บทที่ 449: 30,000 (ฟรี ชดเชยตอนหน้า 18+)

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 449: 30,000

 

เวลาผ่านไปหลังจากที่เดินไปรอบหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่าและพูดกับผู้หญิงจำนวนมาก สุดท้ายชินเหลียงหยูก็กลับไปหาถังหลินชีและชิวเยว่พร้อมด้วยสาวสวยกว่าสามสิบคน

 

ชินเหลียงหยูได้รวบรวมสาวสวยเกือบทั้งหมดภายในชนเผ่าหมูป่า จากสาวน้อยบริสุทธ์ที่แก่นหยินบริสุทธ์ยังสมบูรณ์ไปจนถึงหญิงที่เติบโตเต็มสาวที่มีคู่แล้ว พวกเธอทั้งหมดรวมตัวกันที่นั่นเพื่อช่วยเติมเต็มปราณไร้ลักษณ์ของซูหยาง

 

“ผู้อาวุโสถัง ข้าได้รวบรวมทุกคนที่ปรารถนาที่จะช่วยผู้อาวุโสซูมาเรียบร้อยแล้ว พวกเธอมีทั้งหมดสามสิบสองคนในที่นี้ สิบสองคนยังเป็นหญิงพรหมจรรย์ พวกเธอมิเพียงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในหมู่บ้านแต่พวกเธอยังมีหน้าตาและรูปร่างดีที่สุดด้วยเช่นกัน”

 

“เจ้าออกไปหาคนมาจริงๆ…”

 

ถังหลินชีประหลาดใจเมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงมากมายเท่าไหร่ที่ชินเหลียงหยูได้นำกลับคืนมาพร้อมกัน

 

“ท่านสามารถเลือกหนึ่งในพวกเธอเพื่อที่จะช่วยผู้อาวุโสซูได้ ในเมื่อพวกเธอทุกคนล้วนรู้ถึงสถานการณ์และได้ตกลงใจที่จะช่วยแล้ว” ชินเหลียงหยูกล่าว

 

หญิงทั้งสามสิบสองคนนั้นได้จ้องมองถังหลินชีอย่างเงียบๆ แต่ละคนล้วนหวังว่าตนเองจะได้เป็นคนที่ถังหลินชีเลือกให้เป็นคู่ของซูหยาง

 

นับตั้งแต่พวกเธอได้รู้เห็นถึงความแข็งแกร่งของซูหยาง พวกเธอก็ได้คิดว่าจะเป็นการดีสักเพียงไหนถ้าพวกเธอสามารถได้รับใช้ผู้ชายอย่างเขา แต่พวกเธอจะรู้สักนิดก็หาไม่ว่าความฝันเช่นนั้นจะกลายเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว

 

“มีอะไรผิดปกติรึ ผู้อาวุโสถัง” ชินเหลียงหยูถามอีกฝ่ายหลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วขณะเมื่อถังหลินชีเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่เลือกใครเลย

 

“ถ้าพวกเธอมิเหมาะสม ข้าจักพยายามไปหาเพิ่ม…”

 

แต่ทว่าก่อนที่ชินเหลียงหยูจะสามารถกระทั่งพูดจบประโยค ถังหลินชีก็พูดขึ้น

 

“ข้ามิจำเป็นต้องเลือกผู้ใด พวกเธอทั้งหมดสามารถช่วยเขาได้ในครั้งนี้”

 

“หือ”

 

ชินเหลียงหยูและหญิงสาวที่นั่นต่างพากันจ้องมองไปยังถังหลินชีด้วยท่าทางงงงัน และพวกเธอก็ยังคงสับสนถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไป

 

ไม่สำคัญว่าซูหยางจะมีพรสวรรค์หรือแข็งแกร่งเพียงใด นั่นก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถรองรับหญิงสาวสามสิบสองคนด้วยตัวเอง มิใช่หรือ

 

ถ้ามีใครสักคนมีพลังที่จะฝึกวิชาคู่กับหญิงจำนวนสามสิบสองคนในครั้งเดียว เขาควรจะไม่ถือว่าเป็นชายธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นสัตว์ร้ายแทน อย่างน้อยนี่เป็นสิ่งที่คนจากชนเผ่าหมูป่าเห็นว่าเป็นเช่นนั้น

 

