บทที่ 453: เจ้าจักเป็นเพียงแค่ภาระของเขา

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 453: เจ้าจักเป็นเพียงแค่ภาระของเขา

 

หลังจากที่ชินเหลียงหยูแอบมองเข้าไปในกระท่อมที่เธอมีเจตนาที่จะปกป้อง ก็เหมือนกับว่าเวลาของเธอได้หยุดยั้งลงขณะที่เธอยืนมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกำลังหอบหายใจ ผู้คนก็คงเข้าใจผิดได้ง่ายๆว่าเธอเป็นรูปปั้นของจริง

 

จากหญิงสาวคนแล้วคนเล่า ชินเหลียงหยูมองดูซูหยางสอดใส่ความเป็นชายของเขาเข้าไปในร่างกายของเด็กสาวก่อนที่จะขยับสะโพกของตนเองอย่างรุนแรง ให้ความสุขแก่คู่นอนของเขาไม่รู้จบ

 

“ห-หัวหน้ากำลังทำอะไรนั่น”

 

“ข้ามิรู้ แต่ข้ามีความรู้สึกว่าพวกเรามิควรจะไปรบกวนเธอ…”

 

เมื่อชนเผ่าสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของชินเหลียงหยู พวกเขารู้โดยสัญชาตญาณว่าให้อย่าใส่ใจกับเธอและทำเป็นเหมือนกับว่าพวกเขาไม่เห็นเธอทำท่าเหมือนกับพวกถ้ำมอง

 

ในเวลานั้นบนยานบินที่ห่างออกไปสองสามกิโลเมตรจากชนเผ่าหมูป่า ถังหลินชีเข้าไปหาชิวเยว่และกล่าวถามเธอว่า “เฮ้ เจ้าได้รู้อะไรใหม่ๆเกี่ยวกับกระจกนิลกาฬจากชนเผ่ามังกรหรือไม่”

 

ชิวเยว่พยักหน้าและกล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่ากระจกนิลกาฬครั้งหนึ่งเป็นของคนผู้หนึ่งแต่เขาได้สูญเสียมันไป”

 

“นั่นหมายความว่ามันมิได้เป็นสมบัติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติงั้นรึ”

 

“ไม่ และข้าคิดว่าข้ารู้ว่าใครเคยเป็นเจ้าของกระจกนิลกาฬ”

 

“โอ บอกข้าสักหน่อยสิ”

 

ชิวเยว่ทำการอธิบายให้ถังหลินชีฟังเกี่ยวกับอุปกรณ์พิเศษที่เธอกับซูหยางได้พบ ก่อนที่จะพูดเกี่ยวกับคนที่เป็นเจ้าของมัน

 

“เขาเป็นคนจากกองกำลังสูงสุดและพวกเราพบซากศพของเขาอยู่ในอุปกรณ์พิเศษ เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บในสงครามที่เกี่ยวข้องกับสายเลือดเทพอาชูร่าของท่านก่อนที่เขาจะปรากฏขึ้นในโลกนี้และได้ตายที่นี่”

 

“กองกำลังสูงสุดรึ” ถังหลินชีไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรมากนัก เธอกล่าวต่อว่า “สายเลือดเทพอาชูร่าได้เข้าร่วมสงครามกับจักรพรรดิสวรรค์เพื่อแก้แค้นให้กับ “การตาย” ของซูหยาง และพวกเราได้ต่อสู้กับอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้งเป็นเวลาหลายปี พวกเรายังคงได้ฆ่าคนมากมายจากกองกำลังสูงสุดและทำร้ายอีกฝ่ายบาดเจ็บนับไม่ถ้วน”

 

“ส่วนการที่ชายคนนี้ปรากฏตัวที่โลกแห่งนี้… ข้าเดาว่า…” ถังหลินชีพลันกล่าวขึ้น

 

เธอกล่าวต่อหลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งว่า “ระหว่างการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับกองกำลังสูงสุดซึ่งค่อนข้างดุเดือด และพวกเราได้บังเอิญทำให้เกิดรอยแยกมิติขึ้นมา ซึ่งได้ดูดเอาผู้เคราะห์ร้ายเข้าไปหลายคน บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นและได้ท่องเที่ยวมาจนถึงโลกนี้โดยบังเอิญ”

 

