กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 868

“ชิ ต่อให้เขาไม่ได้แต่งงานเขาก็ไม่มองเจ้าหรอก อยากจะแต่งงานกับเขานั้น เจ้าฝันไปเถิด”

“เป็นเอกของเขานั่นยากจริง แต่เป็นนางรองเมียน้อยหรือว่าบ่าวไพร่ ข้าว่าข้ามีคุณสมบัตินั้นนะ”

“ตั้งแต่ที่เขาปรากฎตัวที่หุบเขาอสุรกาย ผู้คนมากมายตระกูลขุนนางล้วนร้องขออ้อนวอนแย่งกันเป็นภรรยาน้อยของเขา ทั้งหมดล้วนถูกตระกูลเหวินปฏิเสธ พวกเขาพูดแล้ว ตอนนี้ตระกูลเหวินยังไม่ได้คิดที่จะออกเรือนแต่งงาน”

“หรือว่าเขามีคนที่ชอบแล้ว?”

“ใครจะรู้ล่ะ”

กู้ชูหน่วนก็มองไปทางชายชุดขาวที่พริ้วไหวสง่างามอยู่บนแท่นเช่นกัน

ไม่แปลกเลยที่เหล่าหญิงสาวจะคลั่งไคล้ แม้แต่นางเองยังถูกผู้นำตระกูลเหวินทำตะลึงงันได้

เหวินฉีเป็นประธานกล่าวขึ้นว่า“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานชุมนุมมอบรางวัลของสำนักศึกษาอี้เหอ อย่างที่รู้กันดี ทุกรุ่นจะไปที่หุบเขาอสุรกาย ทำสัญญาอสุรกายได้มากที่สุด ระดับชั้นสูงสุด หรือคนที่ได้รับสิ่งล้ำค่ามากมาย ก็คือชนะเลิศอันดับหนึ่ง”

“แต่รางวัลของแต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน รางวัลของผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งรุ่นนี้ พวกท่านอยากจะรู้หรือไม่?”

“อยาก….”

ด้านล่างมีเสียงดังขึ้นพร้อมเพียงกัน

“ข้าก็อยากจะรู้ว่ารางวัลคือสิ่งใด แต่รุ่นนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา ปกติแล้วจะมีการประกาศรางวัลก่อนแล้วค่อยประกาศรายชื่อผู้ชนะ ครั้งนี้เราจะประกาศผู้ชนะเลิศก่อน แล้วจากนั้นก็ประกาศรางวัล ”

มีบางคนร้อนใจจนอดไม่ได้ที่จะพูดเหยียดว่า “ผู้ชนะรุ่นนี้ยังต้องประกาศอีกหรือ?ชัดเจนเช่นนี้ พวกเราไม่ได้ตาบอดสักหน่อย”

“ใช่ มิสู้ประกาศรางวัลก็จบแล้ว แม้ว่าพวกเราไม่ได้ชนะอันดับหนึ่ง แต่แปลกใจตื่นเต้นอย่างมากว่ารางวัลคืออะไร”

“รีบประกาศรางวัลเถิด ๆ”

ท่านผู้เฒ่าหนิงลูบคลำเคราขาวของตนเอง ดวงตาของเขามองหาพวกกู้ชูหน่วนไม่หยุดหย่อน เป็นช่วงเวลานานเขาถึงได้มองเห็นกู้ชูหน่วนที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน อดไม่ได้ที่จะหันไปขมวดคิ้วลิ่วตาแสดงความยินดีใส่นาง

สีหน้าของผู้นำตระกูลซั่งกวนกับผู้นำตระกูลไป๋หลี่ปกติ มองไม่เห็นความยินดียินร้ายอะไร

ริมฝีปากของผู้นำตระกูลเหวินแสยะยิ้มขึ้น ด้วยท่าทางที่สงบสุขุม

และตอนนี้ไม่สามารถต้านทานเสียงโห่ร้องตะโกนด้านล่างได้แล้ว

เหวินฉีเลยกล่าวขึ้นว่า“อาล่ะ ในเมื่อพวกท่านอยากจะรู้ว่ารางวัลคืออะไร เช่นนั้นข้าจะประกาศชื่อผู้ชนะก่อน แล้วประกาศรางวัลนะ”

“ผู้ชนะในการเดินทางไปหุบเขาอสุรกายครั้งนี้คือ…..ซั่งกวนอวิ๋นหลาง….”

