนเดียว ทั้งเรื่องที่จะให้อี้เทียนหยุนเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ข้อสรุป หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ป่านนี้คงยังเถียงกันไม่เสร็จ แต่ว่าปากของไป๋สุ่ยหวงนั้นร้ายกาจมาก ทำให้จัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครเสนอข้อคิดเห็นอะไร แต่พากันนั่งฟังเรื่องที่ประกาศออกมาทีละเรื่อง จนกระทั่งแล้วเสร็จ

 

ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไร ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือว่าจะหาทางป้องกันศัตรูยังไง พวกเขาในตอนนี้ไม่ปลอดภัย พร้อมที่จะเข้าสู่สงครามได้ทุกเมื่อ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการโต้กลับ พร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเผ่าฟีนิกซ์

 

ที่เผ่าฟีนิกซ์ต้องเจอคือการรวมกันของสองขุมอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกันให้แน่นหนา พวกเขาที่เป็นเผ่าสัตว์เทวะ แน่นอนเรื่องพลังย่อมต้องแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเป็นการต่อสู้ของ 1 ต่อ 2 จึงทำให้ความหมายทั้งหมดเปลี่ยนไป

 

ในขณะที่พวกเขาถกกันเรื่องหามาตรการรับมือ อี้เทียนหยุนก็ได้พาเหยียนเอ๋อออกมาพักข้างนอก เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีเขาไปเกี่ยวข้อง แม้ว่าเขาจะเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องทำงานให้เผ่าฟีนิกซ์แบบถวายหัว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ในห้องประชุมด้วยก็ได้

 

ตอนนี้เขายังไม่ใช่ทูตศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่ถึงจะเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แล้ว เขาก็สามารถเลือกที่จะฟังหรือไม่ฟังก็ได้เช่นกัน

 

“ท่านพ่อ พวกเราจะไปเล่นที่ไหนกัน?” เหยียนเอ๋อไม่รู้สถานการณ์ เธอยังเด็กเกินไป ดังนั้นจะไปเข้าใจอะไรได้

 

“ไปตรงนั้นกัน” อี้เทียนหยุนจูงมือน้อยๆ ของเธอเดินไปใกล้ๆ ต้นอู่ถง เหยียนเอ๋อกระโดดโลดเต้นไปตามทาง พร้อมกับดึงเขาเดินไปใกล้ๆ

 

เห็นท่าทางร่าเริงของเหยียนเอ๋อ ก็ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า ลูกของเขาที่จะมีหลังจากนี้ จะร่างเริงเหมือนกับเธอไหมนะ?

 

พวกเขาพากันเดินเล่นรอบๆ อย่างสนุก เหยียนเอ๋อก็ไม่มีคำร้องอะไรมากมาย แค่ได้วิ่งเล่นรอบๆ พร้อมกับปีนต้นอู่ถงเล่น แค่นั้นก็มีความสุขแล้ว ยังไงก็ตาม ก็ได้มีเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นเหยียนเอ๋อ ก็พากันกระพริบตาปริบๆ

 

“มาเล่นด้วยกันไหม?” เด็กฝั่งนั้นตะโกนเรียก

 

เหยียนเอ๋อก็มองพวกเขาเช่นกัน เหมือนลังเลว่าจะไปดีหรือไม่

 

“ไปเถอะ เล่นด้วยกันสนุกกว่า” อี้เทียนหยุนเห็นเด็กวัยเดียวกันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเพิ่งจะคิดว่าจะไปหาเด็กๆ รุ่นเดียวกันได้ที่ไหน แต่อยู่ๆ ก็มีเด็กๆ กลุ่มหนึ่งโผล่ขึ้นมาพอดี

 

“อือ!” ในที่สุดเหยียนเอ๋อก็วิ่งไป พร้อมกับเล่นด้วยกันกับพวกเขา

 

เขาเงยหน้าขึ้นมอง และก็พบว่าผู้ที่นำเด็กกลุ่มนี้มาก็คือปู๋เยี่ยน เขามองไปที่พวกเขาแล้วพูดว่า “อย่าวิ่งออกไปจากบริเวณนี้ล่ะ และก็อย่าทะเลาะกัน เล่นด้วยกันดีๆ!”

