ตอนที่ 1726 ความจน
หลายวันต่อมา หลินฮวงให้มรดกกับดาบ11และ12ก่อน หลังพวกเขาปิดประตูบ่มเพาะ ไม่นานพวกเขาก็ท่าการผสาน
หลังทั้งสองออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ หลินฮวงก็ใช้เวลาจัดชุดมรดกเต๋ดาบให้ดาบ13-37
ทาสดาบทั้ง 25 เข้าสู่การปิดประตูบ่มเพาะพร้อมกัน
หลินฮวงไม่คาดหวังทาสดาบกลุ่มนี้สูง
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเป็นแค่กึ่งเทพสูงสุด(4.5) ด้วยระดับพรสวรรค์กับศักยภาพ มันยากมากที่พวกเขาจะเป็นจ้าวเทวะ
เขาคิดว่ามันคงดีมากแล้วถ้ามีสักครึ่งที่เป็นจ้าวเทวะได้สําเร็จ
ภายใต้การเร่งเวลาหมื่นเท่าในวังจอมเทพ ทาสดาบทั้ง 25 ออกจากการปิดประตูบ่มเพาะและทําการผสานทีละหนึ่ง
ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นที่น่าพอใจสําหรับหลินฮวง
ท่ามกลางทั้ง 25 มี18คนที่เลื่อนเป็นจําาวเทวะได้ เจ็ดคนล้มเหลวและกลายเป็นแค่กึ่งจ้าวเทวะ
เหตุผลว่าทําไมอัตราสําเร็จถึงสูงมากเพราะหลินฮวงแอบช่วยบางคนในช่วงปล้นเต่ํา
ส่วนอีกเจ็ดคนที่ล้มเหลว พวกเขาล้มเหลวในขั้นสอง
บ้างมีเขตแดนเทพไม่ทรงพลังพอ บ้างขาดพลังกายหรือพลังของวิญญาณเทพ
หลินฮวงไม่สามารถช่วยคนเหล่านี้ได้
เขาทําได้แค่ปกป้องพวกเขาเพื่อช่วยชีวิต ท่าให้เป็นกิ่งจ้าวเทวะ
ทั้งเจ็ดเสียใจมาก พวกเขารู้ว่าล้มเหลวเพราะตัวเอง
หลินฮวงปลอบพวกเขาอาจมีวิธีเลื่อนจากกึ่งจ้าวเทวะอยู่ บางทีคนมีคนในจักรวาลที่จะมีทางเชื่อมผนึกเต๋่ที่เสียหาย แล้วเลื่อนถึงจ้าวเทวะเป็นจ้าวเทวะ”
“พวกเจ้าต้องไม่หยุด พวกเจ้าควรบ่มเพาะกันต่อไป”
ในความเป็นจริง หลินฮวงมีการ์ดไร้ที่ติที่สามารถซ่อมแซมผนึกเต่พวกเขาได้ แต่ทว่า เขาไม่คิดบอกตอนนี้
เหตุผลเพราะ ทันทีที่เขาบอก เหล่าทาสดาบอาจไม่สนใจว่าตัวเองจะทําการผสานสําเร็จไหม พวกเขาสามารถเป็นจ้าวเทวะได้อยู่ดีต่อให้ล้มเหลว ในกรณีนั้น พวกเขาจะขาดความพยายาม
ด้วยการล้มเหลวของบางคน เหล่าทาสดาบที่ยังไม่ทําการผสานจึงกดดันและบ่มเพาะกันอย่างหนัก
เรื่องคุณสมบัติของการ์ดไร้ที่ติ หลินฮวงจะบอกพวกเขาก่อนไปจักรวาล
ทาสดาบที่เจ็ดที่ทําการผสานล้มเหลวทําให้หลินฮวงตระหนักว่าการผสานที่ล้มเหลวจะไม่ปลดผนึกขีดจํากัดในอาณาจักรเขา
หลังทาสดาบชั้น4.5ทําการผสาน หลินฮวงก็ใช้เวลาคัดมรดกเต๋ดาบที่เหลือและส่งให้ทาสดาบชั้น 4.5 ที่เหลือเข้าวังจอมเทพไป
ประมาณครึ่งเดือนต่อมา ทาสดาบทั้งหมดก็ทําการผสานที่ละหนึ่ง
ด้วยความช่วยเหลือของหลินฮวง ท่ามกลางทาสดาบทั้ง 331 มี 91 คนเลื่อนเป็นจ้าวเทวะได้
ถ้าไม่ใช่ความจริงที่หลินฮวงช่วยพวกเขาในช่วงปล้นเต๋า คงมีคนสําเร็จไม่ถึง 20 คนด้วยความสามารถของตัวเอง
ส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวติดอยู่ที่ชั้นสอง ขั้นผสาน
มีไม่ถึง 20 ที่ติดอยู่ขั้นแรก การสื่อสารจิต
แม้จะสําเร็จน้อยกว่าหนึ่งในสาม หลินฮวงก็รู้ดีว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่ดีสุดแล้ว
สาหรับพวกที่ผสานล้มเหลว หลินฮวงให้พวกเขาบ่มเพาะต่อไป
แต่ทว่า เขาไม่บอกว่าเขามีการ์ดไร้ที่ติ
ท่ามกลางทาสดาบทั้ง 368 121คนเป็นจ้าวเทวะได้ ซึ่งมอบโอกาสรวมผนึกเต๋ให้หลินฮวง121ผนึก
ส่วนทางฝั่งมอนสเตอร์ มี11ตนที่ท่าการผสานอีกครั้งเพื่อรวมผนึกเต๋ ซึ่งมอบผนึกเด็ให้หลินฮวงเพิ่มอีก
จํานวนผนึกเต๋ของหลินฮวงจึงเพิ่มเป็น 3158
