บทที่ 1638 – จดหมายท้าประลองเป็นตาย
ในเวลานี้หลิงเหยียนขณะมองไปที่ยิ้มฉินชิง“น้องชิง อันที่จริงข้ายังไม่ถือว่าเป็นภรรยาของเขา เพราะข้ายังไม่ได้แต่งงานกับเขา และนี่ก็เป็นเวลานานแล้ว ที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังรู้สึกดีต่อ หากเจ้าชอบเขาจริง ๆ เจ้าก็อย่าได้กดดันเขาเลย และในเวลาเดียวกันก็อย่าพยายามทําให้ตัวเองรู้สึกผิดเช่นนี้”
ในตอนนี้หลิงเหยียนได้กล่าวออกมาเพื่อปลอบใจฉินชิง และพยายามบอกเธอว่าอย่าได้กังวลเกี่ยวกับเธอเลย
“ เขาเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายจริงๆ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทําไมผู้หญิงดี ๆ มากมายถึงกลายเป็นคนโง่เพียงเพื่อเขา” ฉินชิงยิ้ม
“นี่เจ้ากําลังว่าตัวเองอยู่ด้วยสินะ?” หลิงเหยียนยิ้มออกมา ขระกล่าวติดตลก
“ พี่หลิงเหยียน ตกลงท่านเขาหรือไม่?” ฉินชิงถามด้วยความอยากรู้
“ ข้าก็ไม่มั่นใจ เพราะข้าไม่รู้จักคําว่ารักมากนัก แต่หากนับว่าการอยู่ด้วยกันกับเขาแล้วมีความสุขคือความรักข้าคงรักเขา แต่นอกจากอื่นใดเขาเป็นเพื่อนคนเดียวของข้าที่เป็นผู้ชาย”เธอยิ้มออกมา
ฉินชิงยิ้ม” ข้าเองก็เหมือนกัน”
“ ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ลองมองจากมุมที่แตกต่างออกไปดูสิ บางที่เจ้าอาจจะได้คําตอบที่เจ้าต้องการ” หลิเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยในลวที่ลานหน้าบ้าน ที่แห่งนี้เป็นที่ดีสุดที่รวบรวมพลังฟ้าดินเอาไว้ เฟิงซี่ตั้งใจให้ชิงสุยพักอยู่ในที่แห่งนี้
ในขณะนี้ชิงสุยได้นั่งอยู่ในสถานที่แห่งจิตวิญญาณ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังปราณที่อยู่รอบตัวเขาพวกมันกําลังแทรกสอดเข้าไปในร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ยังไม่สา มารถเปรียบเทียบได้กับดินแดนหยกของเขา ขอดีเพียงอย่างเดียวของมันก็คือมันไม่ข้อจํากัดในการเข้าไปอย่างดินแดนหยก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถดูซับมันได้โดยตรง เขาต้องทําการกลั่นมันก่อนถึงจะสามารถดูดซับมันได้
ในความเป็นจริงชิงสุ่ยไม่ค่อยสนใจที่แห่งนี้มากเท่าไรนัก เขาจะมักเอาเวลาส่วนใหญ่ไปหาหญิงสาวทั้งสองเสียมากกว่า
ต่างกับผู้หญิงสองคนก็เหมือนปลาที่ได้กลับมาอยู่ในน้ำอีกครั้ง เมื่อพวกเธออยู่ในสถานที่เต็มไปด้วยพลังปราณเช่นนี้ พวกเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูซับมัน ราวกับทะเลทรายที่กําลังดูดซับ
เด็กหญิงสองคนจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบ่มเพาะ ขณะที่ชิงสุยใช้เวลาเดินเตร่ไปทั่วนิกายแห่งนี้ โดยปกติแล้วเขาจะไปรักษาอาการของหยินเทียนในช่วงเช้า และเข้าไปอ่านตําราของนิกายจันทรานิรันกาลในช่วงเที่ยง นี่คือกิจวัตรประจําวันของเขา
หนึ่งเดือนผ่านไปได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมืองหนึ่งในคุณชายแห่งนิกายจันทรานิรันกาลพยายามจะลวนลามฉินชิง แต่ถูกเธอเล่นงานจนสาหัส
นี่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่โตสําหรับนิกายจันทรานิรันกาล แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือบุคคลจากตระกูลหง และคนที่ได้รับบาดเจ็บคือนายใหญ่คนโตจากตระกูลหง หงอี่ ผู้เป็นว่าที่ผู้นําของตระกูลหง และเป็นคู่แข่งทางอํานาจของตระกูลหยิน
โดยปกติ เมื่อเห็นว่าสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มของพวกเขาได้รับบาดเจ็บตระกูลหงจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป พวกเขาเริ่มส่งแพร่ข่าวออกไปและให้คนที่ทําลายคยของพวกเขาต้องมาคุกเขาขอโทษ
