บทที่ 644 โม่หินบดเลือดเนื้อ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 644 โม่หินบดเลือดเนื้อ!
ข้าเคยตรวจดูตรงนั้นแล้ว! อสูรเขี้ยวดาราเริ่มเข้ามาใกล้ ปล่อยอุณหภูมิร้อนระอุปกคลุมทั่วบริเวณ มองจากไกลๆ เห็นเป็นเหมือนลูกไฟที่พร้อมเผาทุกอย่างที่ขวางทางให้เป็นจุณ

หวังเป่าเล่อต้องถอยกลับพลางครุ่นคิดอย่างหนัก เขาจำได้ว่าเคยไปยังทิศทางที่อสูรเดินมาแล้ว ตรวจอยู่นานแต่ก็ไม่พบอะไร ซึ่งก็หมายความว่าตนยังไปได้ไม่ไกลพอ หรือ…แท่นสังเวยอาจจะไม่ได้พบเจอได้โดยการมุ่งหน้าตามหาในทิศทางเดียว!

หากเป็นตามเหตุผลแรก ชายหนุ่มสามารถลองตรวจดูอีกรอบได้ แต่ถ้าเป็นเหตุผลหลัง เขาคงไม่สามารถยอมเสี่ยงได้เพราะจะมีเพียงทางเดียวที่จะสามารถตามหาแท่นสังเวยได้!

ต้องขึ้นไปเดินบนท่อนไม้ นี่เป็นทางเดียว…ที่จะช่วยไม่ให้หลงทาง ไม่ว่าแท่นสังเวยจะอยู่ตรงไหน ถ้าเดินตามท่อนไม้ไปต้อเจอแน่! หวังเป่าเล่อหรี่ตา ความคิดแล่นเข้าหัวไม่หยุด ไอร้อนระอุจากอสูรเขี้ยวดาราทำให้เขาเข้าไปใกล้ได้ยาก มีโอกาสน้อยมากที่จะขึ้นไปบนท่อนไม้ได้

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย… ชายหนุ่มมองอสูรเขี้ยวดาราเดินห่างออกไปไกล หลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็หยิบเอาแก่นในอสูรเขี้ยวดาราจากกระเป๋าคลังเวทขึ้นมาแนบไว้ตรงอก จากนั้นก็พยายามเข้าไปใกล้อสูรเบื้องหน้า แม้อุณหภูมิจะสูงจนเกินต้าน แต่ก็มาจากแหล่งพลังเดียวกับแก่นในอสูรเขี้ยวดาราในมือ ไม่นานก็พบว่าแก่นในอสูรสามารถชวนกันความร้อนได้ส่วนหนึ่ง

หวังเป่าเล่อใจชื้นขึ้น ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น เขาเร่งความเร็วขึ้นโดยไม่ลังเล พุ่งทะยานตรงไปพร้อมกับแก่นในอสูรเขี้ยวดาราในมือ!

คลื่นไอร้อนระอุพัดกระทบร่างกายขณะเข้าไปใกล้ แก่นในอสูรเขี้ยวดาราปล่อยพลังเกราะป้องกันห่อหุ้มชายหนุ่มไว้ หวังเป่าเล่อเร่งความเร็ว พุ่งตรงไปหาอสูรเขี้ยวดาราอย่างรวดเร็วจนเห็นเหมือนเป็นเส้นสายรุ้ง

เส้นผมเริ่มลุกไหม้เมื่อเข้าไปใกล้ในระยะสามร้อยเมตร ร่างกายเริ่มแห้งเหี่ยวเหมือนไม่มีน้ำสักหยดอยู่ภายใน น้ำในกายเหือดแห้งอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตราย เขาตระหนักว่าแค่การป้องกันจากแก่นในอสูรเขี้ยวดารานั้นไม่เพียงพอ หากเข้าไปใกล้กว่านี้ ร่างกายและวิญญาณคงจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

ข้ายังมีอีกอัน! หวังเป่าเล่อหยิบเอาแก่นในอสูรเขี้ยวดาราอีกอันออกมาแนบอก รุดหน้าเข้าไปในระยะสามร้อยเมตรด้วยความช่วยเหลือจากแก่นในอสูรในทั้งสองชิ้น ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าอสูรเขี้ยวดาราที่ลุกไหม้ร้อนแรงเหมือนดวงอาทิตย์

สัญญาณอันตรายดังขึ้นอีกครั้งในหัว ความกลัวส่งหัวใจให้เต้นร่ำ ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกใดอื่นนอกจากขึ้นท่อนไม้ไป มีอีกทางคือรอจนกว่าอสูรตนใหม่จะโผล่มา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าลองเสี่ยงกับอสูรเขี้ยวดาราน่าจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่าเพราะมีแก่นในอสูรสองชิ้นคอยช่วย

