ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 393 คนเดียวสู้เจ้าร้อยคนได้เหลือแหล่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จอมยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีประสบการณ์มากมาย หลังจากความงงงันในตอนแรกหายไป จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ทุกคนล้วนได้สติกลับมา

หลังจากผู้ใช้หยกเลียนสังหารฆ่าเป้าหมายได้แล้ว จะสามารถทำให้ร่างกายและปราณจิตราของตนเองเลียนแบบเป้าหมายที่ถูกฆ่าได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ขอแค่ไม่ลงมือต่อสู้ แม้แต่ลมปราณภายในหรือการหายใจก็จะเหมือนเป้าหมาย ที่เพิ่งถูกสังหารไปทุกระเบียดนิ้ว

อาหู่ไม่รู้จักจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์แซ่จางคนนั้นนัก ไม่ทราบถึงนิสัยและการใช้ชีวิต จึงยากจะทำได้อย่างแนบเนียน

แต่ว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์ชุลมุน เขาแค่คอยระวังไม่เผยร่องรอย ก็สามารถหลอกคนจากตำหนักอัสนีสวรรค์ได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ

ความเสี่ยงนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ขอแค่เผยพิรุธแม้สักเล็กน้อย เขาจะต้องถูกรุมสังหารแน่นอน

แต่ความเสี่ยงสูง ก็ย่อมได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน

ในช่วงเวลาสำคัญ ความสนใจทั้งหมดล้วนรวมอยู่ที่เยี่ยนจ้าวเกอกับน้ำวนที่น่ากลัวนั้น อาหู่จึงฉวยโอกาสโต้กลับ

ครั้นข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียวพังทลาย เยี่ยนจ้าวเกอก็ฝ่ากำแพงสายฟ้าสีเขียว ดุจพยัคฆ์ลงจากเขาในทันที

มีจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์บางคนเดือดดาล พุ่งไปหาอาหู่ ทำให้อาหู่ตกอยู่ในวงล้อมโดยพลัน

แต่หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียวแล้ว ก็กระโดดลงบนตัวพ่านพ่าน ในมือปรากฏหลอดแก้วโปร่งใส่ใบหนึ่ง

ภายในหลอดแก้วมีประกายหยดเลือดระยิบระยับ เยี่ยนจ้าวเกอเปิดฝาหลอดแก้วออก ประกายเลือดหลายสายพลันพวยพุ่งออกมา

นี่เป็นสิ่งที่ใช้ทำลายข่ายอาคมทุกชนิดโดยเฉพาะ หลอดเลือดปีศาจ

ครั้งนี้หลอดเลือดปีศาจแสดงผลกับภายในของข่ายอาคม ประกายเลือดหลายสายปลิวว่อน ตลบอบอวลทั่วข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาที่กำลังปรากฏรอยร้าว

มือข้างหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดออก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งดันฝ่ามือออก กระแทกด้านหน้าพร้อมเพรียงกัน ปราณจิตราสั่นไหว ประกายเลือดพลันกระเพื่อม

รอยเลือดหลายสายตัดสลับกันในข่ายอาคมสีเขียวที่ชำรุด ดูคล้ายกับเส้นเลือด

ธงใหญ่สีเขียวสองคันที่เหลือพลันอาบไปด้วยสีเลือด บนพื้นผิวมีเส้นสายสีแดงฉานมากมายกระจายอยู่ทั่ว

น้ำวนอันน่ากลัวนั้นยังขยายตัวอยู่ด้านหลังไม่หยุด

ขอบของน้ำวนกระทบกับข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียวแล้ว ทำให้ข่ายอาคมชำรุดใกล้จะพังทลายลง

ประกายแสงสีเงินยวงที่ส่องสว่างจากกระบี่สายฟ้าอนธการเหนือศีรษะของหลินโจว ในตอนนี้ดับลงกลายเป็นความมืด คล้ายกับราตรีไร้สิ้นสุด

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ คำรามด้วยความขุ่นแค้น ก่อนจะกลับหลังหันจากไปภายใต้ม่านราตรีที่ปกคลุมอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอมองหลินโจวอย่างเย็นชา อีกด้านหนึ่งพ่านพ่านรับอาหู่กลับมาสมทบกับเขาแล้ว

หลังจากขึ้นไปนั่งบนตัวพ่านพ่าน เยี่ยนจ้าวเกอใช้ความคิดสั่งการมัน ร่างหมียืดอุ้งเท้าทั้งสี่ ตะบึงไปด้านหน้า

ที่ด้านหลัง ทุกคนในตำหนักอัสนีสวรรค์เห็นน้ำวนบีบมาถึง ก็ดิ้นรนคิดหนี

ชายหนุ่มไม่ได้หันหลัง เพียงพลิกมือต่อยใส่ข่ายอาคมสายฟ้าเมฆาเขียว

เส้นเลือดมากมายในข่ายอาคมสั่นไหวพร้อมกัน ธงใหญ่สีเขียวสองคันระเบิดเป็นผุยผงในทันที!

สายฟ้าสีเขียวระเบิดเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ ข่ายอาคมทั้งหมดพังทลายลงโดยสิ้นเชิง!

สายฟ้าอันบ้าคลั่งกลืนกินจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ทุกคน ก่อให้เกิดพลังระเบิดคลุ้มคลั่ง กันน้ำวนไว้อึดใจหนึ่ง

วินาทีถัดมา น้ำวนก็ขยายตัวขึ้นอีก

มีจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ไม่ได้ตายเพราะการระเบิดของข่ายอาคมที่ถูกสายฟ้าขัดขวางไว้ ทว่าการเคลื่อนไหวช้าลง ถูกน้ำวนม้วนเข้าไปด้านใน

เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่นั่งบนหลังพ่านพ่าน หนีออกห่างในชั่วพริบตา

แนวเขาก้นทะเลตรงหน้ายังคงสั่นไหวอย่างรุนแรง มีไฟใต้พิภพพุ่งขึ้นข้างบน ดูเหมือนกับนรกบนดิน

เขามองความมืดมิดเบื้องหน้า มีร่างเงาทมิฬเดี๋ยวผลุบเดี่ยวโผล่จากการส่องสว่างของแสงไฟ วนไปวนมา และขยับห่างออกไปเรื่อยๆ

ธนูนภาอลหม่านที่มีสายฟ้าสีม่วงแตกกระจายมาอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง เขากางธนูออก ยิงลำแสงสีทองสายหนึ่งออกไป

อาคมน้ำแข็งปราบมารมีผลสะกดข่ม แต่เมื่อนำใช้กับคนจะเกิดผลไม่แตกต่างกัน

แสงสีทองแช่งแข็งท้องทะเลแถบหนึ่งในทันที

ในเงามืดสายนั้นเกิดสายฟ้าดุดันสีเงินยวงระเบิดขึ้น ทำลายธารน้ำแข็งรอบๆ

แต่ว่าการเสียเวลาแค่ชั่วครู่นี้ ทำให้เยี่ยนจ้วเกอไล่ตามาถึง

บริเวณรอบๆ มีลมปราณร้อนแรงบ้าคลั่งส่งมา อีกทั้งยังมีปีศาจอัคคีล้อมเข้ามาหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วย

“ฝากพวกเจ้าด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอคร้งนี้มิได้สนใจปีศาจอัคคี เขากระโดดลงจากตัวพ่านพ่าน ประกายกระบี่ของเขาดุจมังกรผงาด แยกน้ำทะเล ฟันใส่หลินโจวโดยตรง!

หลินโจวส่งเสี่ยงกู่ร้องด้วยความโมโหอยู่ในความมืดมิด เกิดสายฟ้าสีเงินยวงกระจายขึ้นมาอีกครั้ง ปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอราวกับต้องการแยกฟ้าผ่าพสุธา

เยี่ยนจ้าวเกอกายรวมกับกระบี่ พุ่งลงจากท้องฟ้าประหนึ่งมังกรเขียวตัวหนึ่ง

ร่างของเขาหมุนคว้างกลางอากาศ ประกายกระบี่สีเขียวหลายสายครอบคลุมทั่วทุกหนแห่ง เหมือนมังกรสะบัดเกล็ดก็ไม่ปาน

ประกายกระบี่สีเขียวปะทะกับสายฟ้าสีขาวกลางอากาศ และสลายไปอย่างต่อเนื่อง

แต่ว่าอำนาจมังกรที่ยิ่งใหญ่และจิตกระบี่ที่โชติช่วง ครอบคลุมเข้าหาหลินโจวทั้งหมด!

หลินโจวเข้าสู้ตอบโต้ยังพอทำเนา แต่เขากลับกล้าหมุนตัวหนี เยี่ยนจ้าวเกออาศัยการเหนี่ยวนำลมปราณ แทงกระบี่ยึดเขาติดกับก้นทะเล

“ฆ่า!” หลินโจวหน้าซีดเผือดราวกระดาษ แต่นัยน์ตาข้างขวาข้างฉายแววบ้าคลั่ง

เขาเอื้อมมือออกไปคว้ากระบี่แสงสีขาวเหนือศีรษะ มันกลายเป็นกระบี่ของจริง คมกระบี่เป็นสีดำขลับ ทว่าปลายกระบี่เปล่งประกายสีขาว

ส่วนอีกมือหนึ่งของหลินโจวปรากฎดาบยาวเล่มหนึ่ง

เขาเคลื่อนไหวปราณจิตราทั่วร่างให้รวมกันบนคมดาบ แล้วฟันออกติดต่อกัน

ภายใต้แรงขับเคลื่อนจากปราณสายฟ้าอันน่ากลัว ร่างของหลินโจวคล้ายกับสูงใหญ่ขึ้น เหมือนราชาสายฟ้าที่ดับสูญไปแล้ว!

