เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องรับแขก เฉินเฉินก็ได้เดินมาถึงสนามของตระกูลจาง
เมื่อเป็นหนึ่งในสามตระกูลชั้นสูงของมณฑลเสฉวน สนามหลังบ้านของเขาใหญ่เท่ากับสนามบาสเกตบอลสามสนามรวมกัน เมื่อเขาเดินมาถึงด้านใน เจาเบียวก็ยืนอยู่ใจกลางสนามแล้ว
เพียงเวลาไม่นานที่เฉินเฉินเดินเข้ามา กลุ่มของโจรขี่ม้าก็ได้ล้อมรอบเขาไว้
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ริมฝีปากของเฉินเฉินก็ยกขึ้น เขาพูดกับเจาเบียว “นี่มันอะไร?”
เมื่อได้ยินมัน เจาเบียวที่อยู่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ก็หัวเราะออกมา “เจ้าไม่เห็นหรือไง? ข้าอาจจะจัดการเจ้าได้อย่างยากลำบากภายในห้องนั่งเล่นนั่น แต่เมื่อเจ้าออกมาข้างนอกแล้ว ข้าก็สามารถที่จะรุมเจ้าได้อย่างง่ายดายยังไงละ”
เฉินเฉินไม่ประหลาดใจเลยสักนิด เขากลับมองไปที่อู๋เว่ยที่ซึ่งอยู่ข้างเจาเบียวและถามเขา “อู๋เว่ย นี่คือวีรบุรุษที่น่าเชื่อถือที่เจ้าพูดถึงใช่ไหม? มันเหมือนกับโจรธรรมดาทั่วไปสำหรับฉันมากกว่านะ”
เหงื่อไหลลงมาบนใบหน้าของอู๋เว่ย เมื่อเห็นว่าเจาเบียวโกหกแล้ว เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อยๆกับคำสัญญาที่เจาเบียวมีให้กับเขา
‘เขาจะกำจัดฉันทิ้งหลังจากนี้ไหมนะ?” อู๋เว่ยคิด
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ขาเขาอ่อนลงทันที เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจาเบียว
“ท่าน…ท่านเบียวครับ ข้าเคยโง่เขลามาก่อน ได้โปรดลืมเกี่ยวกับความปรารถนาของข้าซึ่งเกี่ยวกับ ‘ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่ง’ และ ‘จางเสี่ยวหยา’ ข้าไม่ต้องการพวกมันอีกต่อไปแล้ว ข้าเพียงแค่ต้องการรับใช้ท่านเบียวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
คำพูดของอู๋เว่ยออกมาพร้อมทั้งหยาดน้ำตาและน้ำมูก เขานั้นตื่นตระหนกอย่างมากกับเรื่องนี้
เจาเบียวลูบหัวของอู๋เว่ย เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของเขาดูเหยียดหยามมาก “อู๋เว่ย เจ้าได้ยินยอมที่จะปฏิเสธพวกนี้เองนะ ข้าจะรักษาสัญญาของข้าไว้นะ”
“ครับ ครับ ครับ! ข้ายอมทิ้งพวกมันทั้งหมดไปเลยครับ! ท่านเบียวเป็นชายที่ยอดเยี่ยมที่สุด – เขาจะไม่น่าเชื่อถือได้ยังไงกันครับ!”
อู๋เว่ยโค้งตัวจนแทบหัวจะแตะพื้น เขาเพียงแค่ต้องการมีชีวิตรอดอยู่เท่านั้น เขาไม่ได้มีความคิดถึงสิ่งอื่นนอกจากเรื่องนี้อีกเลย
เจาเบียวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาชี้มีดไปที่เฉินเฉินและพูดออกมาอย่างดุร้าย “ข้าให้ความเชื่อถือของข้ากับคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้นแหละ สำหรับเจ้าที่เป็นชายชาติชั่วที่สังหารพี่น้องของข้าไปแล้ว ข้าไม่มีให้ความเชื่อถือกลับไปหรอก!”
“พี่น้อง! เคลื่อนไหวพร้อมกัน ไปแก้แค้นให้กับพี่น้องของเราที่ตายลงกันไปเถอะ!”
