บทที่ 27-2 ช่องว่างระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดย Ink Stone_Fantasy
“ตอนนั้น!” หลี่ว์อีอวิ๋นยิ้มเยาะพลางพูดว่า “คนในหมู่บ้านนี้ รู้สึกผิดต่อครอบครัวพวกเรา จึงปรึกษากัน แบ่งพื้นที่ทั้งหมดของภูเขาใกล้ๆ นี้ให้กับพวกเรา เพื่อเป็นการชดใช้! แต่ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวพวกเรามีที่ดินเยอะขนาดนี้ ผู้หญิงมักมากอย่างคุณจะยินดีแต่งงานเข้ามาเหรอ? หัวหน้าหมู่บ้านก็ใช่ว่าจะเป็นคนดีนักหนา เอาแต่จ้องจะเอาที่ดินของพวกเราตลอด! พวกคุณสองคนแอบทำเรื่องน่าอับอาย! วันนั้น หลังจากพวกคุณมีความสุขร่วมกันแล้ว ก็ปรึกษากันว่าจะทำยังไงให้พ่อกับปู่ของฉันตาย แล้วฮุบที่ดินของครอบครัวเราน่ะ?!”
“แก แก…แกพูดเหลวไหล! ฉันไม่ได้!!” สีหน้าหลัวอ้ายอวี้ขาวซีดขึ้นมาทันที
หลี่ว์อีอวิ๋นหัวเราะเยาะพูดว่า “พ่อแยกห้องนอนกับคุณมาหลายปีแล้ว! แล้วเด็กนั่นในท้องของคุณ เป็นลูกกันแน่ คุณบอกมาสิ? ถ้าคุณไม่รีบไปทำแท้ง ผ่านไปสองเดือนก็ถูกจับได้แล้ว!”
หลัวอ้ายอวี้เอามือกุมท้องน้อยตนเองไว้อย่างเผลอตัว
หลี่ว์อีอวิ๋นพูดอย่างเดือดดาลว่า “คุณป้อนยาพิษให้คุณปู่กินทุกวัน คุณคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ ใช่ไหม? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันแอบเททิ้งตลอด คุณก็คงทำสำเร็จไปนานแล้วใช่ไหมล่ะ? ลองดูยาพวกนั้นที่คุณซ่อนไว้ใต้เตียงสิ!”
หลัวอ้ายอวี้ขนลุกเย็นวาบทันที ก่อนรีบพุ่งตัวไปที่หน้าประตูคิดจะวิ่งหนี
แต่กลับหนีไม่พ้นนายตำรวจหนุ่มสองคนที่เฝ้าประตูไว้ จึงถูกจับกลับมาอย่างง่ายดาย เธอยังคิดจะต่อสู้ขัดขืน ฟาดงวงฟาดงาอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งนายตำรวจหนุ่มทั้งสองจนปัญญา ได้แต่จับตัวคนกดแนบไปกับกำแพง
หลี่ว์อีอวิ๋นพลันแย้มยิ้ม เอียงหัวถลึงตาจ้องหลัวอ้ายอวี้อย่างดุดัน “คุณเอาแต่พูดไม่ดีเรื่องคุณย่า ฉันก็จะให้คุณลิ้มรสความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหมือนกับคุณย่าในตอนนั้น ฉันจะทำให้คุณรีบตายแล้วรีบไปเกิดใหม่ซะ!! แต่น่าเสียดาย น่าเสียดาย พลาดตอนจบไปนิดเดียวเท่านั้น!”
