ตอนที่ 1644

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,644 : ความภาคเพียรของเฟิ่งเทียนหวู่!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเร่งรุดเดินทางไปยังคฤหาสน์คลื่นขจี ไม่นานข่าวที่ลือกันในประเทศฝูเฟิงก็เริ่มแพร่กระจายออกมา จนสร้างความตื่นตระหนกให้พื้นที่เขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนไปกว่าครึ่ง!

 

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเวลามีไม่พอ

 

หากให้เวลาอีกสักนิด ข่าวดังกล่าวย่อมสะท้านไปทั่วทั้งเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน กระทั่งขุมพลังชั้นสูงอื่นๆนอกจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนไม่นานก็คงได้รับทราบเช่นกัน

 

นี่เพราะข่าวนี้มันเกี่ยวพันถึง 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ตราผนึกมาร!

 

เนื่องจากพลังสามารถพิเศษที่สามารถสะกดปราบมารร้ายได้ทั่วหล้า ตราผนึกมารจึงเป็นยอดศาสตราเซียนที่ได้รับความนิยมสูงนักแม้จะเป็นในบรรดา 10 ยอดศาสตราเซียนด้วยกัน

 

การปรากฏขึ้นอีกครั้งของมัน มากพอจะทำให้หลายคนคลั่งไคล้ ผู้ฝึกตนและเต๋าขอบเขตเซียนทั้งหลายล้วนสนใจกันทั้งสิ้น

 

ข่าวแรกที่แพร่ออกมาก็คือ อ๋องเฉียนได้รับตราผนึกมาร

 

แต่หลังจากนั้นกลับมีอีกข่าวแพร่ออกมาบอกว่า อ๋องเฉียนสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้วว่าไม่มีตราผนึกมาร…และคนก็มิอาจหลอกลวงอัสนีสวรรค์ได้!

 

เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนและการเผชิญหน้าในการประลองเป็นตายระหว่างเขากับหลินตงถูกเล่าออกมาเป็นฉากๆ

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นจุดสนใจอีกครั้ง

 

มากกว่า 9 ส่วนของผู้คน ล้วนคิดว่าตราผนึกมารยังอยู่ในมือต้วนหลิงเทียน!

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าต้วนหลิงเทียนอยู่ที่ไหน

 

ถึงกระนั้นก็ยากที่จะหยุดยั้งมวลชนและขุมพลังต่างๆในการเข้ามาเยือนประเทศฝูเฟิง เพราะพวกมันคิดว่านี่อาจเป็นข่าวลวง!

 

จนเมื่อพวกมันเห็นอ๋องเฉียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ากับตาพวกมันถึงจะเชื่อ!

 

ด้วยเหตุนี้อ๋องเฉียนจึงรู้สึกสลดหดหู่ใจนัก มีตัวตนอันทรงพลังแวะเวียนผ่านมาทีไร มันต้องกล่าวคำสาบานซ้ำใหม่อีกรอบ เพื่อที่จะตัดปัญหาจากการล่วงเกินอีกฝ่าย…

 

เรียกว่ามันกล่าวคำสาบานแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่อาจนับได้!

 

“เรียนองค์ชาย 4 ตอนนี้คนของตระกูลหลินมาถึงแล้วขอรับ”

 

ข้ารับใช้ที่พึ่งออกไปส่งแขกอันเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งกลับไป จำต้องกลับเข้ามารายงานอีกครั้ง

 

ส่วนผู้มาใหม่นั้นกลับเดินติดตามข้ารับใช้ดังกล่าวมาอย่างไม่แยแส ก้าวอาดๆเข้ามาในโถงประชุมอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้น!

 

เรียกว่าชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่รับส่งแขกถึงกับหน้าเสียไปทันใด มีโมโหไม่น้อย!

 

“เจ้า…พวกเจ้าทั้ง 2 ไฉนถึงได้รีบร้อนเข้ามานัก ที่นี่จวนอ๋องเฉียน พวกเจ้ากลับกล้าหยาบคายถึงเพียงนี้!!”

 

ชายวัยกลางคนที่กลับมารายงานหันไปตวาดกล่าวอย่างไม่พอใจ เรียกว่าไม่สนใจว่าทั้งคู่จะเป็นใครด้วยซ้ำ

 

อนิจจานั่นเป็นวาจาประโยคสุดท้ายในชีวิตของมัน

 

“เหอะ!”

 

เสียงสบถเย็นชาหนึ่งดังขึ้น เป็นชายชราที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวเป็นผู้ลงมือ เพียงมันยกมือขึ้นสะบัด ปรากฏกระบี่พลังมีสภาพควบรวมขึ้นจากความว่าง ก่อนที่จะพุ่งทะยานออกไป!

