ตอนที่ 312 ปีศาจจิ้งจอกที่กินจนอิ่มหนำสำราญ / ตอนที่ 313 พบจ้านซีเฉินเป็นครั้งแรก

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 312 ปีศาจจิ้งจอกที่กินจนอิ่มหนำสำราญ  

 

 

           จิ้นหยวนพยักหน้าหนักแน่น จากนั้นเอ่ยถาม “หมดแล้วเหรอ?” 

 

 

           “หมดแล้ว คุณนี่ยังไงกันนะ?” ความจริงเธอยังมีเรื่องอีกเยอะแยะที่อยากจะคุยกับเขา แต่พอเห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มที่เธอคุ้นเคยที่สุดแล้วสัญชาตญาณกลับต้องร้องเตือนในใจ นี่มันในที่ทำงานนะ เขาคงไม่ทำอะไรอย่างนั้นที่นี่หรอกใช่ไหม? 

 

 

           แต่เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองประเมินความหน้าด้านของเขาต่ำเกินไป จิ้นหยวนยกยิ้มมุมปากร้ายๆ ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอช้าๆ “ผมเสียสละเพื่อคุณมากขนาดนี้แล้ว คุณควรจะให้รางวัลผมใช่ไหม? หือ?” 

 

 

           เขาเปล่งคำสุดท้ายอยู่ข้างหูเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนทำให้เธอหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึง “จิ้นหยวน นี่มันที่ทำงานของคุณนะ คุณอย่าทำตัวน่าละอายแบบนี้ได้ไหม?” เธอกัดฟันกรอด 

 

 

           “น่าละอายเหรอ? คุณไม่รู้หรอกว่าที่ที่น่าละอายจริงๆ น่ะมันเป็นยังไง” จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ มองเธอด้วยสายตาอบอุ่นและลึกซึ้งจนทำให้หัวใจเธออ่อนยวบ เพียงไม่นาน ริมฝีปากของเธอก็ถูกริมฝีปากของเขาครอบครอง  

 

 

           หลังจากนั้นสองหนุ่มสาวก็ได้ “พักผ่อน” ในห้องพักผ่อนจริงๆ เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างกันหลังจากเวลาผ่านพ้นไปสองชั่วโมงก็คือ จิ้นหยวนสดชื่นมากราวกับได้พักผ่อนจริงๆ ส่วนเฉียวซือมู่นั้นกลับนอน “หายใจรวยริน” อยู่บนเตียง เหมือนกับเรื่องเล่าในตำนานที่เล่าขานกันว่าบัณฑิตดวงซวยผู้น่าสงสารถูกปีศาจจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ดูดพลังชีวิตจนหมดไม่มีผิด 

 

 

           เธอจ้องมอง “ปีศาจจิ้งจอก” ที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งตาเขียวปั๊ด พยายามยันกายลุกขึ้น แต่กลับพบว่าแขนขาอ่อนแรงเหลือเกิน ทำไมเรื่องง่ายแค่นี้ก็ทำไม่ได้นะ เธอได้แต่แอบคิดว่าอีตาบ้านั่นไปกินอะไรมาถึงได้เก่งกาจขนาดนั้น? 

 

 

           เฮ้ย เธอจะคิดฟุ้งซ่านแบบนั้นไม่ได้นะ เธอยกมือขึ้นตบศีรษะตัวเองเบาๆ บ้าไปแล้ว คิดไปได้อย่างไร 

 

 

           เธอส่ายศีรษะเบาๆ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น จะว่าไปก็แปลก ทั้งๆ ที่เธอรู้สึกไม่พอใจเรื่องของเจียงจื่อเสียนอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ความไม่พอใจนั้นกลับลดน้อยถอยลงไปมากแล้ว หรือเป็นเพราะได้เล่นผีผ้าห่ม? 

 

 

           คิดไปคิดมาไม่ได้คำตอบเสียที จึงเลิกคิดดีกว่า 

 

 

           ไม่นาน จิ้นหยวนจัดการงานเสร็จเรียบร้อย เขาเดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาในห้อง เห็นเธอกำลังเอนตัวอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียง รอยยิ้มในดวงตาลึกล้ำยิ่งขึ้น เขาเดินเข้าไปหาเธอ ตีก้นเฉียวซือมู่ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นโทรศัพท์มือถือดังเพียะ “ดูอะไรอยู่น่ะ?” 

