บทที่ 310 ฉันจะไม่รบกวนคุณอีก

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เธอตัวแข็งทื่อ เขากำลังรังเกียจเธอที่รบกวนพวกเขาหรอ?

“ขอโทษค่ะ” สีหน้าเชอร์รีนเจื่อนๆ เธอก็วางไอศกรีมชาเขียวลงบนโต๊ะ

หญิงสาวหยิบไอศกรีมขึ้นมาอย่างมีความสุข ดวงตาหรี่โค้งยิ้มราวกับพระจันทร์เสี้ยว “ขอบคุณค่ะพี่เชอร์รีน พี่ออกัสคะ ทำไมพี่ถึงต้องลำบากพี่เชอร์รีนให้ไปซื้อด้วย พรุ่งนี้ฉันค่อยกินไอศกรีมก็ได้”

ริมฝีปากบางของออกัสโค้งขึ้นไม่มากไม่น้อย ยังคงเย็นชา

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ซารางไม่เป็นคนกินไอศกรีม…

“ขอโทษนะ ซารางอยู่ห้องไหน?” สุดท้ายคำพูดของเธอก็เต็มไปด้วยความสุภาพ

“ห้องผม…” เขาเลิกคิ้วขึ้นตอบเธอ

“ขอบคุณ”

เมื่อเดินไปถึงห้อง เธอเอนหลังพิงประตู จมูกเริ่มแสบ มือที่ห้อยอยู่ด้านข้างกำแน่น ผ่านไปนานเธอก็ค่อยๆอุ้มซารางที่นอนอยู่บนเตียงอย่างระมัดระวัง

ถ้าหากบอกว่าคำพูดเมื่อตอนเที่ยงไม่ทำให้เธอยอมแพ้ คำพูดเมื่อกี้และไอศกรีมนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอยอมแพ้

บางทีก็คงเป็นอย่างที่เขาพูดไว้ ไม่มีใครยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอใครสักคนตลอดไป

เขาปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพ ห่างเหิน ราวกับเป็นแขกคนหนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะส่งซารางกลับบ้านแทนที่จะให้เธอมารับเอง

สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว…

เธอเดินออกจากห้องด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ทั้งสองคนกระซิบอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ขอโทษด้วยที่วันนี้ซารางทำให้ต้องคุณลำบาก”

“ไม่ลำบากเลยค่ะ ซารางน่ารักมากเหมือนถั่วพิสตาชิโอ พี่เชอร์รีนคะดึกมากแล้ว ให้พี่ออกัสส่งพี่กลับเถอะค่ะ” หญิงสาวกำลังกินไอศกรีม

ออกัสกวาดมองหญิงสาวเบาๆ ริมฝีปากบางขยับพ่นคำพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “วุ่นวาย…”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมา ราตรีสวัสดิ์” เชอร์รีนเดินออกจากห้อง วางซารางไว้บนไหล่ของเธอ

ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลง เธอพิงกำแพง บอกตัวเองในใจว่า แค่นี้แหละ พอแค่นี้ละกัน…

ออกัสยืนอยู่ริมหน้าต่างมองดูร่างนั้นจนลับตาไป

วันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่ เชอร์รีนไม่มาที่คอนโดหรือไปที่บริษัทอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือข้อความก็ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว

คิ้วที่หล่อเหลาของออกัสขมวดกันแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ที่ค่อยๆดิ่งลงอีกครั้ง แย่จนถึงที่สุด

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเชอร์รีนยุ่งมาก ยุ่งจนเธอปลีกตัวออกมาไม่ได้ สามารถพูดได้ว่าเธอทำให้ตัวเองยุ่งมากๆ

มีเพียงความวุ่นวายทางร่างกายเท่านั้นที่จะหันเหความสนใจจากความเจ็บปวดทางใจได้ ไม่มีเวลา ก็ไม่ว่างให้ไปคิดถึงเรื่องเหล่านั้น

เธอผลักเขาออกไปด้วยมือของเธอเอง จากนั้นเขาก็มีผู้หญิงที่รักคนอื่นแล้ว พวกนี้เป็นเรื่องปกติ ความเจ็บ ความปวด เดี๋ยวมันก็ผ่านไป…

กนกอรอยู่บ้านเลี้ยงซาราง เมื่อเห็นสภาพจิตใจของเชอร์รีนในหลายวันมานี้ก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถอนหายใจเบาๆ เริ่มเตรียมอาหารเย็น

คืนนี้มีเรียนด้วยตัวเอง ดังนั้นถึงสามทุ่มถึงเพิ่งจะเลิกงาน ส่วนกลางวันก็ไม่มีเวลา ดังนั้นจึงนัดดลธีมาตอนเย็น

หลังเลิกงานเธอยุ่งอยู่กับการขับรถกลับบ้าน พอเธอกลับถึงบ้าน ดลธีก็มาถึงแล้ว กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร

“เลิกงานแล้ว ล้างมือแล้วกินข้าวเถอะ คุณหมอดลธีมารอนานมากแล้ว”

หลังจากกล่าวทักทาย เธอไปห้องน้ำเพื่อล้างมือ ขณะที่เธอออกมา ก็มีคนมาเพิ่มอีกคนคือ อันนา

เธอตะลึงเล็กน้อย ขมวดคิ้ว แม้ว่าไม่อยากเห็นหน้า แต่ก็เป็นแขก ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ให้เข้ามา

คนไม่กี่คนบนโต๊ะอาหารพูดคุยกันอย่างมีความสุข บรรยากาศก็กลมกลืนกันมาก ดลธียังพูดถึงรัดเกล้า

เชอร์รีนประหลาดใจ “คุณรู้จักรัดเกล้าด้วยหรอ? เขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษรับผิดชอบสอนชั้นเรียนเดียวกับฉัน แต่เขาทำเพียงสองวันก็ลาออกไป”

“เขาเป็นคนจีนโพ้นทะเล เมื่อก่อนตอนเรียนที่อเมริกาเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกับผม เมื่อไม่นานมานี้พ่อเสียชีวิตกะทันหัน จู่ๆแม่ก็ป่วยหนัก เขาเลยรีบกลับอเมริกา กลับมาถึงเมืองSก็เพื่อผู้หญิง”

“หยาดฝนเหรอ?”