“ทำไมเจ้ามองดูข้าเหมือนกับว่าข้ากำลังโกหก เจ้ามิเชื่อข้าว่าเขาสามารถรองรับพวกเจ้าทั้งหมดสามสิบสองคนได้อย่างง่ายดายงั้นรึ” ถังหลินชีกล่าวกับพวกเธอหลังจากที่สังเกตเห็นความสงสัยในสายตาของพวกเธอ “เขาได้ร่วมฝึกวิชาคู่กับคนจำนวนนับสิบเท่านี้ในคราวเดียวมาก่อนในอดีต พวกเจ้ารู้ไหม”

 

“ส-สิบเท่า”

 

หญิงเหล่านั้นพากันอ้าปากค้างหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น กระทั่งชิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้างราวกับจานรองชา นี่ก็เป็นครั้งแรกของเธอเช่นกันที่ได้ยินอะไรแบบนี้และมันได้ทิ้งความรู้สึกซับซ้อนอันยากอธิบายไว้ในใจเธอหลังจากนั้น

 

“ข้าเพียงพูดว่าสิบเท่าเพราะว่าข้ามิต้องการที่จะให้ฟังดูบ้าเกินไปในเมื่อสถิติที่แท้จริงของเขานั้นมาก…มากมายกว่านั้น…” ถังหลินชีหัวเราะหึๆ

 

“อย่างไรก็ตามถ้าพวกเจ้าทั้งหมดสามสิบสองคนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ข้าก็ย่อมต้องการให้พวกเจ้าทุกคนช่วยเหลือเขา ดังนั้นจึงมิจำเป็นที่จะต้องกังวลว่าเจ้ามิมีโอกาสในเมื่อเขาย่อมมิยินดีอย่างแน่นอนที่จะทิ้งหญิงคนใดไว้ในห้องเดียวกันโดยมิได้รับความสุขถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายก็ตาม”

 

สาวสวยทั้งสามสิบสองคนสบตากันก่อนที่จะพยักหน้ายอมรับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ได้อย่างรวดเร็วกว่าที่ชินเหลียงหยูได้คาดการณ์ไว้

 

“ข้ามิอยากเชื่อ ใครจะคิดว่าคนที่ดูเหมือนเป็นชนชั้นสูงและบริสุทธิ์อย่างเช่นผู้อาวุโสซูจักมีด้านนั้นในตัวเอง” ชินเหลียงหยูคิดในใจในเมื่อเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าว่ามีวิธีการฝึกวิชาที่แปลกประหลาดเช่นนั้นปรากฏอยู่บนโลกใบนี้

 

“ดี เช่นนั้นกลับมาที่นี่ภายในสามวัน เขาควรจะตื่นขึ้นในตอนนั้น” ถังหลินชีกล่าวกับพวกเธอและเธอกล่าวต่ออีกว่า “ในเวลานั้นเจ้าควรจะชำระล้างร่างกาย ตบแต่งหน้าตา และตระเตรียมใจไว้ นั่นจะเป็นประสบการณ์ที่พวกเจ้าจักมิมีวันลืมตราบชั่วชีวิตของพวกเจ้า”

 

ถังหลินชีกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าทำให้หญิงทั้งสามสิบสองคนสั่นสะท้าน

 

ครั้นเมื่อหญิงทั้งสามสิบสองคนจากไปแล้วชิวเยว่ก็ถามถังหลินชีว่า “สิ่งที่ท่านพูดมาเมื่อกี้นี้… มันเป็นความจริงรึ”

 

“เจ้าจะทำอะไรถ้ามันเป็นจริง” ถังหลินชีมองดูเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“ซูหยาง… เขาแทบจะมิเคยบอกข้าเกี่ยวกับตัวเขาสักอย่าง ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะรู้เรื่องเขาให้มากกว่านี้ถึงแม้ว่าข้อมูลนั้นมิใช่สิ่งที่ข้าอยากได้ยินก็ตาม” ชิวเยว่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์กัน ซูหยางก็ไม่เคยพูดกับเธอในเรื่องอดีตของเขา ดังนั้นเธอจึงแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเขานอกจากความสัมพันธ์ลับที่เขามีกับแม่ของเธอ

 

ได้ยินคำพูดของชิวเยว่และได้มองหน้าเธอแล้ว ถังหลินชีก็ยิ้มและกล่าวว่า “ซูหยาง… มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาได้รับเชิญไปยังสำนักหนึ่งในฐานะแขกผู้บรรยาย เพราะสิ่งหนึ่งชักนำให้ไปสู่อีกสิ่งหนึ่งจึงทำให้เขาจบลงด้วยการฝึกวิชาร่วมกับศิษย์ผู้หญิงเกือบทุกคนในสำนักนั้น”

