ตอนที่ 558 คัมภีร์หมื่นคำสาป

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เอามาให้ข้าดูหน่อย” มู่เฉียนซีรีบกล่าว ความตื่นเต้นเจืออยู่ในน้ำเสียงใส

“นี่แหละ เจ้าเอาไปดูสิ”

ตำราเล่มหนึ่งถูกส่งมา

“หน้าสุดท้าย”

มู่เฉียนซีกวาดตามองเนื้อหาที่บันทึกไว้ข้างต้น “ในสมัยโบราณ มีเผ่าพันธุ์หนึ่งสืบทอดวิชาสาปแช่งชนิดหนึ่งมาและมีความสามารถต่อต้านสวรรค์จนเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าเทพ ทำให้ทั้งเผ่าพันธุ์พร้อมด้วยคัมภีร์หมื่นคําสาปที่สืบทอดกันมาหายไปจากโลกนี้”

“ผู้แข็งแกร่งจากทุกหนแห่ง หากประสงค์อยากจะครอบครองคัมภีร์หมื่นคําสาป จักต้องค้นหาในทุก ๆ แห่ง สถานที่ที่มีเบาะแสของคัมภีร์หมื่นคำสาปมากที่สุดคือหนึ่งในดินแดนทั้งสี่ทิศ…”

หนึ่งในดินแดนทั้งสี่ทิศก็คือที่แห่งนี้!

มู่เฉียนซีอ่านบันทึกต่อมา “คัมภีร์หมื่นคำสาป มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มัน…”

นี่เป็นหน้าสุดท้าย และเมื่อมาถึงจุดนี้ก็ไม่มีอะไรเพิ่มแล้ว นางสงสัยนัก ด้านหลังน่าจะมีหน้าหนังสือต่ออีกมิใช่รึ ? แต่กลับถูกฉีกออกไปเสียได้!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

“ในครานั้นมีคนเลวทรามหลายคนบุกเข้ามาทําลายอย่างดุเดือด ตำราบางเล่มจึงได้รับความเสียหาย ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าตำราเล่มนี้…” มันเองก็จนปัญญาที่จะอธิบาย

มู่เฉียนซีกล่าว “ตำราเล่มนี้ เขียนโดยนายท่านของเจ้ารึ ?”

“ไม่ใช่ ตำราเล่มนี้ถูกนายท่านเก็บขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ มันมีอายุมากกว่านายท่านของข้ามาก”

มู่เฉียนซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางรู้เพียงแค่ว่าในดินแดนทั้งสี่ทิศอาจจะมีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น

สําหรับนางแล้ว ดินแดนทั้งสี่ทิศนั้นแสนจะกว้างใหญ่ เกรงว่าการตามหานับพันปีก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอ

หากพบจิ่วเยี่ยในครั้งต่อไป จะต้องบอกข่าวนี้กับเขา คําสาปบนร่างกายของเขาไม่สามารถยื้อเวลาออกไปได้อีกแล้ว

แม้จะพบเบาะแสที่น่าสิ้นหวังเหล่านี้ มู่เฉียนซีก็ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะค้นหาต่อไป นางกล่าวว่า “ค้นหาต่อไป อย่าได้ตกหล่นแม้แต่เล่มเดียว!”

“สวรรค์โปรด!” เสี่ยวหงและอู๋ตี้แทบเป็นลม

“ฮือ ๆ ๆ นายท่าน ข้ายอมไปทําร้ายพวกสวะเสียยังจะดีกว่าอ่านตำราอยู่ที่นี่ ตอนนี้ข้าเห็นตำราก็แทบอยากจะอ้วกแล้ว” อู๋ตี้บ่น

เสี่ยวหงกล่าวว่า “นายท่าน ข้าง่วงนอนมาก ข้าง่วงนอนจริง ๆ นะ ถ้ายังไม่ให้ข้านอนต่อไปอีกเช่นนี้ ข้าคงง่วงตาย”

มู่เฉียนซีกล่าว “ทำต่อไป อย่าคิดบ่นอีกเชียว!”