ลองเสี่ยงดู! ชายหนุ่มเม้นปากแน่นก่อนจะหยิบเอาศพอสูรเขี้ยวดาราสองตนจากกระเป๋าคลังเวทออกมาไว้เบื้องหน้า จากนั้นก็ทะยานตรงไปหาอสูรเขี้ยวดารา ฟากฟ้าสั่นไหวเมื่อไอร้อนหลอมละลายพุ่งขึ้นสูง หลังจากงัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้ หวังเป่าเล่อก็ขึ้นไปบนตัวอสูรเขี้ยวดาราได้

หัวใจสูบฉีดรุนแรงเมื่ออสูรเบื้องล่างสะบัดไปมา แต่เขาก็ไม่ได้ชะลอความเร็วลงแม้แต่ร้อย รีบทะยานข้ามหลังอสูร ไม่สนใจไอความร้อนลุกไหม้รุนแรงจนต้องปล่อยพลังเกราะจักรพรรดิลักอัคคีเต็มขั้น พลังปราณเริ่มปั่นป่วน ชายหนุ่มเรียกอาวุธเวทหลายชิ้นออกมาช่วยซื้อเวลาเพิ่ม ในที่สุดก็ลงเหยียบบนโซ่ที่ตรึงอสูรกับท่อนไม้เบื้องหน้าได้สำเร็จ!

โซ่นั้นกว้างใหญ่เหมือนกับสะพาน หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัวทันทีที่ลงเหยียบ สัญญาณอันตรายดังขึ้นในหัว ภัยอันตรายร้ายแรงก่อตัวขึ้นเหมือนกับคลื่นยักษ์พร้อมกลืนกินชาหนุ่ม ภัยร้ายถึงตายห้อมล้อมรอบด้าน เขาไม่หยุดคิด รีบเรียกเปลวไฟสีดำออกมาและส่งเข้าไปในลูกประคำดาวห้าแฉกของวิชาพันชีวิต!

ครั้งนี้ เจ้าไม่ได้เข้าไปเพื่อเรียนรู้วิชาแต่เพื่อใช้งาน!

ลูกประคำดาวห้าแฉกระเบิดแสงเป็นประกาย ตัวอักขระพลันปรากฏขึ้น เข้าห้อมล้อมชายหนุ่มก่อนจะพุ่งตรงเข้าร่างกาย หายวับไป

หวังเป่าเล่อสัมผัสไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เว้นเสียแต่ความอบอุ่นภายในที่เหมือนจะมาจากส่วนลึกของกระดูกและดวงวิญญาณ เหมือนกับมีพลังบางอย่างคอยคุ้มกันอยู่

แค่นี้เองหรือ ชายหนุ่มแปลกใจ แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เขากัดฟันแน่นขณะความอบอุ่นในร่างเริ่มอยู่ตัว จากนั้นก็พุ่งไปบนโซ่ อสูรเขี้ยวดาราที่เดินมุ่งหน้าไม่หยุดส่งผลให้โซ่สั่นไหวรุนแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้หวังเป่าเล่อช้าลงแต่อย่างใด เขาพบว่าทุกครั้งที่เหยียบโซ่ จะมีภาพปรากฏขึ้นรอบๆ

ภาพมากมายที่ปรากฏขึ้นเป็นรูปกระบี่ เหมือนจะไม่เป็นอันตรายอะไรถ้าไม่เหยียบมันเข้าโดยตรง ที่น่าแปลกคือร่างกายของเขาเหมือนจะรู้ว่าควรวางเท้าลงตำแหน่งใด ทำให้ถึงจะวิ่งเร็วอย่างไร ชายหนุ่มก็ไม่เคยเหยียบโดนรูปเหล่านี้เลย…

ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อก็เห็นภาพกระบี่ปรากฏขึ้นตรงที่เท้ากำลังจะลงเหยียบ แต่ภาพก็พลันหายวับไปตอนที่เท้าแตะลงบนโซ่ ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

ถัดมา เขาก็ถูกล้อมไว้ด้วยภาพกระบี่มากมาย ไม่มีช่องว่างให้ลงเหยียบ อสูรเขี้ยวดาราพลันกระโดดขึ้นฟ้า หวังเป่าเล่อโดนพลังสะเทือนส่งพุ่งถลาไปไกลหลายพันเมตร ก่อนจะไปหล่นลงตรงจุดที่ปราศจากภาพกระบี่

ชายหนุ่มสั่นสะท้านไปถึงทรวง เขาพบว่าความอบอุ่นภายในค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ ระหว่างเดินทางข้ามโซ่…