หลี่ว์อีอวิ๋นฝืนยิ้มพูดว่า “ฉันรอโอกาสมาโดยตลอด โอกาสเดียวที่ให้คนทั้งหมู่บ้านได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน…เรื่องเลวร้ายพวกนั้นเมื่อสี่สิบห้าปีก่อน ไม่ควรถูกปิดบังไว้แบบนี้ คนพวกนี้ไม่สมควรมีชีวิตสงบสุขแบบนี้ ในที่สุดโอกาสที่ฉันรอคอยก็มาถึง ฉันรู้ว่าหญิงแพศยาคนนี้คิดจะพัฒนาบ้านพักตากอากาศมาโดยตลอด ฉันก็เลยเสนอให้เธอหานักข่าวมาทำบทสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงเขามาก็จะมีเรื่องเขียนแล้ว! สิ่งที่เขียนไม่ใช่ทิวทัศน์ของบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ แต่เป็นความผิดเมื่อสี่สิบห้าปีก่อน! สิ่งที่เขียนคือความผิดที่คนอย่างพวกคุณเหลือทิ้งไว้! สิ่งที่เขียนคือความชั่วร้ายของหลี่ว์เฉาเซิงและซะไก ทัตสึโอะด้วย! ฉันจะให้ทั้งหมู่บ้านหลี่ว์ของพวกคุณมีชีวิตอยู่ท่ามกลางการตำหนิประณามของคนทั้งโลก ฉันจะให้ทั้งชีวิตของพวกคุณ และลูกหลานของพวกคุณ ไม่อาจสู้หน้าใครได้อีก!! พวกคุณทั้งหมดจะได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรฆ่าคน!”
เมื่อได้ยินหลี่ว์อีอวิ๋นพูดประณามและสิ่งที่เธอทำ ผู้คนต่างก็รู้สึกได้ถึงความน่าหวาดกลัวของสาวน้อยคนนี้อย่างลึกซึ้ง
ขนาดเริ่นจื่อหลิงเองก็ขนลุกไปทั้งตัว…เธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า ความแค้นแบบไหนกันแน่ถึงทำให้สาวน้อยเดินมาถึงจุดนี้ได้ ตั้งแต่เธอมาเหยียบที่นี่ครั้งแรกก็อยู่ในแผนการแก้แค้นของสาวน้อยคนนี้แล้ว
น่ากลัวเหลือเกิน
เวลานี้หลี่ว์เฉาเซิงกลับส่งเสียงร้องอย่างเวทนา ฟองสีขาวฟูมออกจากปาก พูดอย่างทุกข์ทรมานว่า “ยาต้านไวรัส…เอายาต้านไวรัสให้ผม…หลี่ว์ไห่ พี่รับปากผมจะให้ยาแก้พิษผม…พี่รับปากผม รับปากผมแล้ว ขอแค่ให้ความร่วมมือ ก็จะให้เธอเอายาต้านไวรัสออกมานี่…หลี่ว์ไห่…ช่วยผมด้วย…ผมยังไม่อยากตาย…”
หลี่ว์ไห่สิ้นหวัง เขามองหลี่ว์อีอวิ๋นอย่างเจ็บปวด พูดเสียงแหบแห้ง “อีอวิ๋น…ทำไมลูกถึงแค้นกว่าตัวพ่อเองล่ะ…”
หลี่ว์อีอวิ๋นน้ำตาไหลพราก
เธอกลับหันหน้าไปอย่างช้าๆ ถอดชุดของตนเองออก เผยให้เห็นแผ่นหลังของเธอ
เริ่มจากบ่าทั้งสองข้าง ผิวละเอียดนุ่มเกลี้ยงเกลา บ่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสาวน้อยแรกรุ่น แต่มองลงมากลับเห็นรอยแผลเป็นอัปลักษณ์น่ากลัวเต็มไปหมดราวกับใยแมงมุม
เห็นกับตาแบบนี้แล้วน่าตกใจ
หลังจากให้คนเห็นแบบนี้แล้ว หัวใจก็กระตุกวูบ
“เพราะอะไรกัน?”
หลี่ว์อีอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “พ่อคะ พ่อรู้หรือเปล่า ข้างนอกนั่น พวกที่อายุเท่ากัน พวกที่อายุมากกว่านิดหน่อย เขาทำกับหนูยังไงบ้าง?”
