บทที่ 382 ใครกล้าเข้ามายุ่ง

The king of War

มือข้างที่ถือโคลท์คิงคอบร้าของติงซานกำลังสั่นอย่างรุนแรง

แต่หยางเฉินก็ไม่ได้ตอบกลับ แค่เดินตรงไปที่ติงซานทันที

ทุกก้าวที่เขาก้าวเดิน ความหวาดกลัวในใจของติงซานก็เพิ่มมากขึ้นทุกที

ตอนที่หยางเฉินเดินมาจนถึงตรงหน้าของติงซานนั้น แผ่นหลังของติงซานก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ แล้ว

“สรุปคือ คุณยังฟังที่ผมพูดไม่เข้าใจใช่มั้ย? ไอ้ของแบบนี้ มันใช้กับผมไม่ได้ผลหรอก!”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ยิ่งไปกว่านั้น กระสุนนัดสุดท้ายของคุณ มันได้ถูกใช้ไปแล้ว!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็ยื่นมือขึ้นไปจับโคลท์คิงคอบร้ากระบอกดำเอาไว้

ติงซานไม่มีความสามารถมากพอที่จะขัดขืน และถูกหยางเฉินชิงโคลท์คิงคอบร้าไปจากมือ

“แกร็กแกร็กแกร็ก~”

ภายใต้ความตื่นตกใจของติงซาน โคลท์คิงคอบร้าที่อยู่ในมือของหยางเฉิน ก็ถูกแยกส่วนอย่างรวดเร็วราวกับของเล่น

ทุกคนต่างเห็นเพียงแค่ชิ้นส่วนที่ร่วงลงกับพื้น

แต่ติงซานที่ยืนอยู่ใกล้หยางเฉินที่สุด ก็ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่า อาวุธปืนที่ทำจากเหล็กกล้ากระบอกนั้น ไม่ได้ถูกหยางเฉินถอดออกอย่างถูกต้องตามหลัก

แต่กลับเป็นการใช้กำลังบีบจนเหล็กนั้นเสียรูป จนกลายเป็นชิ้นส่วนเล็กที่ร่วงลงพื้น

คนอื่นๆ ต่างก็เข้าใจว่า ในเวลาสั้นๆ หยางเฉินก็สามารถแยกส่วนปืนที่ค่อนข้างประณีตออกด้วยมือเดียวได้แล้ว

“แกมันไม่ใช่คน!”

“แกมันสัตว์ประหลาด!”

“ขอร้องล่ะ แกอย่าฆ่าฉันเลย ฉันสัญญา ชีวิตนี้ฉันจะไม่ใช้อาวุธสงครามอีก”

“สิ่งที่ฉันทำทุกอย่าง ต่างก็เป็นคำสั่งของตระกูลหนิงทั้งสิ้น อย่าฆ่าฉันเลย ฉันขอร้องอย่าฆ่าฉันเลย!”

เสียง “ตุบ” ดังขึ้น ติงซานได้คุกเข่าลงตรงหน้าของหยางเฉิน และรีบร้องขอชีวิตทันที

จนถึงตอนนี้ เขาก็เพิ่งได้รู้ว่า หยางเฉินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ต่อให้เอาปืนที่บรรจุกระสุนเต็มแม็ก เขาก็ไม่มีทางฆ่าหยางเฉินได้อย่างแน่นอน

ในตอนนี้ เขาต้องการแค่มีชีวิตรอดเท่านั้น!

ศักดิ์ศรีเหรอ?

คุณธรรมด้านวิชาชีพเหรอ?

คำสัญญาที่ให้ไว้กับตระกูลหนิงเหรอ?

มันก็ไม่ได้มีค่ากว่าชีวิตของตัวเองเลย!

หนิงจี้หยวนทำหน้าแทบช็อก สิ่งที่เขาพึ่งพาได้ก็คือหลิวชิงกับติงซาน

คนหนึ่งคือผู้แข็งแกร่งด้านบูโด ส่วนอีกคนก็เป็นผู้แข็งแกร่งด้านอาวุธสงคราม

มาตอนนี้ คนหนึ่งถูกฆ่าตาย!