“ใช่”

เธอพยักหน้า ไม่คิดว่ารัดเกล้าจะเป็นคนคลั่งรัก ทั้งคู่เคยเจอกันเพียงห้าหกครั้งเท่านั้น แต่ก็รู้สึกดีทีเดียว

หลังอาหารเย็นดลธีและกนกอรไปที่ห้อง ในขณะที่เชอร์รีนและอันนานั่งในห้องนั่งเล่น มีผลไม้วางอยู่ตรงหน้า

“มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?” ท่าทีของเชอร์รีนสุภาพและเป็นมิตร ยังไงซะหญิงสาวก็ไม่ได้ทำอะไรผิด

“พี่เชอร์รีนเกลียดฉันใช่ไหมคะ?”

“ไม่มีอะไร และฉันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเกลียดเธอ”

หญิงสาวยิ้มและพูดว่า “ฉันเพิ่งกลับมาจากมหาลัย พี่ออกัสบอกว่าเสื้อผ้าของซารางตกค้างอยู่ที่คอนโด ให้พี่เชอร์รีนไปเอาหน่อย”

เชอร์รีนพยักหน้าบ่งบอกว่ารับรู้ “อีกสักครู่ฉันจะไปพร้อมส่งเธอ”

“ไม่รบกวนพี่เชอร์รีนแล้วค่ะ ฉันต้องกลับไปมหาลัย คืนนี้นอนที่มหาลัย”

ตอนนั้นเองดลธีที่เพิ่งจะตรวจอาการป่วยเสร็จก็เดินออกมา พลางหยิบเสื้อคลุมออกจากราวแขวนเสื้อ “เรียนอยู่มหาลัยไหน?”

หญิงสาวพูดชื่อมหาลัย ดลธียกคางขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทรงพีชหรี่ลงเล็กน้อย “ผมผ่านทางนั้นพอดี ผมไปส่งคุณที่นั่นเอง”

“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวแดงเล็กน้อยด้วยความเขิน ดวงตาที่หลบตาแอบมองดูดลธี

ทั้งสามคนเดินออกจากห้องด้วยกัน แล้วแยกออกเป็นสองกลุ่ม เชอร์รีนไปทางขวา ดลธีและหญิงสาวไปทางซ้าย

เธอยืนอยู่หน้าคอนโด เธอไม่ได้ป้อนรหัสผ่าน แต่ยกมือกดกริ่ง กริ่งส่งเสียง แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู เธอจึงยังคงกดกริ่ง

กริ่งประตูดังขึ้นออกัสรู้ว่าเป็นเธอ แต่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

เธอไม่คิดจะเปิดประตูเอง เธอกดกริ่งที่ประตูครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาผ่านไปนานกว่าเขาจะลุกขึ้นเปิดประตู เป็นใบหน้าเขาจริงๆ

“ขอโทษนะ เสื้อของซารางอยู่ที่ไหน?”

ออกัสสวมกางเกงสแล็กสีขาว มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มองเธออย่างเย็นชา

เชอร์รีนมองไปที่เขาไม่พูดอะไรและไม่สนใจเขาด้วย เธอไปที่ห้อง เสื้อกันหนาววางอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ตามที่คาดไว้ เธอก็หยิบมันขึ้นมา

“รบกวนแล้ว” เธอพยักหน้าอย่างสุภาพและห่างเหิน เตรียมจะจากไป

“คุณเชอร์รีน คุณกำลังรบกวนชีวิตผมอยู่ โปรดอยู่ในอาณาเขตของคุณอย่างเงียบๆ อย่าข้ามเส้นมา” คำพูดของเขารวดเร็ว เย็นชา ปนโกรธ

เธอรู้สึกราวกับว่ามีถังน้ำเทลงมาจากหัว ทำให้เท้าเย็นไปด้วย เธอสูดจมูกหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณออกัส จากนี้ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก และจะไม่รบกวนชีวิตคุณอีก จะไม่มีทางข้ามเข้าไปในเขตของคุณออกัสอีกแล้ว ฉันสัญญา เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันทำผิดไปแล้ว ต้องขอโทษด้วย”

เดิมทีเขายังคงโกรธ แต่ทันทีที่เธอพูดคำเหล่านี้ออกมา ออกัสก็เหมือนถูกพายุลูกเห็บถล่มใส่หน้ายับ ใบหน้ามืดลง เสียงที่เย็นชาของเขาแทบจะลอดไรฟันออกมา “คุณเข้าใจวัตถุประสงค์ของคนอื่นง่ายจริงๆ…”

“ฉันต้องไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะคุณออกัส ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณอีก” เธอกำลังจะจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

เปลวเพลิงทั่วร่างที่ถูกเธอจุดลุกลามอย่างง่ายดาย ออกัสพูดติดกันสามครั้ง “ดีๆๆ!”

สมควรตายจริงๆ!

ตอนนี้เธอกำลังใช้คำพูดเขามาอุดปากเขางั้นหรอ?