 

ฉัวะ!

 

พริบตาต่อมาเสียงหอนแหวกอากาศจากกระบี่พลันดังขึ้น หลุมโลหิตหลุมหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของข้ารับใช้คนดังกล่าว ร่างมันทรุดลงไปตกตายอย่างไม่ทันรู้ตัว

 

“หลิน…อาวุโสหลิน!”

 

เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นชายวัยกลางคนในชุดสีเขียว หน้าอ๋องเฉียนก็เปลี่ยนไปมหันต์ทันที เพราะมันเคยเห็นชายวัยกลางคนชุดเขียวผู้นี้มาก่อน อีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลินจ้าน !

 

ยังเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของหลินตง!

 

“จูเฉียนชิง เจ้าจักชดใช้ให้กับข้าอย่างไร? เจ้าอยากตกตายเพียงคนเดียวหรืออยากให้คนทั้งจวนอ๋องเฉียนร่วมกลบฝังไปพร้อมกันกับเจ้า?”

 

ลูกตาหลินจ้านเผยประกายเย็นเยียบกล่าวออกเสียงแข็ง เสียงยังคล้ายผุดขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็งฟังแล้วพาลให้หนาวยะเยือกจับจิตนัก

 

ถึงแม้มันจะมีบุตรชายทั้งสิ้น 3 คน และอีก 2 คนจะมีพลังฝีมือมากกว่าหลินตงก็ตาม

 

อย่างไรก็ตามหลินตงเป็นบุตรชายที่โดดเด่นที่สุดของมัน เพียงยังเยาว์ก็สามารถติดอันดับ 1 ในรายนามนภาได้แล้ว กลายเป้นสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน

 

ด้วยเหตุนี้ตอนหลินตงบอกมันว่าจะติดตามองค์ชาย 4 ของประเทศฝูเฟิง จูเฉียนชิง ไปฆ่าขอบเขตสู่เซียนคนหนึ่งที่ประเทศฝูเฟิงมันจึงไม่คิดจะห้ามแต่อย่างไร

 

เพราะในสายตาของมันภายใต้เขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนนั้น ไร้ขอบเขตสู่เซียนคนใดที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าบุตรชายของมัน

 

อย่างไรก็ตามหลังจากบุตรชายมันไปอยู่ประเทศฝูเฟิงได้ไม่กี่เดือน มันก็ได้รับทราบข่าวว่าบุตรชายของมันหลินตง เสียชีวิตแล้ว

 

พอทราบถึงเรื่องนี้มันก็เร่งุรดเดินทางมายังเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง มาหาอ๋องเฉียนทันที

 

จุดประสงค์ของมันนั้นง่ายดายนัก

 

หากอ๋องเฉียนไม่มาหาลูกมัน ลูกมันก็คงไม่ตาย!

 

“อาวุโสหลิน ข้าเองก็เศร้าเสียใจกับการตายของน้องหลินตงยิ่งนัก มิคิดเลยว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจักแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ แม้มันจะเป็นแค่สู่เซียนแต่กลับลอบจู่โจมสังหารน้องหลินตงที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนได้ในกระบี่เดียว”

 

ถึงแม้จะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้จะต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว หากแต่ใจของอ๋องเฉียนก็เป็นกังวลไม่น้อย

 

ในขณะที่อ๋องเฉียนกำลังปวดหัวกับการมาถึงของหลินจ้านบิดาหลินตง ยอดฝีมือมากมายก็เริ่มทยอยกันมาถึงเมืองหลวงประเทศฝูเฟิงแล้ว

 

และเมื่อเวลาผ่านไปยอดฝีมือทั้งหมดก็จากจวนอ๋องเฉียนไป และเบนเข็มไปที่การล่าหาตัวต้วนหลิงเทียน!

 

“ศิษย์น้อง…”

 

ป๋ายลี่หงที่อยู่ตระกูลซือถู อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลอย่างหนักในใจ

 

ในตอนแรกที่มันเห็นศิษย์น้องส่งมอบตราผนึกมารให้อีกฝ่าย มันก็ยังอดถามไปด้วยความเสียดายไม่ได้ ทว่าเป็นศิษย์น้องบอกให้มันรอชมเรื่องสนุกสนาน

 

จนกระทั่งไม่นานมานี้มันจึงเข้าใจว่าเรื่องสนุกสนานที่ว่าของศิษย์น้องคืออะไร

 

ที่แท้ศิษย์น้องมันไม่ได้ส่งตราผนึกมารไปให้อ๋องเฉียนจริงๆ สิ่งที่มันเห็นเป็นเพียงการจัดฉากหลอกลวงเท่านั้น ตราผนึกมารยังคงอยู่กับศิษย์น้องมัน