 

 

           เธอสะดุ้งตกใจ หันไปถลึงตาใส่เขา “คุณไม่ใช่ผีนะ เดินให้สุ้มให้เสียงหน่อยสิ” เอ่ยแล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้นให้เขาดู “อ่านข่าวอยู่ค่ะ คุณว่าถ้าฉันกลับไปทำงาน…” 

 

 

           ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบจิ้นหยวนก็หน้าเข้มขึ้นทันที “คุณเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะผมไม่มีวันรับปากคุณหรอก” 

 

 

           “คุณ!” เฉียวซือมู่เบือนหน้าหนีด้วยความโมโห คนอะไรเผด็จการที่สุด เมื่อกี้เธอเผลอคิดไปได้อย่างไรว่าเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน? 

 

 

           จิ้นหยวนเห็นท่าทางโมโหของเธอแล้วใจอ่อนยวบ เขากอดเธอพลางเอ่ยปลอบใจ “อย่าโมโหไปเลยนะ เดี๋ยวผมพาคุณไปกินของอร่อย โอเคไหม?” 

 

 

           “ไม่เอา ฉันกำลังโมโหอยู่” เฉียวซือมู่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่คุยกับเขา และจะไม่ยอมรับสินบนของเขาด้วย 

 

 

           จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ “ยัยโง่เอ๊ย ผมหวังดีกับคุณนะ” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 313 พบจ้านซีเฉินเป็นครั้งแรก  

 

 

           “คุณหมายความว่าอะไรคะ?” เฉียวซือมู่หันไปมองจิ้นหยวน ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังงอนเขาอยู่ 

 

 

           “คุณอย่าถามให้มากเลย แค่เชื่อฟังคุณสามีก็พอแล้ว รู้ไหม?” เขาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมบอกเหตุผลให้เธอรู้ 

 

 

           หากเธออยากจะแต่งงานกับเขาจริง เธอก็ต้องคิดให้ได้ว่าเขาต้องการอะไร สะใภ้ตระกูลจิ้นไม่ใช่จะเป็นกันได้ง่ายๆ นะ 

 

 

           น่าเสียดายที่เฉียวซือมู่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาต้องการอะไร เมื่อเห็นว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาก็ไม่ยอมบอกแน่ เธอจึงฝังคมเขี้ยวลงบนตัวเขา “ฉันเกลียดคุณที่สุดเลย” 

 

 

           “เอาล่ะ ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง?” เขาตบหลังเธอเบาๆ “ไป เราไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า” 

 

 

           เธอทำปากจู๋ อยากจะปฏิเสธว่าไม่ไปอย่างถือตัว แต่จังหวะนั้นท้องเธอกลับส่งเสียงร้องดัง โครกครากอย่างไม่ไว้หน้าเธอสักนิดจนใบหน้าเธอแดงซ่านด้วยความอับอาย จิ้นหยวนยกยิ้มน้อยๆ ยังดีที่เขาไม่ได้ถือโอกาสหัวเราะเยาะเธอ 

 

 

           เธอหมดทางปฏิเสธอีก ได้แต่ลุกออกจากเตียงแต่โดยดี ผ้าห่มลื่นไหลลงจนเผยให้เห็นร่างกายอ่อนนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยช้ำบนกายเธอ เป็นภาพที่ชวนเย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูก จิ้นหยวนเห็นรอยช้ำบนกายเธอที่เขาเป็นคนฝากผลงานเอาไว้แล้วหวนนึกถึงความสุขหฤหรรษ์ก่อนหน้านี้ และนั่นทำให้เขาหายใจแรงขึ้น 

 

 

           เธอรู้สึกได้ทันทีถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา สัญชาตญาณร้องเตือนให้เธอรีบขดตัวกลม “ไม่ได้แล้วนะ ฉันหิวแล้ว!” 