“พวกเขาบอกว่าหนูเป็นลูกปีศาจ พวกเขาได้ยินคนที่บ้านบอกว่าคุณย่าหนูเป็นเมียเทพเจ้าทะเล ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือปีศาจทะเล…พวกเขาบอกว่าหนูเป็นลูกของปีศาจ พ่อรู้ไหม พวกเขาจะจับหนู บอกว่าจะจับหนูถลกหนัง เพื่อดูว่าหนูเหมือนกับพวกเขาหรือเปล่า?”
ทันใดนั้นสีหน้าหลี่ว์อีอวิ๋นก็ไร้ความรู้สึก น้ำเสียงเย็นเยียบ “ตอนแรกก็ใช้มีดฟันที่แขนของหนู เห็นว่าหนูเลือดไหลเป็นสีแดง ก็บอกว่าอยากดูกระดูกของหนู ต่อมาก็ใช้ไฟลวก แล้วก็กดหัวหนูจมน้ำ”
“แต่พวกเขาก็ยังไม่สะใจ และทำรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สองคนจับเท้าหนูไว้แน่น คนหนึ่งใช้คีมงัดเล็บเท้าออกมาทีละเล็บทีละเล็บ พวกเขามีความสุขที่ได้มองดูปีศาจกรีดร้องเจ็บปวด ยังมีอีกเยอะเลยนะ พวกคุณอยากฟังต่อหรือเปล่าล่ะ…ลองฟังเรื่องที่ลูกหลานผู้บริสุทธิ์ของพวกคุณทำสิ เป็นยังไงบ้าง?”
รอยน้ำตาบนหน้าหลี่ว์อีอวิ๋นแห้งไปแล้ว เธอกลับไปสวมเสื้อผ้าอีกครั้ง
ดวงตาสาวน้อยราวกับหน้าหนาวในขั้วโลกเหนือ ในสายตาของเธอนั้น พวกวัยรุ่นได้แต่มองด้วยความหดหู่
สาวแรกรุ่นคนนี้ต้องผ่านเรื่องราวมาเท่าไรกันแน่ ถึงได้มีหัวใจเย็นชาไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดเดียวอย่างทุกวันนี้
“หนูบอกใครไม่ได้ พอหนูพูดออกมา หนูได้แต่ทนทุกข์มากกว่าเดิมเท่านั้น” หลี่ว์อีอวิ๋นยิ้มเยาะตนเองพูดว่า “หนูมันขี้ขลาด…แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงต้องโหดร้ายกับหนู? เพราะอะไรถึงมีข่าวลือแบบนี้ อ๋อ หนูรู้แล้ว นั่นก็เพราะคนในหมู่บ้านนี้ทำเพื่อให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น เพื่อไม่ให้ลูกหลานคนรุ่นหลังรู้เรื่องเลวร้ายที่ตนเองเคยทำไว้ และบิดเบือนเรื่องราวในตอนนั้นจนไม่รู้ว่าสิ่งไหนจริงสิ่งไหนเท็จ”
“พวกคุณ!” หลี่ว์อีอวิ๋นชี้ไปที่ชาวบ้านที่ถูกควบคุมตัวจนไม่กล้าพูดอะไร “เลือดเย็นขนาดไหนกันแน่?”
“ฉันจะไม่ให้อภัยพวกคุณ! ไม่มีวันเด็ดขาด!” หลี่ว์อีอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าของสาวน้อยมีแววดุร้ายอย่างที่สุด
หม่าโฮ่วเต๋อแอบส่งสัญญาณมือลับๆ แล้วนายตำรวจหนุ่มสองนายก็พยักหน้าน้อยๆ ทั้งสองคนก้าวเท้าช้าๆ วินาทีที่กำลังคิดจะพุ่งไปที่หลี่ว์อีอวิ๋น พวกเขากลับต้องอ้าปากไปทันที
“อย่าเข้ามานะ!!”
