บทที่ 374 อย่าหาว่าผมไม่ให้โอกาส

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“พี่เฮย?”

“เจ้าสาม?”

“พวกพี่สองคนกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?”

เสียงที่เกิดขึ้นในชั้นเฟิร์สคลาสได้ดึงดูดความสนใจของพรรคพวกที่อยู่ข้างนอกเข้า

เย่เทียนรู้สึกใจหาย หันมองเซ่เจียที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดเตือนเบาๆ ว่า “กรี๊ด!”

“หืม?!” สีหน้าของเซ่เจียเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เธอไม่สามารถคิดตามได้ในทันที

พรึ่บ!

เธอกัดฟันแล้วนั่งลง เย่เทียนได้ยื่นมือไปดึงเสื้อตรงไหล่ของเซ่เจียที่เพิ่งถูกดึงขึ้นมาออก

แต่สิ่งที่แตกต่างกับพี่เฮยก็คือ เย่เทียนใช้แรงมากกว่า การกระทำในครั้งนี้ทำให้เสื้อของเซ่เจียหลุดไปกว่าครึ่ง อย่าว่าแต่ไหล่เลย แม้แต่ยกทรงลายลูกไม้ก็ยังถูกเผยออกมา

“กรี๊ด! นี่แกคิดจะทำอะไร!”

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหัน มันก็ทำให้สีหน้าที่เย็นชาของเซ่เจียเปลี่ยนไปทันที กรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ สายตาที่เป็นประกายได้ฉายแววตื่นตระหนกออกมา และถอยหลังไปชนกำแพงที่อยู่ด้านหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“ฮ่าๆ เธอคิดว่าเราคิดจะทำอะไรหล่ะ?”

เย่เทียนกดเสียงให้แหบซ่านแล้วหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ท่าทางที่แสดงออกมาเหมือนกับหมาป่าที่กำลังไล่จับหนูน้อยหมวกแดงไม่มีผิด

“กะ แกอย่าเข้ามานะ! ถ้ายังเข้ามาอีกฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

เซ่เจียตกใจจนตัวสั่น พอเห็นว่าเย่เทียนกำลังจะลงมือจริงๆ ความหนักแน่นที่แสดงออกมาก่อนหน้าก็หายไปจนหมดแทนด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

นี่เพิ่งหนีจากปากเสือมาได้แท้ๆ กลับต้องมาเจอกับรังของหมาป่าซะได้ หัวใจของเธอได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อย

ไม่ว่าเธอจะอยู่ในฐานะแบบไหน สรุปสุดท้ายเธอก็ยังเป็นผู้หญิง พอนึกถึงความอัปยศที่ต้องพบเจอ ถ้าเธอไม่มีการตอบสนองอะไรเลยนี่สิแปลก

เย่เทียนส่ายหน้าด้วยความรำคาญ เย่เทียนทำปากจู๋ไปทางห้องโดยสารชั้นประหยัด จากนั้นก็ชี้ไปยังไอ้ดวงซวยสองคนที่นอนหมดลมอยู่บนพื้น

เซ่เจียที่สังเกตเห็นการส่งสัญญาณของเย่เทียนก็เข้าใจขึ้นมา และให้ความร่วมมือโดยการกรีดร้องออกมา การแสดงที่เวอร์วังนั่นทำให้เย่เทียนเกือบยกนิ้วโป้งให้เลยทีเดียว

สมแล้วที่เป็นดาราสาวที่เคยได้รับรางวัล ฝีมือการแสดงนี้ใช่ว่าจะได้มาด้วยความโม้!

“เชื่อ! พี่เฮย พี่กับเจ้าสามคงไม่ได้คิดจะคุยกับดาราดังเซ่อยู่ในนั้นใช่มั้ย? รสนิยมของพวกพี่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”

เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงที่ดังอยู่นอกผ้าม่านนั้นไม่ได้ระแวงแล้ว เสียงฝีเท้าที่ไม่หละหลวมค่อยๆ ใกล้เข้ามา

เสียงหนึ่งหนักอึ้ง อีกเสียงก็แผ่วเบา คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างแน่นอน

