ตอนที่ 660 ร่างของเขาหายไป
มู่จวินฮานกอดนางไว้แนบอกอยู่เช่นนั้น ทั้งสองคนโอบกอดกันโดยมิมีผู้ใดเอ่ยออกมา ตอนนี้ราวกับว่าใต้หล้ามีเพียงพวกตนทั้งสองเท่านั้น
จวบจนกลางดึกอันหลิงเกอก็ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างรุนแรง เมื่อเห็นมู่จวินฮานหลับสนิทอยู่ข้างกาย นางจึงตระหนักได้ว่าเมื่อครู่คงจะฝันร้ายเป็นแน่
มู่จวินฮานยังหลับสนิทและมิได้รู้สึกตัวเพราะอันหลิงเกอ นางจึงค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งและครุ่นคิดสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เพียงลำพัง การที่มู่จวินฮานดีต่อนางเช่นนี้ก็มิรู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรือเพราะเขายังรักนางเหมือนอดีตกันแน่
การอยู่ที่จวนอ๋องมู่แห่งนี้อันหลิงเกอคุ้นเคยกับความเฉียบขาดและเด็ดเดี่ยวของเขาเป็นอย่างดี ทว่าความอ่อนโยนในเวลานี้กลับทำให้นางรู้สึกมิคุ้นเคยเอาเสียเลย
อันหลิงเกอมิรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงนอนมิหลับ นางเลยนั่งรอฟ้าสว่างอยู่เพียงลำพัง เมื่อมู่จวินฮานตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าอันหลิงเกอกำลังมองเขาอยู่ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกมิถูก
การมีอันหลิงเกออยู่ข้างกายเช่นนี้ ดีกว่าฝันร้ายที่ยาวนานในวันวานยิ่งนัก ความกลัวที่คอยกัดกินใจของเขาว่านางจะไปจากตนก็ได้บรรเทาบ้าง
หลังจากนั้นมู่จวินฮานก็ไปประชุม อันหลิงเกอก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
เพราะร่างกายของนางเหนื่อยล้าเต็มที เมื่อคืนการได้ใคร่ครวญถึงเรื่องต่าง ๆ มากมายทำให้สมองของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายจึงรู้สึกง่วงยิ่งนัก
จากนั้นมินานอันหลิงเกอก็หลับไป แต่ระหว่างที่กำลังหลับอยู่นั้นก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
เฝิงเยว่เอ๋อที่ตอนนี้เพิ่งจะหายดีก็มาหาเรื่องอันหลิงเกออีกครั้ง
ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในห้องประชุมและอันหลิงเกอกำลังหลับอยู่ เฝิงเยว่เอ๋อมิได้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเพราะนางได้มาที่ถ้ำน้ำแข็งซึ่งมีร่างของฟางหลิงซู่เก็บเอาไว้
มิรู้ว่าเพราะเหตุใดอันหลิงเกอที่กำลังนอนหลับอยู่ก็รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็รวบรวมพลังที่มีแล้วลุกขึ้นนั่งเพราะรู้สึกหายใจไม่สะดวก
อันหลิงเกอเบิกตากว้าง แม้ยังมิรู้ว่าความรู้สึกเมื่อครู่คืออันใดกันแน่ ทว่าความรู้สึกไร้หนทางเช่นนั้นแม้จะตื่นขึ้นมาก็ยังมิเข้าใจอยู่ดี
ยามนั้นเองหัวใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกเจ็บปวดอีกระลอก นางรู้สึกไม่สบายใจมาก แม้มิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นแต่ลางสังหรณ์นี้ก็พานางไปที่ถ้ำน้ำแข็งเสียแล้ว
ขณะเดียวกันการประชุมก็ได้จบลง อิ่งจือจึงพบอันหลิงเกอระหว่างทางกลับถ้ำพอดี เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกและร้อนรนของนาง เขาจึงรีบเดินไปที่ถ้ำน้ำแข็งพร้อมนางทันที
นับตั้งแต่อิ่งจือออกไปจนถึงตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปครึ่งชั่วยามเท่านั้น แต่บัดนี้ร่างของฟางหลิงซู่หายไปเสียแล้ว โลงน้ำแข็งมีร่องรอยเหมือนถูกคนเคลื่อนย้ายอีกด้วย
อันหลิงเกอเห็นเช่นนั้นก็ร้อนใจจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปจับที่โลงน้ำแข็งไว้ จากนั้นก็ออกค้นหาไปทั่ว แต่ถ้ำน้ำแข็งกลับไร้วี่แววของฟางหลิงซู่ ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าของเขาด้วยซ้ำ
ภายในใจของอันหลิงเกอสับสนยิ่งนัก หัวใจของนางเหมือนถูกกระชากออกก็มิปาน แท้จริงที่นางรู้สึกกระวนกระวายตั้งแต่เช้าก็เพราะเกิดเรื่องกับร่างของฟางหลิงซู่นั่นเอง
อันหลิงเกอนึกถึงตรงนี้จึงรีบเดินออกไป ส่วนอิ่งจือเห็นนางเดินไปเช่นนั้นก็รีบตามไปทันที อันหลิงเกอออกค้นหาภายในถ้ำหินที่อยู่ติดกับถ้ำน้ำแข็งทีละถ้ำก็ยังมิพบร่องรอยของฟางหลิงซู่อยู่ดี
จนสุดท้ายอันหลิงเกอก็ค้นมาถึงเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อ เนื่องจากเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อห่างจากถ้ำน้ำแข็งมิมากนัก เรียกว่าถ้ำน้ำแข็งและจวนอ๋องมู่ห่างกันแค่กำแพงกั้นเท่านั้นและเป็นกำแพงฝั่งเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อพอดี