กลุ่มของโจรขี่ม้าต่างเคลื่อนไหวกันทันที คนนับสิบคนต่างขี่ม้าพุ่งเข้าใส่เฉินเฉิน
เฉินเฉินหัวเราะออกมา ภายในร่างกายของเขา พลังปราณไหลขึ้นมาบนนิ้วอย่างรวดเร็วมาก ปลายนิ้วของเขามีเปลวเพลิงลุกอยู่
เมื่อคนนับสิบคนกำลังจะสับเขาเป็นชิ้นๆ เฉินเฉินก็กระโดดขึ้นกลางอากาศหลายเมตร หลังจากนั้นพร้อมกับการสะบัดนิ้วมือของเขาทั้งสิบ เปลวเพลิงทั้งสิบเส้นก็ได้พุ่งเข้าใส่คนที่อยู่ใกล้ตัวเขาสิบคน
ในชั่วพริบตา พวกคนทั้งสิบต่างลุกไหม้ราวกับถูกน้ำมันราดแล้วจุดไฟ
เมื่อเฉินเฉินลงมาถึงพื้นอย่างนุ่มนวลแล้ว คนสิบคนนั้นก็ได้กลายเป็นขี้เถ้ากันไปทั้งหมด
เพียงแค่สายลมที่พัดผ่าน ขี้เถ้าสีดำได้พัดไปตามลม ตัวตนของคนทั้งสิบคนก็ได้จางหายไปจากโลกใบนี้
หลังจากสังหารไปสิบคน เฉินเฉินก็ยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้น นิ้วมือทั้งห้าของเขาต่างลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ เขามองไปที่โจรม้าที่อยู่ล้อมรอบตัวเขาที่ต่างตกตะลึง เขาก็หัวเราะออกมา “ข้ามีเจตนาที่ต้องการสู้ตัวต่อตัวกับหัวหน้าของพวกเจ้านะเนี่ย แต่เขาปฏิเสธที่จะทำตามสัญญาของเขา อย่าโทษฉันละกันที่จะเผาพวกเจ้าทิ้งนะ”
โจรขี่ม้ามองไปที่ขี้เถ้าที่ลอยออกไปและมองไปที่รอยไฟของคนที่โดนเผาทั้งเป็นบนพื้น พวกเขาอดจะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวไม่ได้ พวกเขาต่างมองไปที่เจาเบียวด้วยสายตาที่สิ้นหวัง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจาเบียวแข็งทื่อไป ดวงตาของเขาไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากความกลัวที่อยู่ในนั้น
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าตระกูลจางจะจ้างเซียนมา! เซียนที่ใช้เวทมนตร์เป็นด้วย!
ในสายตาของเขาแล้ว เหล่าเซียนจะไม่สนใจเรื่องการขัดแย้งการเมืองทั่วไป เมื่ออ้างอิงถึงเจ้าเมืองที่ฝึกตนอยู่ในสถานที่ลึกลับ แม้ว่าจะมีการต่อสู้กันระหว่างสามตระกูลก็ตาม เขายังไม่ได้สนใจที่จะทำอะไรสักอย่างเลย
แต่ทำไมเซียนที่อยู่เบื้องหน้าของเขายังวุ่นวายกับพวกเขากัน?
เขาตัวสั่นสะท้านและไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี ม้าตัวหนึ่งที่วิ่งอยู่บนถนนได้หยุดลง หนึ่งในลูกน้องของเขากระโดดลงจากม้าและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“หัวหน้า มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นละ! ตระกูลหวังถูกกำจัดไปแล้ว! ตามรายงานของคนที่เห็นเหตุการณ์ พวกเขาถูกจัดการโดยเซียนที่สามารถเผาคนเป็นขี้เถ้าด้วยนิ้วมือของเขา พวกเราควรที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวดีไหมครับ?”
หลังจากนั้นเอง สายลมก็พัดผงดำเข้าใส่ตาของโจรขี่ม้า จนทำให้เขาต้องปัดฝุ่นออกจากหน้าตัวเอง พอเขาปัดฝุ่นและกวาดตามองโดยรอบ เขาพึ่งจะตระหนักได้ว่าบรรยากาศโดยรอบมันดูแปลกพิลึก
หลังจากที่มองไปที่ชายหนุ่มที่มีใบหน้าใจเย็นซึ่งถูกล้อมรอบโดยโจรขี่ม้าและขี้เถ้าสีดำ ดวงตาของเขาหดลงทันที เมื่อขาตระหนักถึงสถานการณ์นี้ได้
‘โอ้ พระเจ้า พวกเราจบสิ้นแล้วละ!’
ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา ด้วยความคิดนี้ของเขา โจรขี่ม้ารีบลุกขึ้นและขึ้นไปบนม้าและทำท่าเคารพ “ขอโทษนะครับ ท่านไม่ใช่หัวหน้าของข้านี่นา ข้าเข้าใจผิด ขอตัวละ!”
