บทที่ 474 พลังโลหิต
กระแสน้ำในแม่น้ำโซลนารุนแรงขึ้นมากหลังฤดูฝน สายธารไหลบ่าม้วนตัวส่งเสียงดังไปเรื่อยๆ

ด้านหน้าอารามที่ตั้งอยู่บนที่รายสูงริมแม่น้ำ น็อบยืนรอฟรานซิสโดยถือคทาไม้ประดับมาลัยสีเขียวงดงามในมือและมีสีหน้าเคร่งเครียดมืดทึมอย่างยิ่ง เขาไม่คาดคิดเลยสักนิดว่านักบวชของเทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปจะท้าดวลกับเขาตัวต่อตัว เขานึกหวังอย่างยิ่งว่าการดวลกันนี้จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งวันให้หลัง เพราะเมื่อผ่านพ้นราตรีนี้ไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงจากการต่อสู้กับศัตรูที่เขาแทบไม่รู้อะไรเลยอีก เพราะฝ่ายนั้นย่อมตกตายไปภายในวันพรุ่งนี้

หลังจบการโต้วาทีเมื่อเช้านี้ไม่นาน น็อบก็ได้รับคำสั่งลับจากนีน่าว่า เทพเจ้าแห่งสงครามต้องการให้เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์กับเทพเจ้าแห่งยมโลกสังหารเลเวียธานและฟรานซิสในคืนนี้ เพื่อหลอกล่อแอลให้ปรากฏกาย

ดังนั้น เขาจึงใช้เวลาตลอดยามเที่ยงวันและบ่ายในการส่งข้อความลับไปหาเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าไม่ใกล้ไม่ไกล และพวกเขาก็วางแผนการที่เกือบจะสมบูรณ์แบบได้แล้ว นั่นรวมถึงการร่วมมือกับนักบวชท่านอื่นในการลอบโจมตี การผูกมัดเทวสถานอื่นๆ เข้าด้วยกันโดยใช้นามของเทพเจ้าแห่งสงคราม และการทำให้เทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปบังเกิดโทสะด้วยการทรมานและสังหารเลเวียธานกับฟรานซิสด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมที่สุด

ทว่า ในตอนที่พวกเขากำลังฉลองให้กับแผนการที่เกือบสมบูรณ์แบบและชัยชนะที่กำลังจะมาถึง จดหมายท้าดวลอย่างเป็นทางการก็ถูกส่งมาที่น็อบ

น็อบสับสนมึนงง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รู้สึกขวัญเสีย

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเขาก็คือสีหน้าของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ น็อบได้เห็นความกลัวบนใบหน้าของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน พระองค์หวาดกลัวต่อความอาจหาญของนักบวชใต้เทพเจ้าแอลและผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ในอดีต มิมีผู้ใดเคยได้ยินเกี่ยวกับแอล เทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป มิมีผู้ใดรู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาจึงสรุปได้จากการคาดเดาโดยยึดจากคำบรรยายที่เหนือจินตนาการในระหว่างการโต้วาทีเท่านั้น

น็อบพยายามอย่างที่สุดในการเลื่อนนัดท้าดวลออกไปในวันที่สอง แต่กลับล้มเหลว ในสังคมที่อยู่ภายใต้การปกครองของเทพเจ้า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิเสธการท้าดวลด้วยข้อหาดูหมิ่น เพราะมันเกี่ยวโยงโดยตรงกับชื่อเสียงและความนับหน้าถือตาของเทพเจ้าของตน น็อบจึงไม่มีทางเลือกอื่น

“…ไม่เป็นไร เป็นไปได้มากว่าพวกมันก็แค่พวกลวงโลก” น็อบพึมพำกับตัวเองขณะเฝ้ามองฝูงชนที่มารวมตัวกัน

