ตอนที่ 451 แท้งลูก / ตอนที่ 452 ส่งกลับบ้านเก่า

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 451 แท้งลูก

 

 

ครั้งนี้เฝิงเยี่ยไป๋กลับมาก่อนโดยไม่ได้บอกใคร เขากลัวว่าฮ่องเต้ใช้แผนชั่วลับหลังเขา หานสือนั่นตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู คำพูดก็ไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เล่าเรื่องให้พวกเขาฟังกลับไม่บอกเวลา การกระทำช่างทำเอาไม่เข้าใจเสียจริง

 

 

ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือช่วยเว่ยหมิ่นและเหลียงอู๋เย่ว์ออกมา เหลียงอู๋เย่ว์เขาเข้าใจดีเกินไปแล้ว หลายปีมานี้ ในใจก็มีเพียงเว่ยหมิ่นคนเดียว ชอบมาตั้งแต่เด็ก ฐานะของเว่ยหมิ่นอยู่ในใจเขาสำคัญยิ่งนัก ตอนนี้อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ฮ่องเต้กลับยื่นพระหัตถ์เข้ามา แยกทั้งสองคนออกจากกัน เขาไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเป็นเช่นไร สนเพียงแต่เว่ยหมิ่น นางตั้งครรภ์อยู่ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าเกือบแท้งลูกออกมา เขาถูกขังอยู่ในจวนท่านหญิงออกไปไม่ได้และไม่มีความสามารถ ทั้งแค้นทั้งเจ็บใจ หากเขาออกไปได้ ตอนนี้ให้มีดเขาเล่มหนึ่ง เขาก็คงพุ่งเข้าไปในใจฆ่าฮ่องเต้เสียแล้ว

 

 

เฉินยางถูกเขากล่อมจนหลับ หลับไปแล้วก็ยังต้องกอดแขนของเขาเอาไว้ กลัวตื่นขึ้นมา เขาก็ทิ้งเพียงจดหมาย แล้วคนก็หายไปอีก

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋จัดผ้าห่มให้นาง นิ้วทั้งห้าสอดเข้าไปในผมของนางแล้วลูบลงไปข้างล่างช้าๆ ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นนม แม้จะจุดธูปแล้วแต่กลิ่นก็ไม่อาจกลบได้ คนนอกดมแล้วอาจยากจะรับได้ เพียงแต่เขากลับดมอย่างไรก็ไม่พอเช่นนั้น กลิ่นนี้ทำให้สงบ เป็นกลิ่นสำหรับเขาเท่านั้น

 

 

“ท่านพ่อ…”

 

 

ได้ยินนางฝันเรียกถึงพ่อ เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกเหม่อลอย เขาเกือบลืมไปแล้ว นางเองยังเป็นเด็กอยู่เลย ไม่เคยแยกจากพ่อตั้งแต่เด็ก พอแยกกันครั้งนี้ก็นานเช่นนี้แล้ว ในใจจะคิดอย่างไร

 

 

ช่วงนี้ยุ่งนัก ไม่ได้ดูแลนาง วันนี้นางพูดกับเขาอยู่มากมายเช่นนี้ อะไรเว่ยหมิ่นกินไม่อิ่มนอนไม่หลับทำเอาสงสาร เหลียงอู๋เย่ว์วันๆ เอาแต่ดื่มเหล้าไม่สนใจใครน่าสงสารเพียงใด ยังบอกอีกว่าตัวเองเลียนแบบเขาหลอกขันทีครัวหลวง เรื่องเหล่านี้ควรจะเป็นเขาที่ทำให้นาง เพียงแต่เขาไม่อยู่ ไม่มีใครปกป้องนาง นางอุ้มท้องจัดการทีละเรื่อง เพียงแค่คิดก็ทำเอาสงสารแล้ว

 

 

เว่ยหมิ่นอยู่ในวัง ฮ่องเต้เฝ้าอย่างแน่นหนาและไม่ให้ใครเข้าใกล้อีก ไม่อาจลงมืออย่างอุกอาจ เกรงว่าจะลำบาก เหลียงอู๋เย่ว์นั้นกลับไม่ยาก ฮ่องเต้อยากให้เขาตาย เช่นนั้นก็ได้ ถึงเวลาจุดไฟเผาเสีย เผาจนเป็นเถ้าถ่าน ใครจะรู้ว่าคนที่ตายเป็นเขาหรือไม่

 

 

ในหัวของเขามีความคิดแล้ว อย่างไรเสียก็ช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ออกมาก่อนค่อยว่ากัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริงๆ

 

 

แผนของเขาค่อนข้างสมบูรณ์ เพียงแต่วันรุ่งเช้า เสี่ยวโซ่เอ๋อร์ที่อยู่ครัวหลวงก็ฝากคนส่งจดหมายมา บอกว่าเมื่อวานเว่ยหมิ่นเดินเล่นอยู่ที่สวนของตำหนักอวี้ชิ่ง ไม่ทันได้ระวัง ลื่นหกล้มไปแล้วแท้ง!