 

“อะไรนะ” ชิวเยว่ตาถลนออกจากเบ้า

 

แต่ถังหลินชียังพูดไม่จบ

 

“ข้าลืมกล่าวถึงไปอีกอย่างหนึ่ง สำนักนี้เพียงรับผู้ฝึกวิชาที่เป็นหญิง ดังนั้นโดยเนื้อแท้เขาจึงหลับนอนกับคนทั้งสำนักซึ่งมีศิษย์มากกว่าสามหมื่นคนในเวลานั้น”

 

“ศ-ศ-ศิษย์…สามหมื่น…” ชิวเยว่ส่ายร่างโงนเงนด้วยความตกใจ ดูเหมือนกับว่าเพียงลมหายใจของเด็กคนธรรมดาทั่วไปก็จะสามารถทำให้เธอล้มได้

 

“มันออกจะสนุกที่ได้พูดในเรื่องนั้นในตอนนี้ แต่ในเวลานั้นเหตุการณ์นั้นทำให้ซูหยางเกิดปัญหาหลายอย่าง และเขาก็เกือบจะหยุดฝึกวิชาคู่หลังจากนั้น” ถังหลินชีหัวเราะหึๆ

 

“และหลังจากที่ซูหยางออกจากสำนักนั้นแล้ว เขาก็หายตัวไปเป็นเวลาสิบปีเต็มๆ ถ้าให้ข้าเดาบางทีเขาอาจจะหลับเหมือนกับทารกตลอดเวลานั้นเพื่อฟื้นฟูพลังของเขา”

 

“ข-ข้าพอจะถามถึงชื่อของอดีตสำนักนี้ได้หรือไม่” ชิวเยว่ถามอีกฝ่ายต่อจากนั้น

 

“อดีตรึ ที่แห่งนี้ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ตามจริงแล้วพวกเธอนับเป็นหนึ่งในสำนักระดับสูงในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ สวนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์”

 

“เดี๋ยว อะไรนะ สวนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์รึ เป็นไปไม่ได้ ข้าคาดว่าจะได้เป็นศิษย์ของที่นั่นถ้าข้ามิได้หนีออกจากวังจันทราศักดิ์สิทธิ์” ชิวเยว่เริ่มเหงื่อไหลพลั่ก

 

“โอ” ถังหลินชีมองดูเธอด้วยสายตาประหลาดใจ

 

“แต่ที่แห่งนั้นมิได้มีชื่อเสียงด่างพร้อย ข้ามิเคยได้ยินว่ามีเหตุการณ์อะไรในที่แห่งนั้น และก็มิมีทางที่จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่เช่นนั้นที่มิได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ให้ทั้งโลกได้รู้จัก” ชิวเยว่ยังไม่เชื่อ

 

“ข้ามิรู้ว่าควรจะพูดอะไรนอกจากว่าพวกเธอได้พบวิธีที่จะปกปิดเหตุการณ์ครั้งนี้และซ่อนมันไว้ใต้พรม ตามความเป็นจริงถ้าซูหยางมิได้บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทั่งข้าเองก็คงมิรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน มันเกิดขึ้นเมื่อกว่าสองหมื่นปีมาแล้ว”

 

“ม-ไม่น่าเชื่อ… เมื่อมาคิดดูว่าเขาจักมีประสบการณ์เช่นนั้น” ชิวเยว่ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก

 

“เชื่อข้าเถอะ ถ้าเรื่องนี้สร้างความตระหนกให้กับเจ้า เขาก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จักสามารถทำให้เจ้าตาถลนออกนอกเบ้าได้ถ้าเจ้าได้ยินเรื่องพวกนั้น ถ้าเจ้าถามเขา ข้ามั่นใจว่าเขาคงมิสนใจเล่าให้เจ้าฟังสักเรื่องสองเรื่อง แต่ทว่าถ้าเจ้ายังคงทำตัวสงวนท่าทีต่อเขา เจ้าจักมิมีวันที่จักได้เข้าใจเขาอย่างแท้จริงอย่างแน่นอน”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของถังหลินชี ชิวเยว่พยักหน้ารับอย่างเงียบงัน