ส่วนอีกคนก็กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของหยางเฉิน เพื่อร้องขอชีวิต!

เป็นถือเป็นการตบหน้าเขาอย่างแรงเลย แถมยังอยู่ต่อหน้าเศรษฐีมากมายแบบนี้ด้วย

“ช่วยให้เหตุผลที่ผมจะไว้ชีวิตคุณมาสักข้อซิ!”

หยางเฉินจ้องมองบุคคลที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าและพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

ติงซานเงยหน้าขึ้นมาทันที ตอนนี้หน้าผากถูกโขกจนเลือดสดๆ ได้ไหลออกมาแล้ว แต่สีหน้ากลับดูดีใจ จากคำพูดของหยางเฉิน เขาสามารถมองเห็นทางรอดได้แล้ว

“ฝีมือการยิ่งปืนของผมนั้นไร้ใครเทียบเคียง ถ้าคุณยอมไว้ชีวิตผม ต่อไปผมก็จะคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายคุณตลอดไปครับ!”

ติงซานพูดออกมาอย่างรีบร้อน

หยางเฉินขำออกมาอย่างไม่เห็นค่า “คุณคิดว่า ผมต้องการการคุ้มครองจากคุณรึไง?”

ติงซานถึงกับอึ้ง พอนึกถึงความน่ากลัวของหยางเฉิน เขาก็รีบพูดออกมาว่า “ไม่ว่าคุณต้องการให้ผมทำอะไร ผมก็จะยอมทำทุกอย่างครับ!”

หยางเฉินยิ้มๆ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่หนิงเฉิงหยู่

หนิงเฉิงหยู่นั้นตกใจจนตัวสั่น และทำอะไรไม่ถูกไปนานแล้ว

ในตอนนี้ พอเห็นหยางเฉินมองมาที่ตัวเอง เขาก็ตกใจจนขวัญแทบกระเจิง

“ฆ่าเขาซะ!”

หยางเฉินพูดออกมาทันที

ติงซานนั้นต้องเข้าใจอยู่แล้ว ว่าคำพูดของหยางเฉินคำนี้ มันพูดกับเขา

เขาแสดงสีหน้าที่มีความสุขมากๆ ออกมา การที่หยางเฉินให้เขาไปฆ่าหนิงเฉิงหยู่นั้น ก็เท่ากับเป็นการเสนอทางรอดให้เขา

“ไอ้หนู กล้ามาล่วงเกินคุณหยาง แกก็มีแต่ต้องตายลูกเดียว!”

“แววตาของติงซานเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร

“ติงซาน นี่แกคิดจะทำอะไร?”

พอเห็นติงซานชักปืนที่เงางามออกมาอีกครั้ง สีหน้าของหนิงจี้หยวนก็เปลี่ยนไปทันที และได้ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ

ติงซานขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ผู้นำตระกูลหนิง เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว คุณยังคิดที่จะเอาชีวิตมาปกป้องลูกผู้ดีคนเดียวอยู่อีกเหรอ?

“ต่อให้มันจะไร้ค่ากว่านี้ มันก็เป็นคนของตระกูลหนิง!”

หนิงจี้หยวนตวาดออกมา

“คุณเป็นคนของตระกูลหนิง แล้วมันจะยังไง?”

ติงซานพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ยกปืนขึ้น ปากกระปืนสีดำเล็งตรงไปยังกลางหว่างคิ้วของหนิงเฉิงหยู่

“อย่านะ!”

หนิงเฉิงหยู่ตกใจจนขวัญกระเจิง แล้ว “ตุบ” คุกเข่าลงกับพื้น

“คุณหยาง ผมสำนึกผิดแล้ว ผมไม่ควรไปทุบรถของคุณ ไม่ควรสั่งเฝิงอี้ฉินให้ไปฆ่าคุณ ไม่ควรไปหาเรื่องคุณเลย”

“ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอให้คุณช่วยไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะนะครับ”

“ต่อไป ผมก็คือหมาตัวหนึ่งที่อยู่ข้างกายคุณ คุณอยากให้ผมไปกัดใคร ผมก็จะไปกัดคนนั้น!”