ในหุบเขาโซลนา ก่อนที่เทพเจ้าแห่งสงครามจะเรืองอำนาจ การต่อสู้ระหว่างเหล่าหัวหน้านักบวชนั้นถือเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง ดังนั้น ผู้คนในเมืองฮูซัมจึงคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ดี พวกเขาชอบดูการต่อสู้ แต่ก็รู้ดีว่าต้องอยู่ให้ห่างจากสนามต่อสู้ แบบ ไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำโซลนาเลย เพราะอย่างไรเสีย การต่อสู้ระหว่างนักบวชย่อมหาใช่สามัญดั่งคนธรรมดาทั่วไป แสงและเสียงสามารถได้ยินแม้จะอยู่ห่างไกลก็ตาม

“ข้าว่าน็อบคงจะได้กลับสู่อ้อมกอดแห่งแสงจันทร์ในวันนี้แหละ เทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปทรงพลังอย่างยิ่ง ฉะนั้นหัวหน้านักบวชของพระองค์ย่อมต้องแข็งแกร่งมากเช่นกัน” ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำเอ่ยขึ้น เขาเป็นผู้ศรัทธาหน้าใหม่ของเทพเจ้าแห่งยมโลก แต่ตอนนี้เขาใกล้จะเปลี่ยนความเชื่อเต็มที

“ก็บอกได้ยากนะ การโต้วาทีมิใช่การต่อสู้สักหน่อย” ผู้เลื่อมใสศรัทธาในเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์เอ่ยแย้ง

รามีโร่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง เฝ้าฟังการถกเถียงอยู่เงียบๆ เขาค่อนข้างมึนงงเพราะก่อนหน้านี้เขามิเคยได้ยินชื่อ ‘เทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป’ เลย แม้ว่าเขาจะศึกษามาล่วงหน้ามากมายก่อนมาถึงมหาสมุทรเออร์โดแล้วก็ตาม ในเมื่อเป้าหมายคือเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ รามีโร่นึกสงสัยว่าเทพเจ้าองค์ใหม่นี้จะเป็นบทบาทที่อัลเทอร์นาสวมอยู่หรือไม่ หรือว่ามันเป็นการอำพรางของกองกำลังอื่นกันแน่

รามีโร่ได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นชายชาวบาร์ริลทั่วไป เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาจึงเหมือนกับหยดน้ำในมหาสมุทรกว้างไกล

ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มสองคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวเรียบๆ ก็ก้าวขึ้นไปบนบันไดตรงหน้าอารามเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ฝูงชนพลันเงียบเสียงลง

ลูเซียนถือดาบหนักมาหยุดยืนห่างจากน็อบสิบเมตร ใกล้กับริมแม่น้ำ ก่อนจะเอ่ยเสียงจริงจัง “วันนี้ เราจะสู้เพื่อพระสิริแห่งเทพเจ้าของเรา และเราจะสู้จนกว่าจะหมดลมหายใจสุดท้าย เจ้าพร้อมหรือไม่”

จนกว่าจะหมดลมหายใจสุดท้าย… โทสะพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกับความกลัวในใจน็อบ เขาถามกลับ “เลเวียธาน เจ้าจะเป็นผู้ดวล หรือว่าฟรานซิส”

“ข้าคือผู้ได้รับพรจากเทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเป็นผู้แถลงและผู้บุกเบิกของท่านเทพเจ้า เจ้านักบวชของพระเจ้าเทียมเท็จ หาได้มีคุณสมบัติเพียงพอจะสู้กับข้าไม่ ฟรานซิส จงส่งเขาไปยังยมโลก การตัดสินอันเที่ยงธรรมของท่านเทพเจ้ากำลังรอเขาอยู่!” ลูเซียนพยายามอย่างยิ่งที่จะยั่วยุอารมณ์น็อบ

“พระเจ้าเทียมเท็จ? ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นพระเจ้าเทียมเท็จ!” น็อบที่ถูกยั่วยุอารมณ์สำเร็จ ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เขารู้สึกได้ถึงโทสะของเทพเจ้าของเขาที่อยู่ภายในอารามด้านหลัง

“หลังจากที่ข้าสังหารฟรานซิส ข้าจะท้าดวลกับเจ้า! เจ้าจะปฏิเสธมิได้!”