หลังจากนั้นเขาก็ตีตูดม้าและทิ้งจาวเบียวไว้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าตอนที่เขามาหลายต่อหลายเท่า มันเหมือนกับว่ามีเสื้อกำลังจี้ตูดเขาอยู่
ชายคนนี้มาและไปอย่างว่องไว เหลือทิ้งไว้แต่โจรขี่ม้าที่ยังงุนงงอยู่
เมื่อพวกเขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความอยากสู้ของพวกเขาก็หมดลง พวกเขาต่างโยนมีดลงและวิ่งหนีกันไป สวนหลังบ้านต่างตกสู่ความวุ่นวายโกลาหล
เฉินเฉินพุ่งไปด้านหน้าและจับไปที่ไหล่ของเจาเบียว เขาลากและพลิกเจาเบียวลงกับพื้น
“เจาเบียว เจ้าจะไปไหนกัน?”
“ท่านเซียน ไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าจะมอบทรัพย์สมบัติและสิ่งของล้ำค่าทั้งหมดของข้าให้กับท่าน!” เจาเบียวคำนับราวกับเฉินเฉินเป็นพ่อแม่ของเขา เช่นเดียวกันกับที่อู๋เว่ยทำไปก่อนหน้านี้
“เจ้าสาบานอะไรไปกันนะ?” เฉินเฉินถาม
เมื่อคิดถึงคำสาบานของเขาแล้ว เจาเบียวตบหน้าเองและร้องไห้ออกมา “ท่านเซียน ได้โปรดอย่าคิดจริงจังไปเลยครับ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง! ท่านเซียน ได้โปรดอย่าคิดจริงจังกับเรื่องนี้ไปเลยนะครับ!”
“เจ้าไม่ใช่วีรบุรุษของพื้นที่แถวนี้เหรอ? ไม่ใช่ว่าเจ้าจะล้างแค้นให้กับพี่น้องเจ้างั้นเหรอ?”
“วีรบุรุษอะไรกันครับ ข้ามันเป็นแค่เศษอุจจาระเหม็นเน่าเท่านั้นแหละครับ! พวกเขาไม่ใช่พี่น้องของข้าสักคน ข้าไม่รู้จักพวกเขาเลยสักคน!”
เจาเบียวละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดในชีวิตของเขาไป เขาตบหน้าตัวเองไปพูดไป ใบหน้าของเขาปูดนูนก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก
เฉินเฉินมองไปที่เขาอย่างแปลกประหลาด เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าได้ยินมาว่าวีรบุรุษที่แท้จริงจะไม่สนใจเกี่ยวกับปัญหาเล็กน้อยแบบนี้และยังอดทนต่อความอับอาย เพื่อการล้างแค้นในอนาคตได้อีกด้วย เจาเบียว ข้าคิดว่าเจ้านะ เป็นวีรบุรุษที่แท้จริง”
ดวงตาของเจาเบียวนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะได้ยินอะไร เปลวเพลิงก็ลุกโตขึ้นเรื่อยๆต่อหน้าเขา สิ่งที่เขารับรู้ต่อมาก็คือเขานั้นโดนไฟครอกแล้ว
หลังจากที่สังหารเจาเบียวไป เฉินเฉินมองไปที่อู๋เว่ยที่ล้มกองอยู่บนพื้น ด้านใต้ตัวเขานั้นเปียกชุ่มไปหมด
“อู๋เว่ย ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะไปรับใช้เจาเบียวสินะ นั่นเป็นเรื่องจริงไหม?”
อู๋เว่ยมองไปที่เจาเบียวที่กำลังโดนไฟครอก เขาส่ายหัวจนหัวแทบจะหลุด เขากอดไปที่ขาของเฉินเฉินและร้องไห้ออกมา “ท่านเซียน ข้าโดนบังคับ! ข้าโดนบังคับโดยเจาเบียวทั้งหมดเลย! ข้าไม่ต้องการที่จะทรยศลุงของข้าเลยสักนิด!”
“ครอบครัวของลุงได้มอบความเมตตาและเลี้ยงดูข้าเป็นอย่างดี แล้วข้าจะทำตัวแย่กับพวกเขาได้ยังไงกัน?”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกพี่ลูกน้องของข้า จางจี! เขาได้ดูแลข้าเป็นอย่างดีเลย ข้ายังรู้สึกมีเวลาไม่มากพอที่จะได้ตอบแทนบุญคุณเขาเท่าไหร่! ท่านเซียน ถ้าท่านเป็นพี่คนโตของจางจีแล้ว ท่านก็เป็นพี่ชายของข้าเหมือนกัน! พี่ชาย ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลยเถอะ ได้โปรดละ!”