ถังเหายืนคอแข็ง ขณะที่ถังซีอมยิ้ม “ทำไมถึงขี้ขลาดนักล่ะ ฉันอาจจะโดนพวกคุณไล่ออกจากบริษัทก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนที่ฉันได้กลับมาภายในอีกหนึ่งสัปดาห์ และเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่ง ฉันก็อาจจะเป็นฝ่ายไล่พวกคุณออกบ้าง แต่กว่าจะถึงตอนนั้นคุณก็ยังมีเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่จะคิดหาทางไม่ให้ถูกไล่ออก”

 

 

คำพูดของถังซีสะกิดเตือนบรรดาผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ถึงแม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการปลดถังซีจากตำแหน่ง แต่เมื่อถังเจิ้นหวากลับมา เธอก็จะได้กลับมาเป็นประธานอีก แล้วพวกเขาผู้ลงคะแนนเสียงให้ปลดถังซี ก็จะต้องเผชิญกับการเอาคืนจากถังซี พวกเขาจะต้องลำบากกันอย่างแน่นอน!

 

 

ถังเจี๋ยเหรินสังเกตเห็นว่าบรรดาผู้ถือหุ้นเริ่มหวั่นไหวไปกับคำพูดของถังซี เขาฮึดฮัดไม่พอใจ และพึมพำว่า “ฉันประเมินหล่อนต่ำเกินไป!”

 

 

ถังเย่าเหรินทำเสียงขึ้นจมูก กล่าวเสียงนิ่งว่า “อย่ากังวลไป! ยังไม่แน่หรอกว่าหล่อนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เครื่องบินเคยตกมาได้ครั้งหนึ่ง ก็อาจจะตกได้อีก! เกรงว่าหล่อนอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์!”

 

 

ถังซีซึ่งมีสมรรถภาพการได้ยินเป็นเลิศเนื่องจากเธอมี 008 ถึงกับอึ้ง “…” เธอชำเลืองมองไปทางกลุ่มคนทั้งสาม และกล่าวเสียงเย็นเฉียบว่า “พวกคุณค่อยปรึกษากันเรื่องจะฆ่าฉันหลังจากประชุมเสร็จได้ไหม ฉันได้ยินที่คุณพูดทั้งหมดนะ”

 

 

ทั้งสามคนอึ้ง “…” ซวยละ หล่อนได้ยินที่พวกเขาพูด!

 

 

แล้วการประชุมก็ดำเนินต่อไป…

 

 

เป็นเช่นที่ถังซีคาดไว้ ผู้ถือหุ้นรายย่อยบางคนซึ่งแต่เดิมตั้งใจจะโหวตให้ปลดถังซี กลับใจเปลี่ยนข้างมาสนับสนุนให้ถังซีอยู่ในตำแหน่งประธานต่อไป มียี่สิบสามเปอร์เซ็นต์ที่สนับสนุนถังซี และสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์สนับสนุนข้างถังเจี๋ยเหริน ถังเย่าเหรินนิ่วหน้า จ้องเขม็งไปที่ถังเจี๋ยเหริน ถามอย่างโกรธเกรี้ยว “นี่เตรียมการมาภาษาอะไร! ไหนว่าไม่มีทางพลาดแน่นอน แล้วทำไมพวกเขาถึงเปลี่ยนข้าง!”

 

 

ถังเจี๋ยเหรินก็มีอาการโกรธจัดเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าคนเหล่านี้จะกลับใจเปลี่ยนข้างในวินาทีสุดท้าย! อย่างไรก็ตาม เขานึกถึงโทรศัพท์ที่ได้รับสายเมื่อคืนก่อน เขาจึงยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ กล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวลไป ยังมีผู้ถือหุ้นอีกคนหนึ่งที่ยังมาไม่ถึง” ถังเจี๋ยเหรินลุกขึ้นยืน กล่าวกับที่ประชุมว่า “แม้ว่าจะมีหุ้นยี่สิบสามเปอร์เซ็นต์สนับสนุนถังซี แต่ยังมีผู้ถือหุ้นอีกคนที่ถือหุ้นถึงยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ยังเดินทางมาไม่ถึง จริงไหม”

 

 

ถังซีเลิกคิ้วใส่ถังเจี๋ยเหริน ดวงตาส่องประกายราวกับไฟเย็น คนพวกนี้กำลังดิ้นรนจนวินาทีสุดท้าย เมื่อจินตนาการถึงสีหน้าของถังเจี๋ยเหรินในอนาคตอันใกล้ ถังซีก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะให้ผู้ถือหุ้นคนสุดท้ายปรากฏตัว

 

 

ถังเจี๋ยเหรินตะโกนเสียงดังว่า “ดังนั้น การประชุมครั้งนี้ยังไม่จบ!”

 

 

ถังซีเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มหวาน “ผู้อำนวยการถัง ในเมื่อคุณรอไม่ไหวที่จะได้ทราบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นท่านนี้ ก็ควรไปพาเขาเข้ามาได้แล้ว”

 

 

ถังเจี๋ยเหรินนิ่วหน้า เขากดโทรศัพท์ สักครู่ก็มีคนรับสาย ดวงตาถังเจี๋ยเหรินเป็นประกาย รีบกล่าวว่า “คุณลู่ คุณอยู่ที่ไหน การประชุมใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว…”

 

 

“ผมอยู่ที่หน้าประตูห้องประชุม” ขณะเดียวกับที่ถังเจี๋ยเหรินได้ยินประโยคนี้ ประตูห้องประชุมก็เปิดออก ถังเจี๋ยเหรินมองไปที่ประตูอย่างตื่นเต้นยินดี แต่แล้วกลับนิ่งงันในฉับพลัน… นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!