ลูเซียนแย้มยิ้ม “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ นักบวชน็อบ คนตายไม่สามารถท้าดวลใครได้”

“แล้วจะได้เห็นกัน!” น็อบสูดหายใจเข้าลึกและพยายามสงบจิตใจลงชั่วคราว เขาต้องจดจ่อกับการต่อสู้กับฟรานซิส แทนที่จะเสียสมาธิเพราะคำพูดชั่วร้ายของเลเวียธาน

ฟรานซิสดึงดาบหนักออกมาจากด้านหลังด้วยสองมือ แล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขณะจ้องมองน็อบ เขาก็เอ่ยว่า “ในนามของเทพเจ้าเรา ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าเอง!”

“ในนามของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าเอง!” น็อบคำราม เมื่อได้ยินประโยคนั้น ลูเซียนก็แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

นักบวชจากอารามเทพเจ้าแห่งสงครามประกาศ “เริ่มการต่อสู้ได้!”

ฟรานซิสกำดาบหนักเสือกแทงใส่น็อบอย่างรวดเร็วรุนแรง ดาบหนักตวัดเสียงดังฟึ่บฟั่บ พลังของมันตัดได้แม้กระทั่งสายลม

ดวงจันทร์สีขาวออกเงินโชนแสงขึ้นในดวงตาน็อบ แล้วภาพมายาก็เข้าปกคลุมเขาเอาไว้ชั้นหนึ่ง ราวกับมีเงาจากแสงจันทร์ยามราตรีพาดผ่าน

ดาบหนักกระทบกับเงาเหล่านั้นและหายไปครู่หนึ่งราวกับมันหายเข้าไปในม่านหมอก

น็อบฉวยโอกาสนั้นชี้คทามาลัยไปที่ฟรานซิส อุณหภูมิในวงรัศมีนั้นพลันลดฮวบลงและแผ่นน้ำแข็งก็เริ่มก่อตัวหนาเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมคม แท่งน้ำแข็งเหล่านั้นกักขังฟรานซิสไว้ในวงล้อม

น็อบโล่งใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟรานซิสพึ่งพาแต่พละกำลังของร่างกายในการต่อสู่ แทนที่จะใช้เวทมนตร์ น้ำแข็งนี้อาจไม่สามารถทำร้ายเขาได้มากมาย แต่มันย่อมเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ได้แน่นอน

เมื่อเผชิญหน้ากับแท่งน้ำแข็งรูปร่างเหมือนหอกที่น่าหวาดหวั่น รอยยิ้มก็ปรากฏบนมุมปากฟรานซิส เขาวาดดาบในแนวนอน และฟันมันลงพร้อมกับเสียงคำรามอื้ออึง จู่ๆ รอบกายเขาก็ปรากฏร่างเหมือนของเขาขึ้นมาแปดคน ฟรานซิสและร่างเหมือนทั้งแปดของเขามีรอยยิ้มและดาบหนักเหมือนกันเป๊ะ แล้วทั้งหมดก็ฟาดดาบลงพร้อมกัน รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว

แต่ดาบทั้งเก้าเล่มกลับมีสีสันแตกต่างกันไป เล่มหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าครอบคลุมอยู่ เล่มหนึ่งมีน้ำกรดสีกรด เล่มหนึ่งเป็นเปลวเพลิง เล่มหนึ่งดูเหมือนขึ้นสนิมและเน่าเปื่อย เล่มหนึ่งมีสีสันหลาหลาย เล่มหนึ่งดูหนาวเหน็บจับใจ… ดาบทั้งเก้าหาใช่เพียงเงาแต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังอย่างแท้จริง

