ตอนที่ 308 สอบถาม / ตอนที่ 309 คุยกันแบบผู้หญิงๆ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 308 สอบถาม

 

 

           เฉียวซือมู่พยักหน้าน้อยๆ การกระทำทั้งหมดของเขาทำให้ความไม่พอใจของเธอมลายหายไปจนสิ้น เธอยิ้มตาหยีพลางพยักหน้าให้เขา “ค่ะ ฉันจะรอค่ะ”

 

 

           เขากลัวว่าเธอจะไม่รู้ว่าห้องทำงานของตัวเองอยู่ตรงไหน จึงสั่งให้พนักงานคนหนึ่งทำหน้าที่นำทางให้เธอเป็นพิเศษ จากนั้นจึงเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มพนักงานหัวกะทิของตัวเอง

 

 

           ก่อนจะเดินจากไปยังไม่ลืมหันกลับไปกำชับเธอหนักหนาว่าอย่าเดินไปไหนคนเดียว ให้รออยู่ในห้องทำงานของเขาดีๆ จนเฉียวซือมู่ชักจะรำคาญ เขาถึงยอมจากไปแต่โดยดี

 

 

           เธอหมุนตัวกลับจึงเห็นพนักงานที่จิ้นหยวนสั่งให้ทำหน้าที่เป็นคนนำทางให้เธอยืนอยู่ข้างกายตัวเองแล้ว และพนักงานคนนั้นก็คือประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นนั่นเอง เธอยังจำได้ดีว่าเธอแอบ “ซุบซิบ” ข้างหลังเธอว่าเจียงจื่อเสียนคือว่าที่ภรรยาของท่านประธานจิ้นหยวน

 

 

           ยามนี้ความอวดดีของประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นหายไปจนสิ้น สีหน้าเธอเป็นกังวลมาก เธอมองเฉียวซือมู่ สายตาเต็มไปด้วยความตระหนกและทำตัวไม่ถูก “ขอโทษค่ะ เมื่อกี้เป็นความผิดฉัน…”

 

 

           เฉียวซือมู่เอ่ยขัดขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ “เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันไม่เอามาใส่ใจหรอก”

 

 

           เฉียวซือมู่คิดว่ามันเป็นแค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น กิริยาเธอก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น และเธอก็ไม่ได้ใช้คำพูดรุนแรงน่าเกลียดกับตนเองด้วย เธอจึงไม่คิดจะทำให้ประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นต้องลำบากใจ    

 

 

           ประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นถอนหายใจโล่งอก หมุนตัวกดลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด จากนั้นหันกลับมาประจบเฉียวซือมู่ “คุณผู้หญิงคงเคยมาที่นี่แล้ว ห้องทำงานของท่านประธานอยู่ชั้นบนสุด ฉันเองก็ไม่เคยไปที่นั่นเหมือนกัน เป็นเพราะคุณแท้ๆ ฉันถึงมีบุญได้ขึ้นไปเปิดหูเปิดตาแบบนี้”

 

 

           นี่ถึงขั้นต้องใช้คำสุภาพกับเธอเลยหรือ เฉียวซือมู่ไม่ชอบคนหน้าไหว้หลังหลอก พอได้ยินเธอพูดเช่นนั้นแล้วจึงเพียงแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้นโดยไม่ได้พูดอะไร

 

 

           แม้เธอจะปั้นหน้านิ่ง แต่ก็รู้สึกถึงสายตาของประชาสัมพันธ์สาวที่แอบสำรวจเธอ เธอแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ปล่อยให้เธอมองให้เต็มที่

 

 

           แม้การพบกันระหว่างเธอกับจิ้นหยวนจะไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย มันทำให้เธอไม่กลัวสายตาใครอีกต่อไป

 

 

           เพียงแต่… เรื่องของเจียงจื่อเสียนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก

 

 

           ที่สำคัญ จิ้นหยวนไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังเลย ราวกับว่าการที่เธออยู่ข้างกายเขานั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาเรื่องหนึ่งเท่านั้น

 

 

           เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอจึงเอ่ยถามประชาสัมพันธ์สาวคนนั้น “เธอชื่ออะไร?”