“มีสองคน คนหนึ่งหนักประมาณร้อยแปดสิบปอนด์ ส่วนอีกคนก็ประมาณร้อยห้าสิบปอนด์ คิดว่าน่าจะมีอาวุธอยู่ในมือทั้งคู่”

คัมภีร์หวงในตัวเย่เทียนค่อยไหลเวียน ชี่ทิพย์อันมหาศาลอัดแน่นอยู่ที่ตา ราวกับสามารถมองทะลุผ้าม่านและเห็นสิ่งที่อยู่ในห้องชั้นประหยัดได้อย่างชัดเจน

สิ่งที่มองเห็นตอนนี้มันต่างจากก่อนหน้า ถ้าจะถูกให้ถูกคือเย่เทียนไม่ได้มองเห็นด้วยตา แต่เป็นชี่ทิพย์ที่แตกตัวอยู่ระหว่างฟ้าดินต่างหากที่มองเห็น

ถ้านักบู๊คนอื่นเห็นแบบนี้เข้า ก็คงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่า ผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า!

ถูกต้อง คนที่สามารถนำชี่ทิพย์ของฟ้าดินที่ไม่มีเจ้าของมาใช้อย่างตามใจนั้น ก็คือจุดเด่นของผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าเลย

แต่ เย่เทียนนั้นแตกต่างไปจากนักบู๊ทั่วไป ทางที่เขาเดินนั้นเป็นเส้นทางของการฝึกบู๊

นักบู๊ระดับดินทั่วไปต้องเป็นนักระดับดินชั่นต่ำจึงจะสามารถเจียระไนและเข้าใจถึงการเคลื่อนย้ายชี่ทิพย์ที่แตกตัวอยู่ระหว่างฟ้าดินได้ แต่เย่เทียนที่สามารถกดดันแดนฝึกพลังชั้นหกทั้งหมดของระดับดินได้ทั้งหมด

แน่นอนว่าส่ิงสำคัญคือ ชาติก่อนเย่เทียนแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า ตอนนี้พอมาติดต่อกันมันก็ง่ายขึ้นเยอะ

แต่ที่น่าเสียดายคือ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะสามารถควบคุมได้แล้วจริงๆ แต่ด้วยปัญหาเรื่องความแข็งแกร่ง จึงไม่สามารถควบคุมมันให้โจมตีได้ ทำได้เอามาซัพพอร์ตบ้างก็เท่านั้น

ไม่ว่ายังไง นอกจากเย่เทียนจะ ‘เห็น’ สองคนที่กำลังเดินมาที่ชั้นเฟิร์สคลาสแล้ว ยังมีอีกสามคนที่ใช้ปืนควบคุมระเบียบอยู่ในห้องชั้นประหยัด

“แค่คนเจ็ดคนก็กล้าเล่นอะไรที่มันอันตรายขนาดนี้แล้วเหรอ?”

เย่เทียนยักคิ้วเบาๆ สายตาที่โหดเหี้ยมได้กวาดมองไปยังกลุ่มตัวประกันที่อยู่ในห้องชั้นประหยัด สายตาหยุดชะงัก ยิ้มอย่างได้ใจออกมาที่มุมปาก และได้เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาพอสมควร

ในแผ่นดินของประเทศจีนนี้ การจะก่อเหตุแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่จุดคัดกรองก็ไม่รู้ว่าดักคนไปตั้งเท่าไหร่แล้ว

ถ้าต้องการพกอาวุธขึ้นมาบนเครื่อง ความเป็นไปได้ไม่ต่างอะไรกับการซื้อหวย และอาจจะยากกว่าด้วยซ้ำ

ถ้าอย่างนั้น ก็มีความเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียว นั่นก็คือสายการบินนี้ต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน!

การที่คนแค่เจ็ดคนมาควบคุมผู้โดยสารที่มีไม่ต่ำกว่าสองร้อยนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แถมยังปล่อยให้เพื่อนที่น้อยอยู่แล้วเดินเข้ามาในชั้นเฟิร์สคลาสอย่างตามใจชอบด้วยเนี่ยนะ?

คาดว่า ในบรรดาผู้โดยสารสองร้อยกว่าคนนั้น น่าจะมีพวกมันอยู่ด้วยล่ะมั้ง?!