โม่จิ่นและโม่ซางคงถูกส่งออกมาแล้ว โม่ซางคงพบว่ามู่เฉียนซีไม่ได้อยู่ด้วย

โม่จิ่นกล่าวขึ้น “เป็นไปไม่ได้! นางผ่านด่านไปแล้ว”

เสียงชราเสียงหนึ่งดังออกมา “เสี่ยวจิ่น เจ้าให้ความสำคัญกับเด็กนั่นมากเกินไปแล้ว การท้าประลองเช่นนั้น นางไม่มีทางผ่านได้แน่ ข้าเกรงว่านางคงตายไปในนั้นแล้วล่ะ”

สีหน้าของโม่จิ่นหม่นคล้ำ โม่ซางคงกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโสสูงสุดอย่าได้พูดจาเหลวไหล มหาจักรพรรดิแห่งภูตของชางไห่เป็นยอดฝีมือที่ใจดีมาก เขาไม่ชอบการฆ่าและในจวนชางไห่จะไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”

“ต่อให้ไม่ตาย เกรงว่าแม่สาวน้อยคนนั้นจะต้องติดอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิต” ชิงซ่าน ผู้อาวุโสที่สองแห่งหอชิงลั่วกล่าวออกมาอย่างมีเจตนาร้าย

เทียนฉีส่ายหน้า “เฮ้อ… น่าเสียดายนางสาวน้อยผู้งดงามนัก”

ชิงซ่านพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา “นี่คือผลของการไม่รู้จักประมาณตน”

โม่จิ่นกล่าวอย่างไม่ใส่ใจในการคาดเดาของคนอื่น “ไม่มีทาง ข้ามั่นใจว่านางจะไม่เป็นไร”

ผู้อาวุโสสูงสุดส่ายหน้าเล็กน้อย เขากล่าวขึ้น “นายน้อย เสี่ยวจิ่น ในเมื่อออกมาจากจวนชางไห่ได้แล้ว เช่นนั้นพวกเรารีบกลับไปที่ตําหนักโม่อวี่กันเถอะ! ไม่จําเป็นต้องรอคนที่ไม่รู้ว่าจะออกมาได้เมื่อไหร่หรอก”

โม่จิ่น “ไม่ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะรอนางที่นี่”

โม่ซางคง “อาจิ่น ข้าจะรอเป็นเพื่อนเจ้าเอง”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “นายน้อยอย่าได้ก่อเรื่องวุ่นวายกับเสี่ยวจิ่นอีกเลย เจ้าเป็นนายน้อยของตําหนักโม่อวี่ ทุกอย่างต้องให้ความสําคัญกับตําหนักโม่อวี่ ไม่ควรที่จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่”

โม่จิ่นกล่าว “อาคง เจ้ากลับไปเถอะ!”

โม่ซางคงกล่าวขึ้นว่า “ได้ แต่ข้าก็ไม่เชื่อว่านางจะถูกขังอยู่ในนั้นตลอดชีวิต”

สามกองกําลังใหญ่ ตําหนักโม่อวี่ หอชิงลั่ว และคนของสำนักเทียนกังจากไปอย่างรวดเร็ว

แต่โม่จิ่นยังคงเฝ้าอยู่บนผิวน้ำ เขาพึมพําเสียงเบา “ข้าสัญญาว่าจะช่วยเจ้าทํางานสามปี หากเจ้าไม่ปรากฏตัว เจ้าจะให้ข้าไปทําเพื่อใคร”

ในที่สุดก็หาจนทั่วทั้งห้องตำราใหญ่ ทั้งสี่ตัวในห้องตำราก็เหนื่อยจนแทบทรุดตัวกองลงไปตรงนั้น

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหงุดหงิด “ให้ตายเถอะ! หามาตั้งนาน เราหาได้เพียงแค่เบาะแสเหล่านี้เท่านั้นเอง”

มู่เฉียนซี เสี่ยวหงและพวกเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว พวกเขานอนแผ่อยู่ในกองตำราก่อนจะพากันผล็อยหลับไป ไม่ว่าพลังจิตจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่อาจทนรับความเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ได้เป็นธรรมดา

“อ๊า! เวลาผ่านไปแล้ว” สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กรีดร้องออกมา

มู่เฉียนซีถูกเสียงแหลม ๆ ของมันปลุกให้ตื่น นางกล่าว “เสียงดังโวยวายอะไรเจ้าบ้านี่ ?!”

“จะไม่ให้ข้าตกใจได้ยังไงเล่า ? หนึ่งเดือนผ่านไปแล้วแต่ข้ายังไม่ได้ส่งเจ้าออกไปเลย!”