“ท-ท่านสร้างรอยแยกมิติโดยบังเอิญงั้นรึ ท่านลงเอยด้วยการทำให้เกิดหายนะเช่นนั้นขึ้นมาได้อย่างไร” ชิวเยว่อุทานด้วยความตกใจ

 

เมื่อปราณไร้ลักษณ์จำนวนมหาศาลปะทะกันจะมีโอกาสเล็กน้อยที่จะเกิดรอยแยกมิติขึ้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมันจะดูดทุกสิ่งในบริเวณใกล้เคียงนั้นเข้าไป ก่อนที่จะโยนสิ่งเหล่านั้นไปอย่างสุ่มๆทั่วจักรวาล

 

“ถ้าเขาถูกรอยแยกมิติดูด นั่นก็จะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาจึงมาลงเอยที่โลกนี้ได้” ชิวเยว่พูด

 

“และถ้ากระจกนิลกาฬเป็นของคนจากกองกำลังสูงสุด ก็มีโอกาสอย่างสูงที่เขาจะได้รับมันจากตำหนักสวรรค์” ถังหลินชีกล่าว

 

ตำหนักสวรรค์เป็นที่ตั้งของกองกำลังสูงสุด มันยังเป็นคลังเก็บสมบัติของจักรพรรดิ์สวรรค์ซึ่งเก็บสมบัตินับไม่ถ้วนด้วย 

 

ถ้ามีใครสักคนจากกองกำลังสูงสุดได้แสดงผลงานที่โดดเด่นหรือทำสิ่งที่มีค่าควรแก่การจดจำ พวกเขาก็จะได้รับสมบัติจากตำหนักสวรรค์ บางทีกระจกนิลกาฬนี้อาจจะมาจากตำหนักสวรรค์

 

“แม้ว่าพวกเราจะรู้ต้นตอของมัน พวกเรายังคงไม่รู้ว่ามันจะช่วยให้พวกเราคืนกลับไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ได้หรือไม่” ชิวเยว่ถอนใจ

 

“พวกเราอาจจะมิรู้เรื่องเหล่านี้ แต่ซูหยาง..เขาอาจจะมีความคิดเห็นในเรื่องนี้ก็ได้”

 

“อะไรนะ ทำไมท่านจึงพูดเช่นนั้น” ชิวเยว่เลิกคิ้วด้วยท่าทางสงสัย

 

“ข้ามิอาจพูดได้อย่างมั่นใจนัก แต่เขาดูเหมือนจะจำกระจกนิลกาฬได้ เขาอาจจะยังคงจดจำมันมิได้เต็มที่นัก”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว…”

 

ครั้นเมื่อพวกเธอจบหัวข้อนี้แล้ว ความเงียบก็เข้าปกคลุมภายในห้องนั้น

 

แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้น ถังหลินชีก็พูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าซูหยางจะทำอะไรต่อไปหลังจากที่เขากลับไปยังสวรรค์สูงสุดทั้งสี่ แต่แล้วเจ้าล่ะ เจ้าตอนนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของวังจันทราศักดิ์สิทธิ์อยู่ถูกไหม เจ้ามีที่ไหนจะไปหรือยัง หรือเจ้าจักติดตามซูหยางต่อไป”

 

“นี่…”

 

ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบ ถังหลินชีก็พูดต่อว่า “ข้ามิเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าจะติดตามเขาไป”

 

“อ-อะไรนะ ทำไมกัน” ชิวเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นตกตะลึงกับคำพูดของถังหลินชี

 

“เพราะว่ามันจะเป็นอันตรายมากเกินไปสำหรับเจ้าในการที่จะติดตามเขา และเจ้าก็จักเป็นเพียงแค่ภาระด้วยพลังการฝึกปรืออันต่ำต้อยจนน่าหัวเราะของเจ้า” ถังหลินชีกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

 

“เจ้าอาจจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ แต่ครั้นเมื่อเจ้ากลับคืนไปยังสถานที่แห่งนั้น ตัวตนของเจ้านั้นก็จะมิต่างไปจากมด และถ้าเจ้าติดตามซูหยางไปทั่วในขณะที่อยู่ในสภาพนั้น เจ้าก็จักเป็นเพียงแค่ภาระสำหรับเขา”

 