เธออ้าปากกว้าง ตะโกนเสียงแสบแก้วหู
ด้วยเสียงที่แสบแก้วหูนี้ ราวกับหัวถูกทุบอย่างไรอย่างนั้น ผู้คนต่างเอามืออุดหูกันอย่างทรมาน ล้มลงบนพื้นอย่างเจ็บปวด
เสียงแหลมสูงนั่นยังคงดังต่อไป เวลาเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วินาที ก็ส่งเสียงตุบๆ สลบล้มลงไปบนพื้นตามกันไปทีละคน ทีละคน
หลี่ว์อีอวิ๋นมองดูคนในที่นี้ล้มไปบนพื้นหมดแล้ว แล้วค่อยๆ เดินไปข้างๆ หลี่ว์ไห่ ก้มหน้ากอดหัวของพ่อไว้ แล้วจัดแจงผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเขา
สาวน้อยพูดเสียงแผ่วเบาว่า “พ่อคะ ต้องดูแลคุณปู่ให้ดีๆ นะคะ”
สาวน้อยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ค่อยๆ คลายมือออก แล้วลุกขึ้นยืน
ทันใดนั้น หลี่ว์อีอวิ๋นก็เอี้ยวตัวกลับมา แววตาดุดัน…ที่นี่มีคนหนึ่งที่ไม่ได้ล้มลงไป คนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก แต่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในชั่วพริบตา เป็นคนที่เธอเคยพบมาก่อน
ลูกค้าย้อมผมสีทองทั้งหัว มาถึงที่นี่ตั้งแต่คืนพายุฝน!
มั่วมั่ว
…
มั่วมั่วขมวดคิ้ว มองรุ่นพี่คนนั้นล้มอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง…เจ้าหมอนี่กำลังแกล้งตายอยู่ล่ะสิ? เสียงแสบแก้วหูระดับนั้นทำให้เขาสลบไปได้ก็บ้าแล้ว
เขาไม่รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้คิดจะทำอะไร แต่เขาก็มีหลักการลงมือและจุดยืนของตนเอง หลังจากเขาคุ้มครองส่งหลัวอ้ายอวี้กลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักตากอากาศแห่งนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเขาย่อมได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมดอย่างชัดเจน
พอได้ยินสาวน้อยคนนี้พูดเรื่องที่ต้องประสบพบเจอมา เขาก็โกรธมากเหมือนกัน ความเดือดพลุ่งพล่านอยากทำร้ายคนใกล้จะระงับไว้ไม่อยู่แล้ว แต่ความโกรธก็เป็นเรื่องหนึ่ง สาวน้อยคนนี้ถือยาต้านไวรัสเดินจากไปแบบนี้เลย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ส่งยาต้านไวรัสมาเถอะ อย่าทำผิดซ้ำอีกเลย” มั่วมั่วถอนหายใจพลางพูดขึ้น “ปีศาจเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ความโกรธแค้นจะทำให้ปีศาจมีพลังแกร่งกล้าขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาก็คือความหลงผิด ถ้าเธอยังไม่รีบกลับตัว มีแต่จะทำให้ปีศาจกลืนกินตัวเธอนะ”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร” หลี่ว์อีอวิ๋นพูดอย่างระแวดระวัง “แต่จะให้ฉันให้อภัยคนพวกนี้…ไม่มีทาง!”
ดวงตาทั้งคู่ของมั่วมั่วสว่างวาบเป็นแสงสีทองทันที พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ในเมื่อเธอไม่กลับใจสำนึกผิด ฉันคงต้องลงมือแล้ว! ผู้สืบทอดแห่งเขาพยัคฆ์มังกร มั่วมั่วผู้นี้จะสังหารเธอที่นี่เอง!”