ซือ…..

ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างส่งเสียงอย่างไม่อยากจะเชื่อกัน

ซั่งกวนอวิ๋นหลาง?

เป็นซั่งกวนอวิ๋นหลางได้อย่างไร?

ไม่ควรจะเป็นมู่หน่วนหรอกหรือ?

มู่หน่วนได้ทำสัญญากับเสือดำโบราณ และราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรติดตามนาง จนกระทั่งสัตว์ร้ายยอมจำนนต่อนาง ยอมรับนางเป็นนาย

หรือซั่งกวนอวิ๋นหลางเก่งกว่ามู่หน่วนหรือ?

รอยยิ้มของหนิงเทียนโย่วกับหลินซือหย่วนชะงักเก้อ กล่าวขึ้นเสียงดังว่า“พวกท่านมีความผิดพลาดหรือไม่ จะเป็นซั่งกวนอวิ๋นหลางได้อย่างไร?”

ส่วนซั่งกวนอวิ๋นหลางก็ชะงักงันเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะทำสัญญากับอสุรกายได้จำนวนหนึ่ง แต่การทำสัญญาของเขามันเทียบกับมู่หน่วนไม่ได้เลย

เหตุใดผู้ชนะถึงกลายเป็นเขา?

เมื่อมองไปทางกู้ชูหน่วน สีหน้านางเรียบเฉยมาก ไม่รู้ว่าความจริงแล้วนางคิดอะไรอยู่ สิ่งที่สามารถดูออกคือ นางไม่ได้โกรธ

คนที่อยู่ด้านล่างทยอยกล่าวว่า“ใช่ๆ ผิดพลาดหรือไม่?”

เหวินฉีกล่าวว่า“ไม่ได้ผิดพลาด ผู้ที่ชนะคือซั่งกวนอวิ๋นหลางของตระกูลซั่งกวน ที่เขาทำสัญญาด้วยมีเพียงอสุรกายสองตัวเป็นอสุรกายระดับสอง หนึ่งตัวเป็นอสุรกายชั้นสูงสุดระดับสาม และยังรวบรวมยาสมุนไพรได้จำนวนไม่น้อย สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะระดับสามได้”

อะไร…..

ยาอายุวัฒนะระดับสามหรือ?

และยังทำสัญญาข้อตกลงกับอสุรกายระดับสูงได้สามตัวด้วย….

นี่คือเก่งมากจริงๆ แต่เมื่อเทียบกับมู่หน่วน ก็แตกต่างกันมากแล้ว

คนที่อยู่ด้านล่างต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน

หนิงเทียนโย่วเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับ ได้ยืนขึ้นพูดแทนนาง

เหวินฉีลำบากใจมาก

เขาก็คิดว่าควรเป็นมู่หน่วนที่เป็นผู้ชนะ แต่ด้านบนสั่งการลงมา แน่นอนแล้วว่าเป็นซั่งกวนอวิ๋นหลางชนะ

คนจำนวนมากรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนกู้ชูหน่วน

สุดท้ายเสียงดังกึกก้องของผู้นำตระกูลไป๋หลี่ได้กล่าวขึ้นครอบงำทั่วลานกิจกรรมว่า

“เพราะนางไม่คู่ควร”

หนิงเทียนโย่วกล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า“นางไม่คู่ควรอย่างไร?”

“นางสังหารไป๋หลี่หมิงไป๋หลี่เจิ้นของตระกูลไป๋หลี่”

ฮู…..