พอคิดได้แบบนั้นเย่เทียนก็มีแผนในใจขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ได้ว่าสองคนนั้นกำลังจะมาถึงชั้นเฟิร์สคลาสแล้ว เขาจึงย่างเท้าอย่างระมัดระวัง ภายใต้การเคลื่อนไหวที่ไร้ซุ่มเสียง เย่เทียนก็ไปถึงที่ผ้าม่านแล้ว ทันใดนั้น ภายใต้สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อของเซ่เจีย เย่เทียนก็ยื่นมือออกไปอย่างกะทันหัน

“พี่เฮย…..”

ความจริงสิ่งที่เข้ามาในชั้นเฟิร์สคลาสก่อนก็เป็นเพียงปลอกเก็บเสียงที่เย็นเฉียบเท่านั้น

แต่พอเปิดม่านออกเพียงแค่นิดเดียว มันก็มากพอให้ชายที่ถือปืนสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชั้นเฟิร์สคลาสได้แล้ว

พรรคพวกสองคนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ดาราคนสวยที่อ้าปากกว้าง

สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที พอจะตะโกนออกมา แต่เขากลับไม่มีโอกาสได้ทำอีกเลย!

มือใหญ่ๆ ที่แข็งราวกับคีมเหล็กได้บีบไปที่คอของเขาอย่างแรง ระหว่างเสียงแคร้กที่ดังขึ้นเบาๆ เย่เทียนก็ส่งเขาไปเล่นไพ่กับเพื่อนสองคนที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว

ปั้ง!

เสียงปืนที่แสบหูก็ยังดังขึ้นอยู่ดี กระสุนได้สร้างรูกลมๆ ไว้บนผ้าม่านแล้วพุ่งใส่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องชั้นประหยัด แต่ก็ไม่โดนใครทั้งนั้น!

ซิ่ว!

วินาทีต่อมา สายลมที่รุนแรงพุ่งออกจากรูกระสุน ทำเอาคนถือปืนที่อยู่ข้างนอกตกใจจนยิงปืนอย่างต่อเนื่อง

ปั้งปั้ง!

ยิ่งปืนออกมาสามนัดติดต่อกัน แต่ก็ไม่เข้าเป้าสักนัดเหมือนเดิม

“ไอ้หนู อยู่ซ้ายมือของแก!”

สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้ดึงดูดสายตาของคนในห้องชั้นประหยัดตั้งนานแล้ว หนึ่งในพวกนั้นได้คำรามออกมาเบาๆ ยกมือแล้วเล็งปืนไปที่เย่เทียน

พอเห็นเย่เทียนใกล้จะถูกยิงแล้ว ผู้โดยสารไม่น้อยที่อยู่ตรงนั้นจินตนาการว่าจะได้เห็นเลือดสดๆ แล้ว แววตาที่ทนไม่ไหวก็ได้ปรากฏออกมา

แต่ ในช่วงน่าส่ิวน่าขวานนั้นเอง เย่เทียนก็ยื่นมือออกไปดึงอย่างกะทันหัน ดึงโจรที่ชื่อไอ้หนูคนนั้นเข้ามาตรงหน้า

พุบ!

เสียงปืนที่อึดอัดดังขึ้น แล้วตรงอกของไอ้หนูก็ได้มีรูเลือดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรู

“แกนี่เเม่ง…”

ไอ้หนูก้มลงไปมองเลือดที่ไหลออกจากรูไม่ยอมหยุด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองไปยังเพื่อนที่ลั่นไกอีกครั้ง

แต่น่าเสียดาย ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เย่เทียนก็ได้ชกไปที่ตำแหน่งหัวใจจากทางด้านหลัง แรงกระแทกอันมหาศาลได้บดขยี้หัวใจของเขาไปในพริบตา ทำให้เขานอนปวกเปียกลงพื้น ตายคาที่ไปเลย!

“อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสพวกนาย ถ้าพวกนายวางอาวุธแล้วยอมมอบตัวซะ ฉันจะยอมไว้ชีวิตหมาๆ ของพวกนายสักครั้ง!”

เย่เทียนเลียริมฝีปากแห้งกรังอย่างชั่วร้าย แล้วเดินไปหาสามคนที่อยู่ในห้องชั้นประหยัดอย่างไม่ลังเล……