หนิงเฉิงหยู่โขกหัวคำนับไป ร้องขอชีวิตไป

หนิงจี้หยวนนั้นหน้าเสียไปหมดแล้ว ในตอนที่ตัวเองกำลังคิดหาวิธีเพื่อช่วยชีวิตหนิงเฉิงหยู่อยู่นั้น หนิงเฉิงหยู่กลับคุกเข่าลงไปร้องขอชีวิตซะแล้ว

นี่มันน่าขายหน้ายิ่งกว่าการที่ติงซานคุกเข่าร้องขอชีวิตเสียอีก

บรรดาเศรษฐีที่อยู่รอบๆ ต่างก็ทำหน้าตกใจ หลายคนที่มองมาที่ตระกูลหนิง ต่างก็ทำหน้าล้อเลียนทั้งนั้น

“ฆ่า!”

ทันใดนั้น หยางเฉินก็ออกคำสั่ง

“ปั้ง!”

ติงซาลั่นไกอย่างไม่ลังเล กระสุนที่ร้อนผ่าวพุ่งใส่กลางกระหม่อมของหนิงเฉิงหยู่

สีหน้าที่หวาดกลัวของหนิงเฉิงหยู่หยุดชะงักไว้อย่างนั้น แล้วร่างกายก็ล้มตึงลงไปนอนจมกองเลือด

ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบ!

นักแม่นปืนของตระกูลหนิง ได้ฆ่าคนของตระกูลหนิงไปซะแล้ว!

“คุณหยาง ผมได้ฆ่าไอ้ชาติชั่วนั่นตามคำสั่งของคุณไปแล้ว คุณยังอยากให้ใครตายอีกมั้ยครับ? เดี๋ยวผมจะช่วยฆ่าให้!”

ติงซานมองมาที่หยางเฉิน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ประจบประแจง

ทุกคนในตระกูลหนิงต่างก็พากันหน้าซีด การที่ติงซานยิงใส่หนิงเฉิงหยู่นั้น ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าตระกูลหนิงอย่างแรง

หยางเฉินกลับไม่มองติงซานเลยแม้แต่แวบเดียว แค่หมุนตัวแล้วเดินกลับไปที่ๆนั่งของตัวเอง ยกชาหลงจิ่งแห่งซีหูที่ชงเสร็จแล้วขึ้นมาหนึ่งกา

“ซ่า” รินให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วค่อยๆ จิบมัน” ผู้นำเฝิง การที่ตระกูลหนิงฆ่าลูกของคุณแล้วไม่ยอมให้คำอธิบายใดๆ ผมได้เรียกร้องให้คุณแล้ว เรื่องต่อจากนี้ คุณก็ไปจัดการเอาเองแล้วกัน”

หยางเฉินมองไปที่เฝิงฉวนอย่างเรียบเฉย แล้วพูดออกไป

เฝิงฉวนจ้องมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน สังหารยอดฝีมือกิตติมศักดิ์ดับหนึ่งของตระกูลหนิงต่อหน้าทุกคน ตอนนี้ก็สั่งให้นักแม่นปืนอันดับหนึ่งของตระกูลหนิงฆ่าหนิงเฉิงหยู่จนตายอีก

เขาแทบเชื่อไม่ลงว่า เรื่องที่ทั้งมณฑลเจียงผิงไม่มีใครสามารถทำได้ แต่กลับถูกชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงสามสิบคนนี้ทำสำเร็จแล้ว

ไม่ใช่แค่เฝิงฉวนเท่านั้น คนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน

หนิงจี้หยวนยืนอยู่กับที่ สีหน้าโกรธเกรี้ยว อยากฆ่าหยางเฉินให้ตายซะตรงนั้นเลย

แต่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหนิงยังถูกฆ่า แล้วในตระกูลหนิงจะมีใครที่ไปทำอะไรกับหยางเฉินได้อีก?