 

และพอได้รับทราบว่ายอดฝีมือผู้เข้มแข็งทั้งหลาย ต่างออกจากจวนอ๋องเฉียนเพื่อไปตามล่าหาตัวศิษย์น้องของมันทั้งสิ้น ก็ทำให้มันอดเป็นกังวลขึ้นมาเสียไม่ได้

 

ซื่อหม่าฉางเฟิง เฉินเฉ่าช่วย ฉงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็เป็นห่วงต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

 

นิกายอัคคีล่องลอย พื้นที่ต้องห้าม

 

บนภูเขาไฟลูกหนึ่ง ปรากฏธารลาวาพวยพุ่งขึ้นมาอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะพรั่งพรูกระจายเกลื่อนฟ้า ดั่งห่าพิรุณร้อนลวก ทว่าท่ามกลางห่าเพลิงหินหลอมเหลวนั้น กลับมีร่างหนึ่งก้าวเดินออกมาโดยไร้อันตรายใดๆ มองไปยังคล้ายเทพธิดาอัคคีอยู่บ้าง

 

เป็นสตรีมาในชุดคลุมจอมยุทธ์หญิงสีแดงเพลิง รูปร่างหน้าตางามพิลาศหมดจด ยามนางปรากฏกายคล้ายทำให้สรรพสิ่งโดยรอบแลดูหม่นหมองไปถนัดตา

 

“ในที่สุดก็ทะลวงผ่าน…นี่น่ะหรือขอบเขตเซียน?”

 

ในขณะที่สตรีนางนั้นกล่าวพึมพำเบาๆ พลังงานสีแดงเพลิงพลันปะทุพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของนาง ยังเปล่งกลิ่นอายร้อนลวกแทบไม่ต่างอะไรจากหินหลอมเหลวสักเพียงนิด!

 

“อย่างที่ท่านอาจารย์ว่าไว้ไม่มีผิด ทันที่ข้าบ่มเพาะพลังตามเคล็ดจนบรรลุขอบเขตเซียน ข้าสามารถทำให้ปราณแรกกำเนิดกลายเป็น ปราณอัคคีแรกกำเนิดได้…”

 

สตรีนางนั้นยังคงกล่าวรำพันต่อไป อย่างไรก็ตามไม่นานรอยยิ้มเริ่มฉีกกว้างบนใบหน้าของนาง

 

“ในที่สุดก็ได้เวลาไปหาพี่ใหญ่ต้วนเสียที…อ๊ะ ต้องไปหาท่านพ่อก่อน”

 

สตรีที่คล้ายเทพธิดาอัคคีนางนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย เฟิ่งเทียนหวู่

 

เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที้เฟิ่งเทียนหวู่ออกจากการปิดด่านฝึกฝน นางก็ได้พบกับเฟิ่งหวู่เต้าที่รอนางอยู่ที่นิกายอัคคีเรียบร้อยแล้ว

 

บิดากับบุตรสาวที่ไม่ได้พบเห็นมานาน เจอกันอีกครั้งนับว่าเป็นเรื่องสะเทือนอารมณ์ไม่น้อย

 

เพื่อที่จะได้ไปอยู่กับต้วนหลิงเทียนให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังจากใช้เวลาอยู่กับบิดาพักหนึ่ง เฟิ่งเทียนหวู่ก็กลับไปเร่งปิดด่านบ่มเพาะพลังอีกครั้ง และในที่สุดนางก็ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนได้เสียที!

 

เนื่องจากการปิดด่านบ่มเพาะ จึงทำให้นางตัดขาดจากโลกภายนอก จึงไม่ทราบเรื่องราวใดๆแม้แต่น้อย เฟิ่งหวู่เต้าเองก็บ่มเพาะพลังรอคอยนางโดยไม่รู้เรื่องราวอื่นใดเช่นกัน

 

จนกระทั่งเมื่อบิดาและบุตรพากันไปพบกับประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋น เพื่อบอกว่าต้องการไปพบต้วนหลิงเทียน จึงค่อยได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปากของสื่ออวิ๋นเอง

 

“อันดับ 1 ในรายนามนภา หลินตงท้าประลองกับพี่ใหญ่ต้วน?”

 

หลังจากได้รับทราบเรื่องนี้ เฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแทนต้วนหลิงเทียน

 

อันดับ 1 ในรายนามนภา แม้นางจะไม่เคยพบพาน แต่นางรู้ดีว่าพลังฝีมืออีกฝ่ายย่อมไม่ใช่ชั่ว หาไม่แล้วคงไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าร้ายกาจที่สุดใต้เซียนในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหานหยวน!