สําหรับเหตุผลที่เขาถูกทําลายในครั้งนี้ เพราะได้พบเจอกับหลิงเหยียนและฉินชิง แต่หลงเหยียนนั้นดูเย็นช้าขนเขารู้สึกกลัว เข้าจะได้ตั้งเป้าไปที่ฉันชิง
ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหงทําให้เขามั่นใจมากเกินไป จึงกล่าวเข้าไปหยอกล้อพวกเธอ “ สวัสดีหญิงน้อยข้าชื่อหงอี่ และข้าอยากเป็นเพื่อนกับพวกเจ้า”
แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็ไม่สนใจเขา ที่จริงแล้วหงี่เป็นคนที่ค่อนข้างหล่อ และมาจากตระกูลชนชั้นสูง แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่สามารถสร้างความสนใจให้พวกเธอได้เลย
“ เจ้าได้ยินข้ามั้ย ข้าคือหง และข้ามาจากตระกูลหง” เดินเข้าไปข้างทางของพวกเธอในตอนนี้
“ ไปตายซะ!” ฉินชิงพูดเบาๆ ด้วยเสียงที่ดูสงบจริงๆ แต่นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามอย่างลึกซึ้งที่เธอ ต่อหงอี่ มันทําให้เขารู้สึกโมโหอย่างมาก
“ นี่เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้ารึ เจ้ารู้มั้ยข้าคือใคร คิดว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่เข้ามาพูดด้วย! ตั้งแต่ข้าจับตามองเจ้าๆก็เป็นของข้าแล้ว เจ้าคิดว่าจะสามารถหนีไปจากข้าได้อย่างนั้นรี!” เขาพุ่งไปที่เธอพร้อมจะตบเธอ
ฉินชิงไม่ยั้งมือตบไปที่หน้าของเขาจนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วนิกายจันทรานิรันกาล แต่ถึงอย่างไรตระกูลหงก็ยังไม่ลงมือใดๆ ได้แต่ส่งจดหมายไปยังตระกูลหยิน เพราะพวกเขารู้ดีว่าพวกเธอเป็นแขกคนสําคัญของตระกุลูหยินและเป็นคนกลับมาพร้อมเฟิงซี่ เพราะพวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปต้อนรับพวกเธอ
สาเหตุที่พวกเขายังไม่ลงมือใดเพราะเฟิงซี่และหยินเทียนได้กลับมาแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ใส่ใจหยินเทียนมากนัก สําหรับตอนนี้เขาถูกมองว่าเป็นคนพิการไปแล้ว แม้ว่าเฟิงซี่จะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ยังพอรับมือกับเธอได้ แต่ปัญหาหลักคือหยินชา และผู้อาวุโสคุ้มกันทั้งสอง พวกเขาเป็นตัวตนที่ยากจะรับมือ
อย่างไรนี้คือไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลังคือพวกเขาจะบีบให้ตระกูลหยินลงมือก่อน เมื่อเห็นเช่นนั้นอาวุโสทั้งสองก็จะไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลหยินได้ โดยพวกเขาวางแผนให้ฉินชิง และหลิงเหยียนเข้ามาขอโทษในครั้งนี้ แต่หากพวกเธอมากจริงๆพวกเขาก็ต้องปล่อยมือจากตระกูลหยิน แต่พวกขารู้ดีว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหยินจะยอม เพราะพวกเขาเป็นคนมีศักดิ์ศรี และไม่ใช่คนผิด
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนับ เขาเบื่อหน่ายที่จะจัดการเรื่องเช่นนี้ หากเป็นตัวเขาแต่ก่อนเขาคงบุกไปทําลายตระกูลหงอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีสิ่งที่ต้องทําอีกมาในตอนนี้
ไม่ในเวลาเพิ่งที่ได้ปรากฏตัวที่ลานใกล้ที่พักของชิงสุ่ยและยิ้มให้พวกเขา “เจ้าพบที่นี่ได้ยังไงกัน ดูเหมือนว่าสัมผัสของเจ้าจะดีมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”
ชิงสุ่ยพยักหน้าและกล่าว“ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ มันเพียบพร้อมไปด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี”
“ สําหรับเรื่องของตระกูลหง ข้าจะไม่ย้อมให้หลิงเหยียนและฉินชิงไป ข้าจะจัดการมันเอง” เฟิงซีพูดเบา ๆ