ผู้นำแห่งตระกูลเมิ่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมณฑลเจียงผิงเหมือนกันอย่างเมิ่งหงเย่ ตอนนี้กำลังทำตัวไม่ถูกแล้ว

หยางเฉินแค่คนเดียว ก็สามารถจัดการกับตระกูลหนิงได้ มันไม่เท่ากับว่า เขาก็สามารถจัดการกับตระกูลเมิ่งได้เหมือนกันหรอกเหรอ?

เขาแอบเหลือบมองหวงจงทีหนึ่ง และเห็นหวงจงยังคงนั่งอยู่ตรงที่นั่งกิตติมศักดิ์ เพียงแต่ในส่วนลึกของนัยน์ตา กลับดูซีเรียสขึ้นมา

ชายวัยกลางคนที่ด้านหลังหวงจงที่แทบไม่เป็นที่สังเกตนั้น ตอนนี้ก็กำลังจ้องมองหยางเฉินอย่างตื่นตัวราวกับพบเจอกับศัตรูตัวฉกาจแล้ว

“ไอ้หนู แกจะทำตัวให้มันได้ใจมากไปแล้วมั้ง?”

ในตอนนั้นเอง ในที่สุดหวงจงก็ได้พูดออกมา สายตาที่แหลมคมคู่นั้น จ้องเขม็งไปที่หยางเฉิน

ถ้าเขายังไม่ออกหน้าอีก เกรงว่าการมาเจียงผิงในครั้งนี้ คงต้องกลับไปมือเปล่าซะแล้ว

“แล้วคุณล่ะคิดว่าคุณมันเป็นตัวอะไร? เป็นแค่คนต่างถิ่น เรื่องภายในของเจียงผิง มีอะไรที่ต้องให้คุณยื่นมือเข้ามายุ่งด้วย?”

หยางเฉินสวนกลับอย่างตรงๆ จ้องมองหวงจงด้วยสายตาที่นิ่งเฉย

พอคำพูดคำนี้ของหยางเฉินถูกพูดออกไป บรรยากาศภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที!

ทุกคนต่างจ้องมองหยางเฉินด้วยความตกใจ อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงหนึ่งในผู้ที่มาจากแปดตระกูลแห่งเย็นตู ผู้สืบทอดของตระกูลหวงเลยนะ

แต่หยางเฉินกลับถามหวงจงว่าเขาเป็นตัวอะไรเนี่ยนะ?

นี่มันจะใจกล้าเกินไปแล้ว!

แม้แต่หานเซี่ยวเทียนยังตกใจมาก แต่ลึกๆ ในใจ กลับแอบรู้สึกเชื่อมั่นในตัวของหยางเฉินมาก

ในตอนที่หยางเฉินลงมือ เขาก็ได้รู้แล้วว่า หยางเฉินนั้นคือผู้แข็งแกร่งที่ออกมาจากชายแดนเหนือ

ตอนที่ได้เห็นหยางเฉินสามารถสังหารยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหนิงลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาก็มั่นใจแล้วว่า หยางเฉินที่อยู่ในชายแดนเหนือ ต้องมีตำแหน่งที่สูงมากแน่นอน

ประเด็นคือ หยางเฉินอายุยังน้อยแค่นี้ ก็มีความสามารถที่มากขนาดนี้ ทั่วทั้งจิ่วโจว จะมีสักกี่คนกัน?

ตอนนี้ ในหัวของหานเซี่ยวเทียน ก็ได้นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา

ครึ่งปีก่อน ตอนที่เขาไปเยี่ยมสหายร่วมรบระดับสูงคนหนึ่งที่อยู่เมืองเยนตูนั้น ก็ได้เปิดเผยข้อมูลอันหนึ่งให้เขาอย่างไม่รู้ตัว

รักษาดินแดนเหนือในตอนนั้น เป็นชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงสามสิบคนหนึ่ง