 

ปู๋เยี่ยนมองกลุ่มเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันพร้อมกับถอนหายใจออกมา ยังไงก็ตาม เมื่อเขามองเห็นอี้เทียนหยุน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย จากนั้นก็เดินเข้าไปหา พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านทูต ทำไมท่านถึงควบคุมเปลวเพลิงนิรันดร์ได้ เปลวเพลิงนี้มีแต่ท่านหัวหน้าเผ่าที่ควบคุมได้!”

 

“นี่…. ฝึกๆ ก็เป็นเอง” อี้เทียนหยุนก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี เปลวเพลิงนิรันดร์นี้เขาได้มาตั้งแต่แรกเลย ใครจะรู้ว่ามันจะร้ายกาจขนาดเป็นถึงเปลวเพลิงระดับสุดยอด

 

“ฝึกๆ ก็เป็นเอง….” ปู๋เยี่ยนพูดไม่ออก คำอธิบายนี้มันกำปั้นทุบดินเกินไปจริงๆ จากนั้นเขาก็คิดแล้วพูดออกมาว่า “คือว่าท่านทูต ตอนที่ท่านจะกลับโลกมนุษย์น่ะ ช่วยพาข้าไปด้วยได้หรือเปล่า?”

 

สุดท้าย หลังจากที่นอกเรื่องมาหลายคำ ในที่สุดก็บอกความต้องการที่แท้จริงออกมา

 

“พาเจ้าไปโลกมนุษย์? เจ้าจะไปโลกมนุษย์ทำอะไร?” อี้เทียนหยุนมองเขา พร้อมกับถามด้วยความสงสัย “โลกมนุษย์หากเทียบกับที่นี่แล้ว สภาพแวดล้อมในการฝึกตนนั้นด้อยกว่ามาก หากว่าฝึกอยู่ที่นี่ ระดับของเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

 

ปู๋เยี่ยนยังหนุ่ม ก็มีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 7 แล้ว หากว่าฝึกอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วล่ะก็ จะต้องเข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ได้อย่างแน่นอน หากว่าไปที่โลกมนุษย์ ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะเลื่อนระดับได้

 

ปู๋เยี่ยนไม่ตอบในทันที แต่กลับเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ค่อยๆ พูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “ข้าจะไปตามหาพี่สาว…..”

 

“พี่สาว? พี่สาวของเจ้าอยู่ที่โลกมนุษย์อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถามอย่างสงสัย

 

“ข้าก็ไม่รู้ พี่สาวจากบ้านไปนานแล้ว ข้าออกตามหาเธอจนทั่วก็หาไม่พบ….. ขนาดออกไปตามหาพร้อมอาจารย์ยังไม่ได้ข่าว ข้าเลยคิดว่าเธออาจจะอยู่ที่โลกมนุษย์ก็ได้” ภายใต้สีหน้าที่โง่เขลา กลับกลบฝังความคิดที่คาดไม่ถึงเอาไว้

 

“เธอหายไปนานเท่าไหร่แล้ว” อี้เทียนหยุนถาม

 

“เหมือนกันกับท่านน้า หายไปได้สองปีกว่าแล้ว….” ปู๋เยี่ยนพูดความจริงออกมา

 

อี้เทียนหยุนเงียบลงในทันที หากว่าเป็นเหมือนกันกับลั่วหวง ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกไล่ล่า หากไม่หนีไปยังโลกมนุษย์ ก็อาจจะตายอยู่ในโลกวิญญาณ

 

“ข้าเข้าใจล่ะ แต่ข้าไม่สามารถพาเจ้าไปยังโลกมนุษย์ได้ ต่อให้ข้ารับปาก ผู้อาวุโสก็คงจะไม่เต็มใจให้ข้าพาเจ้าไป สถานการณ์ตอนนี้อันตรายถึงขีดสุด เผ่าฟีนิกซ์ต้องการกำลังทุกภาคส่วน เจ้าจึงไม่สามารถไปได้” อี้เทียนหยุนส่ายหัวปฏิเสธ เผ่าฟีนิกซ์อยู่ในช่วงคับขัน พวกเขาจะปล่อยให้เขาออกไปไหนตามใจได้ยังไง

 

“แต่ว่าพี่สาวของข้า…..” ปู๋เยี่ยนกัดฟันแน่น เขาอยากจะไปตามหาพี่สาวของเขา

 

“เรื่องนี้ข้าจะช่วยจัดการเอง ไว้ข้ากลับไปโลกมนุษย์เมื่อไหร่ ข้าจะช่วยเจ้าตามหาพี่สาวของเจ้าอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนรับปาก

 

“จริงเหรอ ขอบคุณท่านทูตมาก!” ปู๋เยี่ยนตื่นเต้น และเหมือนคิดอะไรออก จากนั้นก็รีบหยิบขวดยาออกมา 1 ขวดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยื่นให้กับอี้เทียนหยุนแล้วพูดว่า “ข้าไม่มีของรางวัลอะไร จึงได้มอบโอสถขวดนี้ให้กับท่าน!”