ทั้งลานอึกทึกครึกโครม

มู่หน่วนสังหารไป๋หลี่หมิงกับไป๋หลี่เจิ้นหรือ?

เป็นไปได้อย่างไร?

ไป๋หลี่หมิงเป็นหลานชายที่ไป๋หลี่เจิ้นทะนุถนอมมากที่สุด และเป็นที่รักของผู้อาวุโสตระกูลไป๋หลี่จำนวนมากด้วย

มู่หน่วนกล้าสังหารเขาได้อย่างไร?

และไป๋หลี่เจิ้นยิ่งเป็นไปไม่ได้

เขาเป็นถึงยอดฝีมือระดับสี่เชียวนะ

ต่อให้มู่หน่วนเก่งกาจอย่างไร ก็สามารถสู้ไป๋หลี่เจิ้นได้หรือ?

ท่านผู้เฒ่าหนิงยิ้มเยาะ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความสงสัย“ท่านบอกว่าแม่หนูมู่หน่วนสังหารไป๋หลี่เจิ้น?อย่างนางผู้หญิงตัวคนเดียวนี่นะ?”

“ใช่”

ไม่เพียงเขาไม่เชื่อ

คนที่อยู่ตรงบริเวณลานกิจกรรมล้วนไม่เชื่อ

ผู้อาวุโสไป๋หลี่เฉิงกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า“หรือว่าผู้นำตระกูลของพวกเราจะพูดโกหกได้หรือ?อีกทั้ง…..ไป๋หลี่เจิ้นคือผู้อาวุโสตำแหน่งสำคัญที่มีผลกระทบต่อตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรา ผู้นำตระกูลคนก่อนได้วางวิชาลับที่เขา เพียงแค่ผู้ใดสังหารเขา ยอดศีรษะของผู้นั้นจะปรากฎเวงไฟสีแดงขึ้น”

เขาโบกสะบัดมือใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร บนยอดศีรษะของมู่หน่วนถึงได้ปรากฎดวงไฟสีแดงขึ้น

“ดวงไฟสีแดงจริงๆ หรือว่ามู่หน่วนสังหารไป๋หลี่เจิ้นจริง?”

“ก่อนหน้าเคยได้ยินว่าตระกูลไป๋หลี่มีวิชาลับ เพียงแค่คนที่โดนวางวิชาลับ ถูกสังหาร ยอดศีรษะของคนที่สังหารจะปรากฎดวงไฟสีแดงขึ้น ข้านึกว่าเป็นข่าวลือ คิดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องจริง”

“ใช่นะสิ หลายปีมานี้ไม่มีใครกล้าสังหารคนตระกูลไป๋หลี่เลย พะว้าพะวังมาถึงจุดนี้ ครั้งนี้มู่หน่วนแย่แล้ว ไป๋หลี่เจิ้นเป็นน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลไป๋หลี่เชียวนะนั่น”

“มู่หน่วนเป็นปรมาจารย์ควบคุมสัตว์ร้ายผู้มากความสามารถ และเป็นนายของสัตว์ร้าย หรือว่าตระกูลไป๋หลี่ไม่อยากดึงนางมาเป็นพวก?”

“ดึงเป็นพวกอะไร น้องชายแท้ๆถูกสังหารแล้ว ตระกูลไป๋หลี่กลืนความโกรธแค้นนี้ได้หรือ?”