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ได้ส่งข้าออกไปภายในเวลาหนึ่งเดือน ?” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วถาม ……

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านโม่จิ่น

ข้างนอกเป็นเวลาดึกมากแล้ว ดวงตาของโม่จิ่นเริ่มมืดครึ้มลงเรื่อย ๆ ถ้าหากผ่านพ้นคืนนี้ไป นางยังไม่ออกมา เกรงว่านางคงจะถูกขังอยู่ในจวนชางไห่ตลอดไป

เว้นเสียแต่ว่า รอให้จวนชางไห่เปิดในครั้งต่อไป ทว่ามันก็อาจใช้เวลาอย่างน้อยหลายร้อยปี

……

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าว “ถึงเวลาแล้วแต่เจ้าไม่ได้ถูกส่งออกไป เช่นนั้นเจ้าต้องรอให้จวนชางไห่เปิดในครั้งต่อไปก่อนถึงจะออกไปได้”

หลายร้อยปีในห้องตำรานี้ ถึงไม่อดตายก็หายใจไม่ออกตาย

มู่เฉียนซีหน้ามุ่ย “เหอะ! ข้าไม่สนหรอก ข้าต้องออกไปให้ได้ นี่เป็นความผิดพลาดของเจ้าเอง เจ้าก็ต้องช่วยคิดหาวิธีแก้ไข”

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์รู้สึกหดหู่ “อ๊ากกกกก! จะทํายังไง…? จะทํายังไงกันดี ?”

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ลังเลอยู่นานก่อนจะกล่าวเสนอออกมา “มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นแล้ว คือทําให้เจ้ากลายเป็นเจ้าของจวนชางไห่ หากว่าเจ้าเป็นเจ้าของที่นี่ เจ้าจะสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ”

“ให้ข้าเป็นเจ้าของของจวนชางไห่งั้นรึ ?” มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงว่าสัตว์ทะเลผู้พิทักษ์จะคิดวิธีเช่นนี้ออกมาได้

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าวว่า “นี่เป็นวิธีเดียว”

“อ้าว! แล้วเจ้าไม่เสียดายรึ ?”

“เจ้าผ่านการทดสอบที่ยากที่สุด ทั้งพรสวรรค์และความสามารถในการเรียนรู้ของเจ้าล้วนแล้วแต่ทรงพลังยิ่ง ความสําเร็จในอนาคตจะเหนือกว่านายท่านของเจ้ามาก นายท่านจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ หากได้รู้ว่ามีผู้อัจฉริยะเช่นเจ้าได้รับสืบทอดดูแลจวนชางไห่ของเขา” สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าวอย่างจริงจัง

“อืม เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่า หากนี่เป็นทางเดียวที่จะออกไปได้ ข้าก็คงต้องรับไว้ ต้องการทดสอบอะไรหรือเปล่าล่ะ ?”

“การทดสอบที่ยากที่สุดเจ้าก็ผ่านแล้ว ยังจะมีการทดสอบอะไรอีกที่จะหยุดเจ้าได้ ?”

พู่กันหยกด้ามหนึ่งลอยมาตรงหน้ามู่เฉียนซี สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าว “หยดเลือดลงบนปลายพู่กันเพื่อทําพันธสัญญา และเจ้าก็จะเป็นเจ้าของจวนชางไห่โดยชอบธรรม”

“แต่ยังไงก็ตาม เจ้าไม่มีความแข็งแกร่งระดับสูงสุดของขั้นจักรพรรดิ แม้ว่าเจ้าจะทําพันธสัญญาแล้ว ก็ไม่สามารถนำจวนชางไห่ไปได้ จวนชางไห่ยังต้องอยู่ที่นี่”

“ได้!” มู่เฉียนซีตอบรับเสียงหนักแน่น

เมื่อเลือดหยดลงมา มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงกันกับจวนชางไห่

ราวกับว่าเพียงแค่นางคิด นางก็จะสามารถออกไปจากจวนชางไห่ได้

มู่เฉียนซีเรียกเสี่ยวหงกับอู๋ตี้มา นางกล่าวกับพวกมันทั้งสองว่า “เอาล่ะ ได้เวลาออกไปแล้ว”

“ช้าก่อน…” เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกําลังจะจากไป สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์พลันตะโกนออกมา

“เจ้าจะไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ตำราก็หาจนหมดแล้ว แน่นอนว่าข้าต้องจากไปเช่นนี้ ยังต้องทําอะไรอีกล่ะ ?”

“เจ้า… เจ้า…”

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ถึงกับพูดไม่ออก มันรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ช่างเหินห่างจนมันแทบจะช้ำใน

.