 

โอสถที่ยื่นมานี้ไม่ใช่ระดับต่ำๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นโอสถวิญญาณเที่ยงแท้ ซึ่งเหมาะสำหรับให้ผู้ฝึกตนระดับวิญญาณเที่ยงแท้ใช้อย่างมาก

 

“ไม่ต้องหรอก โอสถนี้เจ้าเก็บไว้เถอะ จากนี้ไปเจ้ายังจำเป็นต้องใช้มัน” อี้เทียนหยุนปฏิเสธในทันที โอสถนี้สำหรับเขาแล้วไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่มากมายอะไร เทียบได้กับโอสถค่าประสบการณ์ทั่วไปเท่านั้น

 

“ท่านทูตโปรดรับไว้เถอะ ไม่อย่างนั้นข้าคงรู้สึกไม่สบายใจ….” ปู๋เยี่ยนมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นประกาย เขาไม่มีสมบัติอะไร จึงให้ได้เพียงโอสถเท่านั้น

 

อี้เทียนหยุนมองเข้าไปที่ตาเขา จากนั้นก็ตัดสินใจรับมา ไม่อย่างนั้น ปู๋เยี่ยนคงจะรู้สึกไม่สบายใจ

 

“ตกลง ข้าจะรับไว้” อี้เทียนหยุนยิ้ม ก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะหาเบาะแสอะไรพบ

 

“ติ๊ง ท่านรับภารกิจรอง “ช่วยปู๋เยี่ยนตามหาพี่สาวซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 30 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความดี 300 และได้รับฉายา “ราชานักค้นหา”!”

 

ภารกิจเด้งขึ้นมาจนทำให้อี้เทียนหยุนตกใจ และที่สำคัญคือมีฉายาให้ด้วย ซึ่งฉายานี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่สามารถมอบฉายาได้ ก็ไม่รู้ว่าฉายานี้จะให้เอฟเฟ็กอะไร

 

คงต้องรอให้ได้มาก่อนถึงจะรู้ล่ะนะ

 

จากนั้น พวกเขาก็พากันคุยกันอีกนิดหน่อย ปู๋เยี่ยนก็ได้นำรูปใบหนึ่งออกมา พร้อมกับมอบให้อี้เทียนหยุน “นี่คือรูปพี่สาวของข้า”

 

อี้เทียนหยุนรับมาเปิดดูช้าๆ ที่ปรากฏต่อสายตาคือใบหน้าที่ไม่รู้จัก เขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อนอย่างแน่นอน หากว่าเคยเห็น เขาจะต้องสังเกตได้แน่ว่าเธอเป็นคนของเผ่าฟีนิกซ์ เพราะต่อให้ซ่อนดีแค่ไหน แต่ภายใต้ดวงตาประเมินของเขา ก็ไม่สามารถปกปิดได้อยู่ดี!

 

“ข้ารู้แล้ว แต่ว่าข้ายังไม่มีแผนที่จะกลับโลกมนุษย์ในเร็วๆ นี้ ไว้ข้ากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะส่งคนไปออกตามหาเธออย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น

 

“งั้นก็ต้องขอบคุณท่านทูตมากแล้ว!” ปู๋เยี่ยนพูดด้วยความซึ้งใจ

 

“ข้ายังไม่ได้เป็นทูตจริงๆ สักหน่อย เอาแต่เรียกท่านทูตๆ อย่างนี้ มันจะดูไม่เหมาะสมเอาได้” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ไม่หรอก ข้าคิดว่าท่านจะต้องผ่านการทดสอบนั้นได้อย่างแน่นอน!” ในสายตาปู๋เยี่ยนเต็มไปด้วยความมั่นใจ คิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องผ่านบททดสอบได้สำเร็จอย่างแน่นอน