หลินหย่วนกล่าวว่า “แม่นางกู้ หรือว่าเจ้าสังหารไป๋หลี่เจิ้นกับไป๋หลี่หมิงจริง?เจ้ารีบอธิบายกับทุกคนให้ชัดเจนเร็วเข้า”

ไป๋หลี่เฉิงชิงกล่าวก่อนว่า“อธิบายอะไร มีคนเห็นกับตาว่ามู่หน่วนสังหารไป๋หลี่หมิง และก็มีคนเห็นกับตาว่ามู่หน่วนสังหารไป๋หลี่เฉิงด้วย”

“แปะๆ…”ไป๋หลี่เฉิงปรบมือ ทันใดนั้นได้มีวัยรุ่นสองคนเดินออกมา

“ข้าคือลูกน้องของคุณชายหมิง วันนั้นคุณชายหมิงต้องการ…ต้องการสังหารมู่หน่วน กลับถูกมู่หน่วน….สังหาร….ข้าถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นมู่หน่วนคล้ายกับอสุรกายเหี้ยมโหด เพราะฉะนั้น…เลยแกล้ง…แกล้งตาย….ถึงได้หลบมาได้”

“ข้าไปที่ป่าไผ่เพื่อเก็บใบไผ่สด ได้เห็นมู่หน่วนสังหารผู้อาวุโสไป๋หลี่อยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่านางใช้วิชาไม่ดีอะไร ทำให้เลือดของผู้อาวุโสไป๋หลี่แห้ง เหลือเพียงกระดูก”

ท่านผู้เฒ่าหนิงตบเก้าอี้ กล่าวขึ้นว่า“ปัดโธ่ เขาคือคนของตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่าน แน่นอนว่าต้องพูดช่วยไปทิศทางตระกูลไป๋หลี่ และเขา เขาทำไมถึงได้บังเอิญไปเด็ดใบไผ่ที่ป่าไผ่เสียเหลือเกิน? มู่หน่วนเป็นหญิง มีความสามารถฝีมือที่ไหนที่จะดูดเลือดของไป๋หลี่เจิ้นจนหมด เป็นคำพูดเท็จอย่างแท้จริง”

ทุกคนพยักหน้า แสดงออกว่าไม่เชื่อ

บนโลกใบนี้ไม่มีวรยุทธ์ใดที่สามารถทำให้เลือดของคนแห้งเหือดจนกลายเป็นกระดูกได้

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ก็ไม่เสียเวลา เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติเพื่อรวบรวมทักษะของเขา และค่อย ๆ แสดงให้เห็นฉากที่ไป๋หลี่เจิ้นถูกดูดเลือด

ซือ…..

คนทั้งลานกิจกรรมต่างซี๊ดปาก

อย่างไรก็ไม่อยากจะเชื่อ ภาพหญิงที่ได้รับบาดเจ็บหนักล้มลงบนพื้น ทันใดนั้นบนร่างกายได้ปรากฎพละกำลัง นำฝ่ามือดูดพลังกำลังภายในไป๋หลี่เจิ้น ดูดเลือดเหือดแห้งกลายเป็นกระดูก

ท่านผู้เฒ่าหนิงสีหน้าอึมครึมกล่าวว่า“วิชาฟื้นฟูกลับสู่สภาพจุดเดิม……วิชาอันดับหนึ่งของตระกูลไป๋หลี่”

ไป๋หลี่เฉิงกล่าวว่า“ไม่ผิด นี่เป็นวิชาฟื้นฟูกลับสู่สภาพจุดเดิมที่ตระกูลไป๋หลี่ของเรามีเพียงอันเดียว เพราะไป๋หลี่เจิ้นได้ถูกวางวิชาลับ เพราะฉะนั้นฉากก่อนตายสามารถใช้วิชาฟื้นฟูกลับสู่สภาพจุดเดิมดึงฟื้นฟูออกมาได้”

สิ่งที่สองคนนั้นพูดพวกเขาไม่เชื่อ

แต่วิชาฟื้นฟูกลับสู่สภาพจุดเดิมนี้สามารถทำได้เพียงฟื้นฟูภาพฉากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้

พวกเขาไม่เชื่อไม่ได้

เพียงแต่….วรยุทธ์ของมู่หน่วน ความเป็นจริงแล้วเป็นวรยุทย์ที่ไม่ดีอะไรกันแน่?

คิดไม่ถึงว่าจะสามารถดูดวรยุทธ์ ดูดเลือดคนได้?