มิรู้ว่าเหตุใดสัญชาตญาณของอันหลิงเกอบอกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเฝิงเยว่เอ๋อแน่นอน
อันหลิงเกอมาถึงเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อก็พบว่ามู่จวินฮานอยู่ที่นี่ด้วย ดูเหมือนเขาเพิ่งมาถึงก่อนหน้านางได้มินาน
พอเห็นมู่จวินฮานอยู่ที่นี่ด้วย อันหลิงเกอจึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มู่จวินฮานมิได้มาที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อนานมากแล้ว แต่การที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้ก็ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกไม่ดี
ส่วนมู่จวินฮานก็มองอันหลิงเกออย่างประเมินอยู่ครู่หนึ่งและสายตาของเขามีความนัยซ่อนอยู่
“จวินฮาน ท่านเห็นฟางหลิงซู่หรือไม่เจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอยังมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น เมื่อเห็นมู่จวินฮานอยู่ที่นี่ก็เหมือนได้พบความหวังสุดท้ายจึงรีบเอ่ยถาม
“ฟางหลิงซู่อยู่กับข้า” เฝิงเยว่เอ๋อกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มพลางมองอันหลิงเกอด้วยใบหน้ายั่วยุ หลังนางกล่าวจบ อิ่งจือก็มาถึงและเห็นภาพนั้นเข้าพอดี
อันหลิงเกอได้ยินเฝิงเยว่เอ๋อกล่าวเช่นนี้จึงรีบหันไปมองมู่จวินฮาน แต่ใบหน้าของเขาดูมิแยแส ไร้ท่าทีที่จะพูดกับนางสักนิด
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด ! ” อันหลิงเกอถามอีกครั้งก่อนก้าวไปด้านหน้า ขณะที่มือทั้งสองข้างของนางกำลังจะบีบลงที่คอของเฝิงเยว่เอ๋อ มู่จวินฮานกลับยื่นมือมาขวางไว้พอดี
“อันหลิงเกอ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานแฝงไว้ด้วยความเย็นชาและห่างเหิน อันหลิงเกอยังมิทันได้ตั้งตัว เขาก็มายืนขวางนางไว้เสียแล้ว ขวางสิ่งที่นางกำลังจะทำต่อเฝิงเยว่เอ๋อ
“เหตุใดเจ้าถึงมิบอกข้า ! ” มู่จวินฮานมองอันหลิงเกออย่างผิดหวัง คำถามของเขาทำให้อันหลิงเกอรู้สึกมึนงงจนยากจะอธิบาย
“มู่จวินฮาน” เป็นอิ่งจือที่ได้มายืนอยู่ข้างกายของอันหลิงเกอเพื่อห้ามมู่จวินฮานเอาไว้เพราะมิอยากให้มู่จวินฮานเผลอทำร้ายนางตอนโมโหอีก เขารับรู้ถึงความโกรธที่อยู่ในใจของมู่จวินฮานได้ดี
“เหตุใดจึงมิบอกข้าว่าเจ้ากับฟางหลิงซู่ถือกำเนิดมาจากเผ่าเดียวกัน ! ” มู่จวินฮานเอ่ยถามอีกครั้งและครั้งนี้เป็นอันหลิงเกอที่ตกตะลึง
“ใช่แล้ว พระชายาทำเช่นนี้มิเห็นท่านอ๋องอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว” เฝิงเยว่เอ๋อพูดเสริมได้ถูกจังหวะพอดี ยิ่งทำให้มู่จวินฮานขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“หากเจ้าบอกข้าสักนิด ข้าย่อมไม่มีทางทำร้ายเขาอยู่แล้ว” ตอนนี้มู่จวินฮานมั่นใจแล้วว่าอันหลิงเกอจงใจปิดบังเขาเพื่อปกป้องร่างของฟางหลิงซู่
อันหลิงเกอมองคนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นร่างของฟางหลิงซู่ก็ถูกมู่จวินฮานนำออกมาเพื่อให้อันหลิงเกอเลือก ซึ่งการที่มู่จวินฮานให้นางเลือกก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่งนัก
อันหลิงเกอมองไปที่ร่างของฟางหลิงซู่ แม้ตอนนี้เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณก็จริง แต่อิ่งจือเคยบอกไว้ว่าเขาสามารถฟื้นคืนชีพได้ แค่พิษหนอนกู่ในร่างกายทำให้เขาหลับไปหลังจากโดนทำร้ายเท่านั้น
หากตอนนี้นางเลือกในสิ่งที่ขัดต่อความต้องการของมู่จวินฮาน นั่นอาจหมายถึงการที่ต้องสูญเสียเขาไป นางจึงมิรู้ว่าควรเลือกเช่นไรดี
ในตอนนั้นเองอิ่งจือก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าแล้วแบกร่างของฟางหลิงซู่ไว้บนบ่าและเดินออกไปทางประตู ทว่าก็หยุดลงและเอ่ยออกมาตรงหน้าประตู
“มิต้องใช้เขาช่วยหรอก ข้ามีวิธีของข้าเอง” อิ่งจือมีวิธีอยู่จริง แต่สิ่งที่เขาต้องเสียสละก็คือพลังในกายและสำหรับเขาสิ่งมีค่าที่สุดก็คือพลังนี้เอง
อันหลิงเกอรู้ดีว่าอิ่งจือพูดถึงสิ่งใด ในใจของนางเกิดความลังเลขึ้นมา แต่ตอนนี้อิ่งจือพาร่างของฟางหลิงซู่ไปแล้ว อันหลิงเกอจึงหันไปมองมู่จวินฮานครู่หนึ่งและแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความผิดหวังที่มิสามารถบรรยายได้