แดนนิรมิตเทพ บทที่ 750
สุดท้าย เล่หรูหั่วใจสลาย และแต่งงานกับหยุนเทียนหลิง เพียงแต่หลังจากนั้นหนึ่งเดือน เธอก็เสียชีวิต

ชาติก่อนเฉินโม่ไม่รู้ว่าการตายของเล่หรูหั่วมีส่วนเกี่ยวข้องกับหยุนเทียนหลิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เขามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน

เฉินโม่มองชายหนุ่มที่กำลังจะเดินมาถึงบริเวณที่เล่หรูหั่วนั่งอยู่ ดวงตาของเฉินโม่สงบอย่างน่าประหลาดใจ

“หยุนเทียนหลิง ไม่เจอกันนาน!”

“ชาตินี้ ไม่รู้ว่าฉันจะเข้าตานายได้ไหม?” เฉินโม่ยิ้มเบา ๆ แต่รอยยิ้มนั้นเย็นชาเล็กน้อย

เล่หรูหั่วมองหยุนเทียนหลิงที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตาที่สวยงามของเธอเฉยเมยราวกับว่าพบเจอคนแปลกหน้า

หยุนเทียนหลิงมองเล่หรูหั่วด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ได้ยินว่าคุณมาเรียนที่มหาวิทยาลัยหัวหนาน ผมก็เลยตามมาด้วย!” คำพูดของหยุนเทียนหลิงสั้น ๆ และชัดเจน

หลังจากกล่าวจบ เขาไม่รอให้เล่หรูหั่วตอบ เขามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเล่หรูหั่ว “ผมจะนั่งตรงนี่ คุณไปนั่งตรงนั้น!”

ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่เคยพบกับผู้ชายที่พลังเช่นนี้มาก่อน เธอพยักหน้าด้วยความมึนงง ตอบคำหนึ่ง แล้วสละที่นั่งให้หยุนเทียนหลิง

ในที่สุดเล่หรูหั่วก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว เธอลุกขึ้นทันที และกำลังจะเดินจากไป

เพียงแต่หยุนเทียนหลิงดึงตัวเธอเอาไว้ และเธอก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้

“ปล่อย!” เล่หรูหั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห จ้องหยุนเทียนหลิงด้วยสายตาโมโห

ลูกน้องเสิ่นเจี้ยนเหวินที่อยู่ไม่ไกล กล่าวเบา ๆ ด้วยความประหลาดใจว่า “คุณชายเสิ่น ดูเหมือนว่าเทพธิดาเล่หรูหั่วจะเจอปัญหาแล้ว”

“บุคคลนั้นเป็นใคร? กล้าแตะต้องเล่หรูหั่ว?”

เสิ่นเจี้ยนเหวินมองหยุนเทียนหลิง เขาไม่รู้จักหยุนเทียนหลิงเช่นกัน แต่เขาได้ยินข่าวบางอย่าง และสังเกตจากบุคลิกของหยุนเทียนหลิงแล้ว เขาตัดสินว่าบางทีหยุนเทียนหลิงอาจเป็นคนที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้

“พวกนายอย่าไปยั่วยุบุคคลนั้นเด็ดขาด มิเช่นนั้นแม้กระทั่งฉันก็ต้องตายอย่างอนาถ!” เสิ่นเจี้ยนเหวินเตือนลูกน้องชายของตนเอง

ลูกน้องมองเสิ่นเจี้ยนเหวินด้วยสีหน้าประหลาดใจ รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ดังนั้นพวกเขาต่างพยักหน้า

พวกเขามองหยุนเทียนหลิงแวบหนึ่ง แล้วจดจำรูปลักษณ์ของหยุนเทียนหลิงไว้ บุคคลที่เสิ่นเจี้ยนเหวินบอกว่าถ้าล่วงเกินแล้วจะต้องตาย ทำให้พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินบุคคลคนนี้เด็ดขาด

หยุนเทียนหลิงมองเล่หรูหั่วที่กำลังโกรธเล็กน้อย สีหน้าของเขาสงบจนน่ากลัว ราวกับว่าเขาเป็นเครื่องจักรที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก

“นั่งลง!” น้ำเสียงของหยุนเทียนหลิงราบเรียบ แต่เป็นน้ำเสียงที่ออกคำสั่ง

เล่หรูหั่วกล่าวอย่างเย็นชา “คุณมีสิทธิ์อะไร!”

เจียงเสวี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอแค่รู้สึกว่าเล่หรูหั่วรู้จักผู้ชายแปลก ๆ ที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันคนนี้อย่างแน่นอน และเธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธของเล่หรูหั่ว

เธอในฐานะเพื่อนสนิท เจียงเสวี่ยจึงตัดสินใจที่จะยืนเคียงข้างเล่หรูหั่ว

“คุณเป็นใคร? ทำแบบนี้มันเสียมารยาทมาก! รีบปล่อยเธอ!” เจียงเสวี่ยดุหยุนเทียนหลิง

หยุนเทียนหลิงไม่มองเจียงเสวี่ยด้วยซ้ำ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เล่หรูหั่วเสมอ “คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น ทางที่ดีคุณควรดูแลเพื่อนของคุณให้ดีกว่านี้!”

เล่หรูหั่วเบิกตากว้าง “คุณกล้าเหรอ!”

“คุณสามารถลองได้!” หยุนเทียนหลิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

“ลองก็ได้!”

เสียงที่ราบเรียบเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกกดดันแม้แต่น้อย และเป็นเสียงที่แผ่วเบาและเลื่อนลอย ดังมาจากด้านหลังเล่หรูหั่ว

เล่หรูหั่วเงยหน้ามองเฉินโม่ด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงสถานะของหยุนเทียนหลิงแล้ว เล่หรูหั่วไม่อยากให้เฉินโม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“เฉินโม่ มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา คุณอย่ามายุ่ง!”

หยุนเทียนหลิงเหลือบมองเล่หรูหั่ว เขาสามารถมองออกว่าเล่หรูหั่วกำลังปกป้องผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนนี้อยู่

หยุนเทียนหลิงหันไปมองเฉินโม่ด้วยสายตาเย็นชา

“เจ้าหนู วีรบุรุษช่วยสาวงามที่อยู่ในทีวี ต้องอาศัยความสามารถของตัวเอง แต่ฉันคิดว่านายไม่มีความสามารถนั้น!”