“เช่นนั้นข้าควรจะทำอะไรต่อไป เขาเป็นเพียงเหตุผลเดียวกับการคงอยู่ของข้าในตอนนี้ หากปราศจากเขาข้าก็จักกลับไปหลงทางและไร้จุดหมายเหมือนกับที่ข้าได้เป็นมาตลอดสองพันปีในโลกแห่งนี้ก่อนที่จะได้อยู่ร่วมกับเขาอีกครั้ง” ชิวเยว่พูดด้วยเสียงโศกเศร้า

 

ก่อนที่เธอจะได้อยู่ร่วมกับซูหยางอีกครั้ง เธอได้มีชีวิตอยู่อย่างอนาถและเปล่าเปลี่ยวมานับสองพันปีในที่แห่งนี้โดยปราศจากเพื่อนหรือครอบครัวแม้แต่คนเดียว ตามความเป็นจริงเธอเองก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

 

“ถ้าข้ามิได้พบกับซูหยาง ข้าก็คงจักฆ่าตัวตายไปหลังจากที่ผ่านไปอีกไม่กี่ปี ในเมื่อข้ามีความรู้สึกเหมือนกับถูกกักขังยิ่งกว่านกในกรงเมื่ออยู่ในโลกนี้ ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปอย่างช้าๆในเมื่อข้ามิสามารถที่จะเพิ่มพลังการฝึกปรือของข้าได้อีกต่อไปด้วยปราณไร้ลักษณ์ในโลกนี้”

 

“…”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ถังหลินชีก็กล่าวขึ้น “ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าสามารถมากับข้าไปยังสายเลือดเทพอาชูร่า”

 

“อะไรนะ” ชิวเยว่มองดูอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“แม้ว่าการฝึกปรือของเจ้าจะล้าหลังคนอื่นที่มีอายุเท่ากับเจ้า พรสวรรค์ของเจ้ายังคงมิได้หายไปไหน ถ้าเจ้ามายังสายเลือดเทพอาชูร่า พวกเราสามารถจัดหาทรัพยากรให้เจ้าได้เกือบมิสิ้นสุดสำหรับการฝึกฝนของเจ้าและยังสามารถฝึกฝนเจ้าให้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งพอที่จะยืนเคียงข้างซูหยางได้มิว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตามอีกด้วย”

 

“สายเลือดเทพอาชูรายังสามารถที่จะให้การปกป้องเจ้าได้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าวังจันทราศักดิ์สิทธิ์จะพบว่าเจ้าอยู่กับพวกเรา พวกนั้นก็มิกล้าที่จะแตะต้องเจ้า นอกจากว่าพวกนั้นต้องการที่จะตายเท่านั้น”

 

“ท-ท่านจะทำเช่นนั้นเพื่อข้ารึ” ชิวเยว่พูดไม่ออก

 

“แน่นอน พวกเราในตอนนี้เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว และถ้าข้ายอมให้คนที่ซูหยางให้ความสำคัญได้รับความทุกข์ทรมาน ข้าก็จักมิสามารถที่จะไปพบหน้าเขาได้หลังจากนั้น” ถังหลินชียิ้ม

 

“จากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วนั้น ข้ามิรู้ว่าซูหยางมีแผนอะไรสำหรัเจ้าหรือไม่ ดังนั้นข้าจึงเพียงพูดคุยในตอนนี้ ข้าสงสัยว่าซูหยางจักปล่อยเจ้าทิ้งไว้ตามลำพังครั้นเมื่อพวกเรากลับคืนไปยังสถานที่แห่งนั้นหรือไม่ แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะไปยังสายเลือดเทพอาชูร่าแล้ว ประตูย่อมจักเปิดให้กับเจ้าเสมอ”

 

“ข-ขอบคุณ…” ชิวเยว่เผยให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่น และเธอก็เริ่มมองถังหลินชีเป็นเหมือนกับสมาชิกครอบครัว คนที่เปรียบเสมือนกับพี่สาวใหญ่สำหรับเธอจริงๆ

 

แม้ว่าครอบครัวของเธออาจจะประกอบไปด้วยแค่ซูหยางและถังหลินชีในตอนนี้ มันย่อมจะเติบใหญ่มากขึ้นกว่านี้ครั้นเมื่อเธอกลับคืนไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และพบกับคู่ครองของซูหยางอีกหลายคนเช่นเดียวกับถังหลินชี