 

 

           “ฉันเหรอคะ?” เธอรู้สึกได้รับความสำคัญทันที เมื่อครู่เธอเห็นกับตาแล้วว่าท่านประธานจิ้นหยวนใกล้ชิดกับหญิงสาวตรงหน้ามากขนาดไหน ถ้าเธอมีโอกาสเข้าใกล้หญิงสาวคนนี้ เธอคงได้รับประโยชน์ไม่น้อย

 

 

           เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงเผยยิ้มกว้างกว่าเดิม “ฉันชื่อสวี่เจียอี๋ คุณเรียกฉันว่าเจียอี๋ก็ได้ค่ะ”

 

 

           หญิงสาวที่สามารถทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ได้ นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูดีแล้วต้องมีวาทศิลป์ที่ดีด้วย เฉียวซือมู่ฟังการแนะนำตัวของเธอแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “เดี๋ยวฉันคงจะเบื่อมาก ถ้าเธอไม่รีบไปไหนก็อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันก่อนสิ”

 

 

           สวี่เจียอี๋ตื่นเต้นจนหน้าแดง “ได้ค่ะๆ ฉันไม่มีงานด่วนอะไร หน้าเคาน์เตอร์ก็มีคนประจำตำแหน่งอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันโทรบอกเธอเองค่ะ”

 

 

           เฉียวซือมู่รู้สึกเสียใจทันที เธออยากจะยกเลิกคำขอร้องของตัวเอง แต่พอเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจของสวี่เจียอี๋แล้วกลับต้องกลืนคำพูดลงไป

 

 

           สองสาวเดินไปจนถึงหน้าห้องทำงานของจิ้นหยวน แม้สีหน้าของบรรดาเลขาทั้งหลายจะดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าจิ้นหยวนจะโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งพวกเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเปิดประตูให้เธออย่างรวดเร็ว

 

 

           เธอเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นกวักมือเรียกสวี่เจียอี๋ที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูให้เข้าไปข้างใน

 

 

           สวี่เจียอี๋จึงเดินเข้าไปในห้องด้วยความประหม่า

 

 

           เฉียวซือมู่แค่อยากจะสอบถามเรื่องของเจียงจื่อเสียนเท่านั้น เธอจึงเดินนำไปยังห้องรับรองแขกแทน “มานี่สิ เรามาคุยกันหน่อย”

 

 

 

 

ตอนที่ 309 คุยกันแบบผู้หญิงๆ

 

 

           สวี่เจียอี๋เดินตามเฉียวซือมู่เข้าไปในห้องรับรองแขก เธอนั่งลงบนโซฟาอย่างหวาดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องถูกประดับประดาอย่างหรูหรา ของทุกชิ้นเป็นของแบรนด์เนมที่เธอได้แต่มองแต่ไม่มีปัญญาซื้อ เห็นแล้วก็ทำให้ใจสั่น

 

 

           เฉียวซือมู่เห็นท่าทางเธอแล้วเอ่ยปลอบอย่างเห็นใจ “ไม่ต้องตื่นเต้น แค่อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันเท่านั้น ไม่ทำให้เธอเสียเวลาอะไรหรอก”

 

 

           “เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ตื่นเต้น…” สวี่เจียอี๋ยิ้มฝืดฝืน เห็นได้ชัดว่าเธอยังตื่นเต้นไม่หาย

 

 

           เฉียวซือมู่แอบส่ายศีรษะอย่างเซ็งๆ ทบทวนว่าตัวเองใจร้อนเกินไปหรือเปล่า ขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเธอคงพูดจาไม่รู้เรื่องแน่ แล้วทีนี้เธอจะถามอย่างไรล่ะ?

 

 

           โชคดีที่สวี่เจียอี๋ตื่นเต้นเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น เฉียวซือมู่เปิดประเด็นด้วยหัวข้อสบายๆ ก่อน สวี่เจียอี๋ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น จากนั้นเริ่มพูดคุยกับเธออย่างสนุกสนาน

 

 

           เฉียวซือมู่ค่อยๆ พูดตะล่อมเข้าเรื่องของเจียงจื่อเสียนอย่างแนบเนียน “เจียอี๋ เธอทำงานที่นี่นานหรือยัง?”

 

 

           “ไม่นานค่ะ แค่ครึ่งปีเอง”

 

 

           “อ้อ ถ้างั้นเธอก็ต้องเห็นคนเยอะแยะมากมายเข้าออกที่นี่นะสิ”

 

 

           “ใชค่ะ”

 

 

           “ถ้างั้นคนที่ชื่อเจียงจื่อเสียนก็ต้องเข้ามาที่นี่หลังเธอใช่ไหม?”