 

 

           เขาเป็นสัตว์ป่าหรืออย่างไร ไหนบอกว่าผู้ชายหลังเสร็จกิจแล้วต้องการเวลาฟื้นฟูไม่ใช่หรือ? เหตุใดเขาจึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ? หรือว่าเขาจะกินยา? 

 

 

           จิ้นหยวนไม่รู้ว่าเธอคิดไปไกลขนาดนั้นแล้ว ขืนเขารู้เข้าเขาคงจับตัวเธอเขย่าให้ตื่นจากเรื่องละเมอเพ้อพก แล้วตะโกนว่าผมเป็นคนอย่างนั้นเหรอ? ผมต้องพึ่งของแบบนั้นด้วยเหรอ? คุณดูถูกผมมากเกินไปแล้วนะ! 

 

 

           บางทีเขาอาจจะเผด็จศึกอีกคำรบเพื่อประกาศศักดาของตนเองก็ได้ 

 

 

           ดังนั้น เฉียวซือมู่ไม่ได้พูดสิ่งที่ตนคิดออกไปให้เขารู้ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดแล้ว 

 

 

           สองหนุ่มสาวจู๋จี๋กันอีกสักพัก จิ้นหยวนจึงพาเธอออกจากบริษัท คราวนี้เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายตาที่พนักงานมองเธอนั้นเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอได้แต่ทอดถอนใจ ขณะเดียวกันเธอก็นึกถึงเจียงจื่อเสียนขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้เจียงจื่อเสียนจะรู้สึกอย่างไรบ้าง 

 

 

           เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเจียงจื่อเสียงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับจิ้นหยวน ภาพที่ทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนมตรงชั้นหนึ่งก่อนหน้านี้ เธอเห็นชัดเจนว่าสายตาของเจียงจื่อเสียนที่มองจิ้นหยวนนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างชัดเจน คงมีแต่ผู้ชายที่ไม่ละเอียดอ่อนอย่างจิ้นหยวนเท่านั้นกระมังที่ไม่รู้สึกตัวอะไรกับเขาเลย 

 

 

           แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปล่อยให้เจียงจื่อเสียนผิดหวังแหละดีแล้ว 

 

 

           เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอจึงรู้สึกมีความสุขมาก และอารมณ์ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

          จิ้นหยวนมองเธอที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแล้วยกยิ้มมุมปาก รู้สึกว่าตอนนี้เธอสวยมาก 

 

 

เมื่อทั้งสองไปถึงร้านอาหาร เธอสังเกตเห็นใครบางคนที่แสนคุ้นเคยทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้าน เธอเลิกคิ้วขึ้นมองจิ้นหยวน 

 

 

           ขณะเดียวัน หลินจื้อเฉิงลุกขึ้นแล้วเอ่ยทักทายจิ้นหยวนว่าพี่ใหญ่อย่างสุภาพ 

 

 

           จิ้นหยวนเดินเข้าไปแล้วนั่งลงตรงข้ามสองหนุ่มสาว เขาหันไปแนะนำให้เธอรู้จัก “นี่เป็นพี่น้องของผมชื่อหลินจื้อเฉิง คุณเคยเจอเขาแล้ว ส่วนนี่เป็นว่าที่ภรรยาของเขา อีกไม่นานก็จะเป็นภรรยาของเขาแล้ว ผมก็เลยพาคุณมารู้จักพวกเขาเอาไว้” 

 

 

           “จริงเหรอคะ? ยินดีกับคุณด้วยนะคะ” เฉียวซือมู่แสดงความยินดีกับหลินจื้อเฉิงด้วยความจริงใจ เธอประทับใจในตัวเขาไม่น้อย แม้บางครั้งเขาออกจะทะเล้นไปหน่อยก็เถอะ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาซื่อสัตย์ต่อจิ้นหยวนมากแค่ไหน ที่สำคัญ หญิงสาวตรงหน้ายังสวยใช่ย่อยอีกต่างหาก ท่าทางเธอสุภาพอ่อนโยน ใบหน้าที่มองหลินจื้อเฉิงเต็มไปด้วยความรัก