เขาโยนกล่องในมือขึ้นไปในอากาศ แล้วมันก็เปิดออกในพริบตา ในกล่องใบนั้นมียันต์สีเหลืองจำนวนมากโผล่ออกมา แต่ละใบมีเสียงฟ้าผ่าด้วยรางๆ ก่อนเริ่มกลายเป็นเสือร้ายแสงสีทองทีละตัว
พอหลี่ว์อีอวิ๋นเงยหน้า หูของเธอก็เปลี่ยนรูปร่างดูเล็กแหลมขึ้นเล็กน้อย นิ้วก็เรียวแหลมขึ้นเล็กน้อย ฟันแต่ละซี่ก็แหลมและคม เหมือนฟันเลื่อยที่ผ่านการฝนมาแล้ว
“สังหาร!” มั่วมั่วพูดเสียงดัง ขณะเดียวกัน เสือร้ายแสงสีทองหลายตัวก็พุ่งมาทางหลี่ว์อีอวิ๋น
หลี่ว์อีอวิ๋นกลับเปล่งเสียงดังแสบแก้วหูออกมาอีกครั้ง ต้านทานการจู่โจมของเสือร้ายตัวหนึ่งให้ถอยกลับไป
แต่มันกลับไม่อาจขัดขวางเสือร้ายแสงสีทองจำนวนมากได้ เวลานี้ สีหน้าของมั่วๆ เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาจางๆ แล้วเสือร้ายแสงสีทองพวกนั้นก็พุ่งชนไปที่ตัวหลี่ว์อีอวิ๋นทันที
เธอไม่อาจต้านทานได้ ร่างกายราวกับว่าวที่สายป่านขาด ชนกระแทกกับกำแพงทันที แล้วร่วงลงไปที่ลานบ้านพักตากอากาศด้านนอก ล้มลงกลางทะเลดอกดาวสีฟ้าผืนนั้น
มั่วมั่วกำลังคิดจะลงมือซ้ำหลังจากเป็นต่อแล้ว หลี่ว์อีอวิ๋นกลับลุกขึ้นมา แล้วหลบหนีไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“คิดจะหนีเหรอ?!”
มั่วมั่วไม่มีเวลาสนใจรุ่นพี่ที่ยังแกล้งตายคนนี้ว่าคิดจะทำอะไรกันแน่ ก็ขี่เสือตามลงไป…ปีศาจนี่รับมือไม่ยาก ที่รับมือยากก็คือความคิดของรุ่นพี่คนนี้ต่างหาก
แต่เขาจำต้องทำเรื่องที่ค่อนข้างยาก…สรุปก็คือ รีบไปเอายาต้านไวรัสมาให้ได้ก่อน
ฉับพลันนั้นบ้านพักก็เปลี่ยนเป็นเงียบเชียบ
เจ้าของสมาคมและคุณสาวใช้แห่งสมาคมลุกขึ้นเงียบๆ
ลั่วชิวมองหลีจื่อที่ล้มอยู่ข้างๆ เริ่นจื่อหลิงแวบหนึ่ง คุณสาวใช้ก็เข้าใจความหมาย เดินมาตรงหน้า หลีจื่ออย่างไร้สุ้มเสียง ยื่นมือไปแตะบนหน้าผากของหลีจื่อเบาๆ อย่างรวดเร็ว
เปลือกตาของหลีจื่อขยับเล็กน้อย…แล้วก็สลบไปจริงๆ
ลั่วชิวอุ้มเริ่นจื่อหลิงขึ้นมาวางไว้ข้างๆ กำแพง หลังจากจัดให้นั่งพิงกำแพงแล้ว จึงได้ออกห่างจากบ้านพัก กำลังมองด้านนอกบ้านพัก พูดเสียงเบาๆ ว่า “พาพ่อของหลี่ว์ไห่ไปด้วย พวกเราจะขึ้นไปผาฟังเสียงคลื่นกัน ความปรารถนาของหลี่ว์ปู้ไห่ใกล้สำเร็จแล้ว”