 

 

ชายหนุ่มในชุดสูทภูมิฐาน ผมหวีเรียบ ยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม กำลังมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาเฉยเมย ถังซีเองก็แปลกใจที่ได้เห็นผู้ถือหุ้นคนนี้ แต่ไม่ช้าเธอก็ส่ายศีรษะพลางอมยิ้ม ไม่น่าแปลกใจที่เฉียวเหลียงไม่ตามเธอเข้ามาที่บริษัท เขาเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ!

 

 

อาหกซึ่งสวมหน้ากากผิวหนังยืนนิ่งอย่างสงบ มองไปรอบๆ ห้องประชุม แล้วสายตาเขาก็มาหยุดที่ใบหน้าถังเจี๋ยเหริน ขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้ามาภายในห้อง ถังเหาก็พรวดพราดเข้าไปถึงตัวเขา ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ให้ตายสิ แกมาที่นี่ทำไม! ไม่รู้หรือว่าที่นี่ที่ไหน! ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้”

 

 

อาหกชำเลืองมองถังเหาอย่างดูแคลนราวกับกำลังมองตัวตลกตัวหนึ่ง แล้วแสยะยิ้ม เขาทำทีปัดฝุ่นจากปกเสื้อสูท เดินผ่านหน้าถังเหาไป ทรุดตัวนั่งลงนั่งข้างถังซี และโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ ถังซีมองอาหก อาหกสบตาเธอ แล้วหันไปมองผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก่อนกล่าวแนะนำตัว “ผม ลู่เจิ้นถิง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของเอ็มไพร์กรุป”

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว ถังเหายืนตัวแข็งทื่อราวกับโดนสายฟ้าผ่าลงมาอย่างไม่รู้ตัว ถังเจี๋ยเหรินก็นิ่งขึงอย่างตกตะลึง นี่มันผู้ชายที่มีเรื่องกันเมื่อตอนเช้านี่…

 

 

“ไร้สาระ! แกมันก็แค่สุนัขรับใช้ของถังซี! แกเป็นบอดีการ์ดของเธอ! คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อแก!” หลังจากนิ่งไปหนึ่งอึดใจ ถังเหาก็จ้องอาหกเขม็ง และร้องตะโกนว่า “แกออกไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”

 

 

อาหกไม่ได้สนใจแม้แต่จะมองถังเหา เขาหันไปทางถังเจี๋ยเหริน กล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “ผมเชื่อว่าเราได้พบกันแล้วเมื่อเช้านี้ แต่ผมบอกหรือครับว่าผมเป็นบอดีการ์ดของคุณถังซี”

 

 

ถังซีอมยิ้มขณะชมการแสดงของอาหก เธอกล่าวขึ้นว่า “ที่แท้คุณก็คือคุณ ลู่เจิ้นถิง ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือฉัน คุณลู่ ไม่อย่างนั้นฉันอาจได้รับบาดเจ็บเพราะใครบางคน”

 

 

อาหกยิ้มให้ถังซี “ผมทำแบบนั้นเพราะเกรงว่าเขาจะล้มมาโดนผม เขาดูเหมือนคนสติไม่ดี ไม่คิดเลยว่าจะได้ช่วยเหลือประธานถังโดยบังเอิญ”

 

 

ถังซีก้มศีรษะให้พร้อมด้วยรอยยิ้ม เมื่อถังเจี๋ยเหรินเห็นคนทั้งสองพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม ก็รีบขัดจังหวะโดยกล่าวว่า “คุณลู่ ผมคิดว่าคงมีบางอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดระหว่างเรา ผมต้องขอโทษด้วย ตอนนี้เราจะลงคะแนนเสียงกันได้หรือยังครับ”

 

 

อาหกมองดูสีหน้ากระตือรือร้นของเขา ดวงตาอาหกฉายแววดูหมิ่นขึ้นแวบหนึ่ง แต่ยังคงยิ้มและถามว่า “แล้วพวกคุณโหวตกันหรือยังครับ”

 

 

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ เรามีหุ้นยี่สิบสามเปอร์เซ็นต์ที่ไม่เห็นด้วยกับการปลดฉัน และสิบเจ็ด เปอร์เซ็นต์สนับสนุนให้ปลด” ถังซีมองสบตาอาหกด้วยรอยยิ้ม กล่าวเรียบๆ ว่า “เพราะฉะนั้นยังเหลืออีกยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

 

 

อาหกพยักหน้า มองตอบเธอ “เอาละครับ ผมเข้าใจแล้ว”

 

 

“ใช่แล้ว!” ถังเจี๋ยเหรินรีบขัดขึ้น แล้วกล่าวกับอาหกว่า “คุณลู่ เราตัดสินใจกันแล้วเมื่อคืนนี้ไม่ใช่หรือ ตอนนี้คุณก็โหวตตามที่เราตกลงกันไว้เมื่อคืนได้เลย!”

 

 

อาหกเลิกคิ้ว “เราตัดสินใจกันแล้วเมื่อคืนเหรอครับ เราตัดสินใจว่ายังไงเหรอ”

 

 

ถังเจี๋ยเหรินแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อรู้สึกได้ว่าอาหกกำลังจะย้ายข้าง อาหกกล่าวต่อไป “คุณอยากให้ผมสนับสนุนฝ่ายคุณหรือครับ ผู้อำนวยการถัง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ทำให้ผมไม่พอใจมาก ดังนั้นตอนนี้ผมจึงไม่ต้องการสนับสนุนคุณอีกต่อไป!”

 

 

แล้วอาหกก็ยิ้ม “แต่ผมก็ไม่อยากผิดคำพูด ดังนั้นผมจะไม่เปลี่ยนข้างไปสนับสนุนคนอื่น…