 

พอเฟิ่งเทียนหวู่ได้รับทราบถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียน ใช้หมื่นกระบี่รวมหนึ่ง ควบคุมกระบี่ทั้งเขตแดนให้กลายเป็นเล่มเดียวหลบหลีก หลินตง ด้วยความเร็วอันเหนือชั้น มุมปากเฟิ่งเทียนหวู่พลันมีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “ข้ามิยากจะเชื่อเลยว่าพี่ใหญ่ต้วนกลับมีพลังฝีมือสูงส่งขนาดนี้!”

 

อย่างไรก็ตามพอนางทราบว่าในห้วงเวลาคับขันหลินตงได้เลือกที่จะบ่มเพาะพลัง หมายทะลวงไปยังขอบเขตเซียน และมันก็ทำสำเร็จ ทำให้นางชักสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

 

ทว่าในขณะที่เรื่องราวคล้ายกำลังจะถึงจุดจบ อยู่ๆต้วนหลิงเทียนกลับกล่าววาจาเผยเจตนาอ๋องเฉียน ทั้งยังหยิบตราผนึกมารออกมาเพื่อดึงความสนใจของทุกผู้คน!

 

และเขาก็อาศัยจังหวะนั้น จู่โจมสังหารหลินตงในกระบี่เดียว!

 

เรียกว่ากระบี่เดียวก็ดับชีวิตหลินตงที่พึ่งทะลวงผ่านขอบเขตเซียนได้อย่างง่ายดาย!

 

“พลังของพี่ใหญ่ต้วน ร้ายกาจขนาดนี้เลยหรือ?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่รู้สึกตกใจกับพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย และนางรู้ดีว่าตราผนึกมารที่ว่าสมควรเป็นป้ายศิลามุมแหว่งที่ต้วนหลิงเทียนเคยให้นางยืมใช้

 

ก่อนหน้านี้นางยังไม่รู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของตราผนึกมาร แต่พอมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นางจึงได้รับทราบว่าตราผนึกมารคือยอดศาสตราเซียน ในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 10

 

“พี่ใหญ่ต้วนมอบตราผนึกมารให้อ๋องเฉียนจริงหรือ?”

 

พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมอบตราผนึกมารให้อ๋องเฉียน สีหน้าเฟิ่งเทียนหวู่ก็เหยเกทันที นางยังเข้าใจความรู้สึกไม่ยินยอมของเขาได้ด้วยซ้ำ

 

อย่างไรก็ตามพอนางได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนจัดฉากเรื่องราวให้เหมือนอ๋องเฉียนได้ตราผนึกมารไป นางก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน นับว่าพี่ใหญ่ต้วนของนางช่างน่าทึ่งจริงๆ

 

ทว่าสุดท้ายแล้วพอได้ยินว่ายอดฝีมืออันน่ากลัวทั้งหลายกำลังออกตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนให้ควั่ก นางก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านใจขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ท่านพ่อ ท่านอาจารย์ข้าอยากไปหาพี่ใหญ่ต้วน”

 

เฟิ่งเทียนหวู่มองเฟิ่งหวู่เต้าและสื่ออวิ๋นค่อยกล่าวออกมา

 

“เทียนหวู่ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี…”

 

สื่ออวิ๋นส่ายหัวไปมา “แต่เจ้ารู้หรือว่าพี่ใหญ่ต้วนของเจ้าเดินทางไปที่ใด การจากไปครั้งนี้เขามิได้บอกที่หมายของเขาไว้กับผู้ใดเลย…การหาตัวเขาก็มิต่างใดจากงมเข็มในกองฟาง”

 

“ท่านอาจารย์ข้าอยากลองดู”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ยังคงยืนกราน นางเป็นห่วงความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนนัก หากนางไม่ได้เห็นกับตาว่าต้วนหลิงเทียนยังอยู่ดี ใจนางก็ยากที่จะสงบลงได้

 

“เทียนหวู่ เจ้าสมควรจำที่ข้ากล่าวเอาไว้ได้ หากยังไม่บรรลุถึงเซียน ข้ามิอนุญาตให้เจ้าออกจากเขตนิกายอัคคีล่องลอย”

 

สื่ออวิ๋นกล่าวกับเฟิ่งเทียนหวู่

 

เนื่องจากเคล็ดบำเพ็ญจิตหงส์ฟ้าจรัสแสง ถึงแม้เฟิ่งเทียนหวู่จะทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนแล้ว หากแต่กลิ่นอายพลังยังคงถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิดนัก

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินวาจานี้ของสื่ออวิ๋นเฟิ่งเทียนหวู่ก็จงใจเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดในร่าง ทำให้กลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียนแผ่พุ่งออกมาทันที!