“ข้ารู้ ข้าเชื่อมั่นในตัวของป้าเฟิง หากท่านต้องการความช่วยเหลือก็โปรดบอกข้าได้ ” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าในตอนนี้ ที่เธอมาเพราะต้องการสนับสนุนจากเขา แม้ว่าหยินเทียนจะฟื้นตัวแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่หายดี ดังนั้นมีแต่เขาที่จะช่วยเธอได้
หลังจากการพูดคุยกันของสองตระกูล ข้าสรุปที่ได้ออกมาก็คือตระกูลหยินไม่ยอมให้ทั้งสองคนเข้าประลอง นอกจากนี้ยังให้ตระกูลหงขอโทษอีกด้วย ซึ่งเป็นที่แน่นอนพวกเขาไม่ยอมขอโทษ พร้อมกับท้าประลองกลับมา พวกเขาอ้างเหตุผลที่ว่า เพียงแค่ต้องการทําความรู้จักกัน ถึงต้องทําร้ายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั้นมากเกินที่พวกเขาจะทนได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังไม่ยอมขอโทษ พวกเขาจึงต้องทําเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอยังเป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์มาทําร้ายคนของนิกายจันทรานิรันกาล
โดยเหตุผลดังกล่าวทําให้เสียส่วนมากตกลงไปอยู่กับตระกูลหง และด้วยเหตุผลที่ทั้งสองคนไม่ใช่นิกายจันทรานิรันกาลทําให้เรื่องราวนี้ไปไกลกว่าที่เฟิงซี่คิดเอาไว้อย่างมาก เนื่องจากเรื่องในครั้งนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ตระกูลหงจึงได้ส่งจดหมายประลองเป็นตายออกมา วิธีนี้พวกเขาอ้างว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหา
การประลองเป็นตายไม่ใช่แค่การต่อสู้ ระหว่างหงอี่กับสาวสองคน แต่เป็นคนในตระกูลหงที่ต้องการจะแก้แค้นให้หงอี่ กล่าวอีกนัยหนึ่งผู้คนจากเผ่าหงจะต่อสู้กับพวกเธอ เนื่องจากพวกเธอได้รังแกผู้คนจากหง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรับผิดชอบมัน แก้ใครให้กับตระกูล
มีสองผลลัพธ์สําหรับการต่อสู้นั้นมีอยู่สองอย่าง คือรอดชีวิตออกไป หรือถูกฝ่ายที่ชนะไว้ชีวิต
อย่างไรก็ตามพวกเขาเลือกที่จะปฏิเสธมัน แต่พวกเขาก็จะสูญสิ้นศักดิ์ศรีทั้งหมดไป
นี่คือความโหดร้ายเกี่ยวกับโลกใบนี้ เดิมทีจดหมายประลองเป็นตายนั้นมักจะส่งให้ศัตรูหรือคู่แค้นของพวกเขา เพื่อจัดการกับปัญหาทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรสาเหตุในการส่งจดหมายนั้นต้องมีความเที่ยงธรรม ซึ่งในตอนนี้ตระกูลหงได้ใช้มันเพื่อหาข้ออ้างในการทําสงครามกับตระกูลหยิน
แม้ว่าจดหมายประลองเป็นตายจะถูกส่งไปยังพวกเธอ แต่ตอนนี้อยู่มันในมือของเฟิงซี ที่จริงไม่ว่าใครจะรับมันก็เหมือนกัน เพราะตระกูลหงต้องการต่อสู้กับตระกูลหยินอยู่แล้ว
ในตอนนี้หยินเทียน หยินชาและเฟิงซี่นั่งดูจนหมายนี้ด้วยความโมโหนี่เป็นแผนที่พวกเขาวางเอาไว้เพื่อจัดการกันตระกูลหยิน เพราะพวกเขารู้ดีว่าตอนนี้หยินเทียนนั้นอ่อนแออย่างมาก จะมีคนที่สู้ได้ก็แค่เฟิงซี่ กับหยินชาและผู้คนอื่นๆไม่มากเท่าไร่นั้น เพราะนี้เป็นจดหมายเป็นตาย ดังนั้นผู้อาวุโสทั้งสองจะไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับมัน
“ ท่านแม่พวกเราจะต่อสู้กับพวกเขาอย่างไรดี?” หยินชารู้สึกกังวล
หยินเทียนมองไปที่เฟิงซี่ เขารู้ดีถูแผนการของเธอ มันต้องมีชิงสุ่ยเกี่ยวข้องกับมันย่างแน่นอน แม้แต่เขาเองก็ยังฝากความหวังเอาไว้กับชิงสุย หากไม่มีชิงสุ่ย เขาเองก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะรับมือกับตระกูลหง
“ตลอดมาพวกเขาต้องการที่จะแทนที่ตระกูลหยินของเราเสมอ พวกเขารอโอกาสนี้มานานแล้ว” หยินชาอธิบายช้าๆหยินชารู้ดีว่าการกลับมาของพ่อแม่ในครั้งนี้ตัดสินใจที่จะผิดฉากตระกูลหยิน