กระบี่และดาบของตำหนักอัสนีสวรรค์ไร้เทียมทาน หนึ่งในสองวรยุทธ์ระดับสูง ดาบราชันอัสนีเก้าทบ!

อีกด้านหนึ่ง ถึงแม้หลินโจวจะไม่ได้ใช้ปราณจิตราของตนเอง แต่ว่าพลังจากกระบี่สายฟ้าอนธการ ก็แข็งแกร่งกว่าดาบราชันอัสนีเก้าทบที่ตนใช้มากนัก

แม้จะไม่ใช่การประสานกันระหว่างกระบี่เทพมสารดาสายฟ้ากับดาบราชันอัสนีเก้าทบ แต่หลินโจวในตอนนี้ใช้ดาบและกระบี่พร้อมกัน อันเป็นกระบวนท่าสุดยอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ที่เหี้ยมหาญ!

สายฟ้าสีม่วงกับสายฟ้าสีเงินยวงตัดสลับกัน งูไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเลื้อยเต็มน้ำทะเล น่าพรั่นพรึงเกินบรรยาย

“กระบี่ที่แฝงสายฟ้าอนธาการมีคุณสมบัติไม่เลวอยู่แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเรียบเฉย ในมือซ้ายปรากฏกระบอกไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่เปล่งแสงสีม่วง

เขาฟาดไม้ไผ่ ป้องกันกระบี่สาายฟ้าอนธการของหลินโจว

กระบี่วิญญาณมังกรมรกตในมือขวาของเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งแสงขึ้น ทำลายประกายดาบของหลินโจวจนแหลก “แต่ตัวเจ้ายังอ่อนด้อยนัก”

หลินโจวกู่ร้องด้วยความโกรธ ประกายดาบที่สลายพลันกลับด้าน ฟันใส่เยี่ยนจ้าวเกอรุนแรงกว่าเดิม!

เขาใช้ความยอดเยี่ยมของดาบราชันอัสนีเก้าทบได้อย่างคล่องแคล่วทีเดียว

แต่ว่าสภาวะกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับกระแสน้ำสูงเทียมฟ้า จนหลินโจวมิอาจป้องกัน ตัวเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งไปด้านหน้า ทำลายประกายดาบคำรบสองได้อย่างง่ายดาย “ดูเหมือนเจ้าจะลืมไป ครั้งก่อนที่เราสู้กัน ความจริงเป็นการประมือกันตัวต่อตัว ทั้งยังเป็นการพบกันเป็นครั้งแรก เจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง ส่วนข้าเป็นปรมจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้น”

ไม่รอให้หลินโจวใช้ประกายดาบเป็นครั้งที่สาม เยี่ยนจ้าวเกอก็ฟันคมกระบี่ทำลายดาบล้ำค่า ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณในมือของหลินโจวทิ้ง!

ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ลงไปด้านหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน ความรุนเรงเทียบได้กับภูเขาไท่ซานถล่มเลยทีเดียว

เบ้าตาของหลินโจวกำลังจะปริแตก แต่ยังคงมองดูเยี่ยนจ้าวเกอใช้กระบี่ฟันร่างครึ่งหนึ่งของเขาจนแหลกละเอียด!

“ตอนนี้ เจ้าเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะต้น ส่วนข้าเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะท้าย ถ้าทุกคนอาศัยแค่พลังฝึกปรือของตัวเองเท่านั้น…”

เยี่ยนจ้าวเกอฟาดกระบอกไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าอีกครั้ง กระแทกกระบี่สายฟ้าอนธการกระเด็นออกไป จากนั้นก็เก็บกระบี่วิญญาณมังกรมรต ก่อนจะฟาดฝ่ามือลง!

หลินโจวที่อยู่เบื้องหน้าของเขาพลันพลิกตัหมุนคว้าง คล้ายกับนภาถล่มทลาย!

“…หากตอนนี้อาศัยแค่พลังฝึกปรือของตัวเอง ข้าคนเดียวสู้เจ้าหนึ่งร้อยคนได้เหลือแหล่”