ในที่สุด หวังเป่าเล่อก็เดินทางมาถึงปลายโซ่พร้อมกับที่ความอบอุ่นในกายหายวับไป เขากระโดดลงเหยียบบนท่อนไม้ใหญ่ยักษ์ แม้จะโดนลากดึงไปเร็วแค่ไหน ท่อนไม้กลับนิ่งไม่ไหวติง

ง่ายขนาดนี้เลยหรือ ชายหนุ่มมองรอบตัว ก่อนจะหันกลับไปจ้องอสูรเขี้ยวดาราที่กำลังมุ่งตรงไปข้างหน้าและซี่ที่ล่ามมันไว้กับท่อนไม้ จากนั้นก็ปล่อยหุ่นเชิดออกมาด้วยความสงสัย

ทันใดที่หุ่นเชิดเหยียบลงบนโซ่ ภาพกระบี่ก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของมัน ปราณกระบี่มหาศาลพลันล้นทะลักขึ้นฟ้า รายล้อมรอบตัว!

พลังวิญญาณระเบิดสั่นสะเทือนผืนดิน ก่อนจะเข้าห้อมล้อมบริเวณสามสิบเมตรรอบตัวหุ่นเชิด ปราณกระบี่นับหมื่นพุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวพร้อมกัน หุ่นเชิดของเขาถูกทำลายกลายเป็นฝุ่นผงในทันที…

หวังเป่าเล่อสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า หัวใจเต้นถี่รัวขณะมองลูกประคำพันชีวิต ยังจำได้ถึงความอบอุ่นเมื่อครู่ ที่สามารถข้ามมาได้อย่างราบรื่นเหนือธรรมชาติเป็นเพราะพลังเทพนี้

จะฝืนกฏธรรมชาติเกินไปแล้ว! เขาส่งเสียงตื่นตกใจ ลูกประคำเกิดรอยแตกเล็กๆ ซึ่งใช้ยืนยันการคาดเดาเมื่อครู่ได้ กำไลนี้…ใช้ได้จำกัดครั้ง จุดประสงค์จริงๆ ที่สร้างขึ้นคือเพื่อใช้ศึกษาพลังเทพที่สถิตอยู่ภายใน

แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต หวังเป่าเล่อเอานิ้วลูบรอยแตก เลิกคิดเรื่องนี้และมุ่งหน้าไปตามท่อนไม้

การเดินทางบนท่อนไม้ไม่ได้ถือว่าราบรื่นเลยเสียทีเดียว แต่อุปสรรคระหว่างทางก็ไม่ได้รับมือยากสักเท่าไหร่ ท่อนไม้เหมือนจะมีพลังรวมดวงวิญญาณ มีฝูงวิญญาณมากมายปรากกฏตัวขึ้นระหว่างทาง หากเป็นคนอื่นคงจะรับมือได้ยาก หากไม่มีวัตถุเวทที่เหมาะสมคงจะไม่สามารถรุดหน้าไปได้เลย แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วกลับเป็นเรื่องง่ายดาย

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเหล่าวิญญาณ พวกมันเป็นภัยคุกคามที่ชายหนุ่มเป็นกังวลน้อยที่สุด เขาปลดปล่อยเปลวไฟสีดำก่อนจะพุ่งตรงไปไม่หยุด รุดหน้าไปไกลขึ้นเรื่อยๆ!

เจ็ดวันผ่านไป หวังเป่าเล่อมุ่งหน้าไปตามทางไม่หยุดพัก ความเหนื่อยล้าเริ่มถาโถมเข้าสู่ร่างกาย แต่ชายหนุ่มก็รุดหน้ามาจนใกล้ถึงปลายท่อนไม้แล้ว ทันใดนั้น เสียงกัมปนาทก็ดังขึ้นจากไกลๆ

เขาหันควับไปทางต้นเสียง คอยระแวดระวังตัว ชายหนุ่มนั่งลงและหยิบโอสถออกมา จากนั้นก็เริ่มทำสมาธิ สองชั่วโมงผ่านไป เมื่อร่างกายมีสภาพพร้อมสมบูรณ์อีกครั้ง เขาก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะลุกยืนและพุ่งตัวออกไปด้านหน้าพร้อมกับประกายแสงในตา!

เสียงกัมปนาทดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าไปใกล้ จนกระทั่ง…หวังเป่าเล่อเดินไปหยุดอยู่ตรงขอบท่อนไม้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เสียงอื้ออึงระเบิดขึ้นในหัว เบื้องหน้าของชายหนุ่มคือ…แท่นสังเวย!

ที่ปลายสุดของท่อนไม้มีโม่หินขนาดมหึมา ใหญ่กว่าท่อนไม้ไปอีก!

โม่หินเบื้องหน้ามีด้ามหมุนเก้าด้ามยื่นเหยียดยาวไปไกลโพ้น หนึ่งในด้ามนั้น…คือท่อนไม้ที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่!

……………………………………..