เทียบกับเวลาที่เขาใช้ไปตอนรวมผนึกเต่ที่ 3001 และเลื่อนเป็นเต่เล็ก ความสามารถของเขาไม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงนัก
แต่ทว่า เขารู้ว่าพอจํานวนผนึกเต๋เพิ่ม มันเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนการเปลี่ยนแปลงจะเกิด
เขาฉวยโอกาสนี้ หลอมอาณาจักรของจ้าวเทวะขั้นสูงและสูงสุดทั้งหมดที่ยังไม่ทําการหลอม
ด้วยความที่เขายังไม่เลื่อนเป็นเต๋าเล็กในตอนนั้น ผนึกเต๋าทั้ง3000 จึงเป็นขีดจํากัดที่เขาใช้ได้ ต่อให้เขาอยู่ในอาณาจักร เขาก็ไม่อาจยืมผนึกเต๋เพิ่มได้ ดังนั้น เขาจึงไม่คิดเสียเวลาหลอมพวกมัน
ตอนนี้ที่เขาเลื่อนเป็นเดเล็กแล้ว ขีดจํากัดของเขาจึงเพิ่ม
ไม่เพียงแต่ด้านนอกอาณาจักร จํานวนผนึกเต๋ที่เขาสามารถยืมได้ยังเป็นสิบเท่าของที่เขามี แต่ในอาณาจักร เขายังใช้ได้มากยิ่งกว่านั้น เขายังไม่ได้ทดสอบขีดจํากัดภายในอาณาจักรเขา
การหลอมอาณาจักรของจ้าวเทวะขั้นสูงและสูงสุดทั้ง 211 อาณาจักรได้เพิ่มผนึกเต่ในอาณาจักรเขาไปเกือบแปดหมื่น จํานวนรวมจึงแตะ121163
ในความเป็นจริง จํานวนผนึกเต่นั้นได้เกินขีดจํากัดของเต่เล็กไปแล้ว
แต่ทว่า หลินฮวงตระหนักว่าเขายังสามารถใช้ผนึกเต๋าทั้งหมดในอาณาจักรเขาได้ 121163ผนึกเต๋ายังไม่ใช่ขีดจํากัดเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาจะสามารถสู้กับยอดฝีมือเต่าใหญ่ได้ในอาณาจักรเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถสู้ได้จริงถ้าเจอยอดฝีมือเต๋ใหญ่
ถ้าเขาเจอสักคนจริง เขาเดาว่าเขาอาจโดนคนคนนั้นฆ่าก่อนจะได้กางอาณาจักรออกไป
แต่ทว่า การหลอมรอบนี้ก็ได้เพิ่มความสามารถของหลินฮวงไปอีกขั้น
เขาต้องการพลังภายนอกเพื่อปลดขีดจํากัดของการรวมผนึกเต๋
ซึ่งเขาสามารถค่อยเป็นค่อยไปได้
เขาสันนิษฐานว่ายังมีหนทางอีกยาวไกลจาก 3000ผนึกเต๋าเป็นหนึ่งหมื่น
ไม่นับผนึกเต๋ที่เขาสามารถยืมได้จากอาณาจักร
ยังมีช่องว่างอีกมากให้เขาพัฒนา
“มันดูเหมือนข้าทําได้แค่หลอมอาณาจักรเพิ่มเพื่อเพิ่มจํานวนผนึกเต๋าที่สามารถใช้ได้ในอาณาจักรข้า ข้าสงสัยว่าขีดจํากัดของวิธีนี้คือเท่าไหนกัน…”
หลินฮวงกลับสู่อาณาจักรวัตถุหลังก้าวออกกระท่อมอาณาจักรเสมือน เขาเริ่มกังวลถึงทรัพยากร
นอกจากของจําเป็น เขาได้แลกของที่ริบได้ทั้งหมดก่อนหน้านั้นไปแลกเป็นอาณาจักรแล้ว
เขาดูเหมือนผู้นําองค์กรระดับเจ็ดแสนฟุ่มเฟือยที่มีความสามารถทรงพลัง แต่จริงๆแล้ว เขาไม่มีปัญหาแม้แต่จะซื้ออาวุธเต่ําขั้นต่ํา
แม้กระทั่งทาสดาบทั้ง 300 ก็ยังต้องผลัดกันใช้อาวุธเต่ําขั้นต่ําทั้งสองเพื่อทําการผสาน
จากดาบ1-ดาบ368 อาวุธเถูกใช้ไปกว่าสามร้อยครั้ง
โชคดีที่ทาสดาบผูกมัดกับหลินฮวงผ่านสัญญา พวกเขาจึงมีความเคารพในตัวเขา พวกเขาจึงไม่ซุบซิบนินทาเขากัน
หากสมาชิกใหม่ของพันธมิตรดาบที่ไม่มีสัญญาเห็น พวกเขาอาจวิจารณ์เขาและลาออกกัน
“สิ่งนี้ต้องเปลี่ยน ข้าต้องคิดหาทางทําเงิน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อ มันคงยากที่จะด่าเนินการพันธมิตรดาบ”หลินฮวงนวดขมับ
เขาต้องการทรัพยากรเพื่อแลกกับอาณาจักรของจ้าวเทวะ นอกจากนั้น อาวุธเที่เขาสัญญาจะให้ทาสดาบก็มีต้นทุนสูง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการเงินจํานวนมากเพื่อมาดูแลพันธมิตรดาบด้วย
มันเป็นครั้งแรกที่หลินฮวงกังวลเรื่องเงินตั้งแต่ก้าวสู่เส้นทางของผู้บ่มเพาะ