 

 

           “เจียงจื่อเสียนเหรอคะ?” สวี่เจียอี๋เข้าใจจุดประสงค์ของเธอทันที ได้แต่แอบด่าตัวเองว่าโง่ในใจ

 

 

           แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเธอนี่นา ที่สำคัญ เธอไม่เคยคุยกับเจียงจื่อเสียนแม้แต่คำเดียว เธอจึงยินดีเล่าให้เฉียวซือมู่ฟังอย่างรวดเร็ว “ค่ะ เธอเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ครึ่งเดือนเอง แต่ได้ยินมาว่าเธอได้วุฒิอะไรสักอย่างจากเมืองนอก และเป็นคนที่เก่งมากด้วย ท่านประธานก็เลยให้เธอทำงานที่นี่ แถมยังให้ทำตำแหน่งผู้จัดการด้วย เป็นผู้หญิงที่เก่งมากเลยนะคะ”

 

 

           “ครึ่งเดือนแล้ว?” เฉียวซือมู่บ่นงึมงำไปมา เวลาใกล้เคียงกับที่เจอเธอที่บ้านจิ้นหยวนเลยนี่ ที่แท้พวกเขาก็รู้จักกันมาก่อนแล้วสินะ”

 

 

           ทำไมจิ้นหยวนถึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเลยล่ะ หรือว่าในใจเขา…

 

 

           ไม่ ไม่ใช่หรอก ปฏิกิริยาของเขาในคืนนั้นแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ชอบเธอ และไม่เห็นเธออยู่ในสายตาด้วย คุยกันไม่ถึงสามประโยคด้วยซ้ำ ถ้าบอกว่าพวกเขามีใจให้กัน พูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ

 

 

           แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

 

 

           เธอแอบคิดในใจ หรือว่าคืนนั้นจิ้นหยวนจะตั้งใจ ตั้งใจทำเป็นไม่รู้จักเจียงจื่อเสียนต่อหน้าเธอ?

 

 

           เธอคิดวกไปวนมา สีหน้าเริ่มแย่ลง สวี่เจียอี๋สังเกตสีหน้าเธอแล้วรู้ทันทีว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี จึงเอ่ยปลอบใจเธออย่างระมัดระวัง “คุณอย่าโกรธเลยนะคะ ถึงคุณเจียงจะเป็นคนสวย แต่ก็สวยสู้คุณไม่ได้หรอกค่ะ ที่สำคัญ ดูเหมือนท่านประธานไม่ได้คิดอะไรกับเธอด้วย ถึงจะเจอกันทุกวัน แต่ฉันไม่เคยเห็นเขาสองคนเลิกงานพร้อมกันเลยนะคะ พอเลิกงานก็ต่างคนต่างกลับ มีหลายครั้งที่คุณเจียงเป็นคนเข้าไปคุยกับท่านประธานก่อน แต่ท่านประธานก็ไม่ได้สนใจเธอเลยค่ะ”

 

 

           “จริงเหรอ?” เฉียวซือมู่ฟังแล้วค่อยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่เธอก็ไม่อยากให้สวี่เจียอี๋รู้ความในใจของตัวเองมากเกินไป จึงเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างแนบเนียน

 

 

           สวี่เจียอี๋เห็นเธอเปลี่ยนหัวข้อจึงไม่ได้พูดเรื่องนั้นต่ออีก สองสาวเปลี่ยนไปคุยเรื่องเสื้อผ้า เครื่องสำอางที่สาวๆ ชอบแทน ไม่นาน สวี่เจียอี๋ก็ขอตัวกลับไปทำงาน

 

 

           สวี่เจียอี๋เป็นคนที่ไหวพริบดีมาก และรู้ขอบเขตของตัวเอง เฉียวซือมู่จึงรู้สึกดีกับเธอไม่น้อย เธอไม่ได้รั้งสวี่เจียอี๋เอาไว้ แถมยังแลกเปลี่ยนวีแชทของกันและกันอีกด้วย จะได้ติดต่อกันอีก

 

 

           สวี่เจียอี๋รู้ดีว่าที่เฉียวซือมู่เรียกตัวเธอเอาไว้เพราะมีจุดประสงค์อื่น แต่เธอก็ไม่สนใจหรอก