แท่งน้ำแข็งพุ่งมาถึงตัวฟรานซิสแล้วน้ำแข็งชั้นหนาก็แผ่ไปทั่ว ทว่า ภายใต้การวาดดาบหนักหน่วงรุนแรงของฟรานซิส น้ำแข็งชั้นหนานั้นพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่บนตัวฟรานซิสกลับหาได้มีแม้แต่รอยถาก

ดาบทั้งเก้าฟันไปที่ตัวน็อบ ผู้ไม่มีเวลามากพอจะร่ายคาถาถัดไปหรือรวดเร็วพอจะหลบได้ทัน

ร่างของน็อบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับแก้วที่มีสีสันมากมายยามสะท้อนแสง

จากเงาใกล้ๆ กันนั้น น็อบปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ทว่า เขากลับดูท่าทางอับอายไม่น้อย เวทกึ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดโจมตีใส่ฟรานซิส แต่เขากลับไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด ฟรานซิสกับร่างเหมือนทั้งแปดพุ่งมาอยู่ตรงหน้าน็อบ แล้วดาบของเขาก็พร้อมจะลิ้มรสชาติโลหิตของอีกฝ่ายแล้ว

‘สายฟ้า กรด เปลวเพลิง เน่าเปื่อย พิษ น้ำแข็ง ความหมาย จิตใจ… ต้านทานเวทมนตร์และพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างสูง…’ ลูเซียนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างและวิเคราะห์พลังโลหิตของฟรานซิสอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือพลังโลหิตที่ชื่อ ‘ไฮดรา’ แม้ว่าฟรานซิสจะแสดงพลังมากสุดที่ระดับเจ็ด แต่ลูเซียนก็เชื่อว่าเขาต้องเป็นอัศวินพลังโลหิตไฮดราขั้นที่แปดเป็นอย่างต่ำ ด้วยเหตุนี้ ลูเซียนจึงมั่นใจว่าฟรานซิสไม่ใช่ทั้งชนชั้นสูงและอัศวินจากดินแดนทางตอนเหนือหรือเทือกเขาไร้แสง เป็นไปได้สูงว่าเขาจะเป็นผู้พิทักษ์ราตรีจากศาสนจักรเหนือหรือใต้ หรืออาจมาจากองค์กรศาสนาลับอื่นๆ ก็เป็นได้

บนโลกนี้มีอัศวินขั้นที่แปดมากมาย แต่ก็ไม่ได้เยอะจนเกินไป ไม่มีทางเลยที่อัศวินขั้นที่แปดสักคนจะปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ที่มา สภาเวทมนตร์มีข้อมูลเกี่ยวกับอัศวินขั้นที่แปดส่วนใหญ่ ยกเว้นคนที่เป็นผู้พิทักษ์ราตรีและคนจากกลุ่มศาสนาอื่น ลูเซียนค่อยๆ นึกถึงบัญชีรายชื่อ แต่ก็ไม่พบผู้ใดที่เชื่อมโยงกับฟรานซิสเลย

ทว่า ที่อีกฝั่งแม่น้ำ สีหน้าของรามีโร่แปรเปลี่ยน

‘เป็นเขาเช่นนั้นรึ’

“น่าประทับใจจริงๆ… พลังศักดิ์สิทธิ์ในโลหิตที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น…” เหล่านักบวชที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนไม่อาจหยุดตัวเองไม่ให้พึมพำออกมาได้ พวกเขาเชื่อแล้วว่าเทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปหาใช่พระเจ้าเทียมเท็จ

ในตอนนั้นเอง แม่น้ำโซลนาก็พลันกระเพื่อมเป็นระลอก คลื่นน้ำสูงกว่าสิบเมตรอันเป็นผลมาจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โถมถั่งเข้าใส่ฟรานซิสอย่างรวดเร็วรุนแรง

ในที่สุด อาซิน เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ก็ลงมือแล้ว!

ลูเซียนไม่ลังเลสักนิด เขาเริ่มออกตัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงอยู่ในระดับที่จำกัดเอาไว้เพื่อปิดซ่อนพลังที่แท้จริงของเขา หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็มาถึงหน้าผาที่ไม่ได้รับผลกระทบจาคลื่น จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปในแม่น้ำโซลนา

ร่างของฟรานซิสเอนไปข้างหลัง เงาทั้งแปดของเขาก็เช่นกัน ท่าทางดูราวกับไฮดราที่กำลังคำรามขึ้นไปบนฟ้า สายฟ้า เปลวเพลิง และกรดผสานเข้าด้วยกัน ก่อเป็นคลื่นสีดำลูกใหญ่ คลื่นทั้งสองสีเข้าปะทะกันทันที

พลังโลหิตไฮดราก็เก่งกาจในเรื่องการควบคุมน้ำเช่นกัน!

ขณะนั้นเอง แสงจันทร์วิบวับสายเล็กๆ ก็ทอประกายขึ้น ด้านหลังฟรานซิส ปรากฏชายชราหนวดขาวที่ถือดาบโค้งขึ้น และเขากำลังจะโจมตีฟรานซิส ดูจากแสงจันทร์ที่ปกคลุมตัว ชายชราผู้นี้ก็คืออาซินในรูปลักษณ์ของมนุษย์!

ทันทีที่ดาบของอาซินวาดออก การเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดชะงัก ดาบสีดำยาวที่เปี่ยมด้วยพลังด้านมืดแห่งการทำลายล้างพลันโผล่มาจากเหนือศีรษะและฟาดฟันลงบนแผ่นหลังของเขา!

‘ผู้สนับสนุนของอะวันโดหรือ’ อาซินทั้งตกตะลึงทั้งกรุ่นโกรธ จากนั้นอาซินก็จำได้ว่าหัวหน้านักบวชของอะวันโดคือ เจคอป

ทว่า เวทป้องกันตัวทั้งหมดที่อาซินร่ายไว้ก่อนหน้านี้มีไว้เพื่อต้านทานพลังในด้านการฟื้นฟู การสร้างความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาป ซึ่งเวทเหล่านี้แทบไม่ช่วยอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบสีดำ!

ลูเซียนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เหนือแม่น้ำ ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในน้ำ เขาได้ยินเสียงเรียบเย็นไร้เยื่อใยของแอล

“ข้าตัดสินให้เจ้าตาย!”

สายน้ำในแม่น้ำโอบกอดลูเซียนเอาไว้ กำไลที่สวมอยู่บนข้อมือขวาของเขาส่งอากาศสดชื่นเข้ามาในปอด แทนที่จะว่ายไปตามกระแส ลูเซียนกลับทวนกระแสขึ้นไปประดุจปลา

จุดแสงเยียบเย็นมากมายลอยหายไปจากร่างอาซินเมื่อพลังแห่งแสงจันทร์ถูกฟรานซิสเก็บรวบรวมไป ในตอนที่แอลกำลังจะสังหารอาซินด้วยดาบถัดไป ลูกธนูสีดำยาวก็พลันพุ่งทะลุอกแอลด้วยแรงอันทรงพลังน่าหวาดหวั่นยิ่ง!

“เจ้ามันพระเจ้าเทียมเท็จ!”

เสียงคำรามน่าครั่นคร้ามดังมาจากอารามเทพเจ้าแห่งสงคราม

เทพเจ้าแห่งสงคราม! ไม่ทราบอย่างไร เทพเจ้าแห่งสงครามที่ควรจะอยู่ในจักรวรรดิแองโกนอร์มา กลับมาอยู่ในหุบเขาโซลนา และเขาก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว!

อะไรกันที่ดึงดูดเทพเจ้าแห่งสงครามมาที่แห่งนี้