 

 

แท้งลูกแล้ว?

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ให้เฉาเต๋อหลุนหาวิธีจับเสี่ยวโซ่วเอ๋อร์มา เขาไม่ได้พูดง่ายดั่งเฉินยาง เขาปั้นหน้านั่งอยู่ที่นั่น แล้วเปิดฝาชาจิบไปคำหนึ่ง ไอร้อนที่ลอยออกมา สะท้อนกับความบูดบึ้งบนหน้าเขา “วันนี้ตอนเช้าเจ้าฝากคนส่งจดหมายมา บอกว่าท่านหญิงแท้งลูกแล้ว?”

 

 

เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์คุกเข่าลงพื้นด้วยความหวาดกลัว เหงื่อซึมตามร่างกาย เงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาด้วยความระมัดระวัง ก้มกราบบอกว่าใช่

 

 

มือที่จับแก้วชาอยู่นั้น เห็นข้อนิ้วอย่างชัดเจน แต่ละนิ้วมาแรงซ่อนอยู่ ข้อนิ้วขาวซีดเล็กน้อย ปากแก้วเริ่มเห็นรอยร้าว รอยร้าวยาวขึ้นเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ

 

 

“หกล้มจนแท้งลูกหรือ”

 

 

เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์กราบอยู่บนพื้น ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมาอีก เขาตอบอย่างหดหู่ว่า “ท่านอ๋อง บ่าวทำงานอยู่ที่ครัวหลวง เรื่องของท่านหญิง บ่าวก็ไม่ทราบ เป็นบ่าวได้ยินจากหมอหลวงในตอนเช้าที่ส่งอาหารให้ท่านหญิง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 452 ส่งกลับบ้านเก่า

 

 

แก้วชาแตกดัง `เคร้ง’ เฝิงเยี่ยไป๋เลิกคิ้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำ เขาหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมารินชาแล้วดื่มไปคำหนึ่ง ถอนหายใจพูดว่า “เมื่อวานท่านหญิงกินอะไรไปบ้าง”

 

 

เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์พูดว่า “ท่านหญิงบอกว่าไม่หิว เมื่อคืนกินเพียงข้าวต้มพุทราเก๋ากี้ เพราะครั้งก่อนเกือบจะแท้งลูก ท่านหญิงจึงเลี้ยงแมวตัวเมียที่ตั้งครรภ์อยู่ในวัง อาหารที่ส่งไปทั้งหมดล้วนต้องให้แมวตัวนั้นกินก่อน หากแมวกินแล้วไม่เป็นไร ท่านหญิงถึงจะกิน ดังนั้น… ท่านอ๋องโปรดเมตตา เป็นไปไม่ได้ที่อาหารจะมีปัญหา บ่าวเป็นเพียงแค่คนมาส่งสาร เรื่องอย่างอื่นไม่เกี่ยวกับบ่าวเลย!”

 

 

“กลับมาครั้งนี้ทำไมถึงเสียเรื่องแล้ว” เขาร้องหึเบาๆ “ครั้งก่อนมาไม่ใช่ห้าวหาญนักหรือ พูดซ่อนเรื่องจะขอเงินใช้… เฉาเต๋อหลุน ไปคลังเอาเงินมาให้กงกงเสียหน่อย เขามาตั้งไกลก็ไม่ได้ง่ายนักเลย จะให้กลับไปมือเปล่าก็คงไม่ได้!”

 

 

เขาเป็นคนที่เก่งแต่ภายนอก จะกล้ารับคำว่า ‘กงกง’ สองคำนี้ได้อย่างไร พอได้ยินดังนั้นก็เข่าอ่อนทันที แทบอยากจะแทรกรูหนี “ท่านอ๋องทำบ่าวตกใจแล้ว บ่าวไม่อาจรับคำว่า ‘กงกง’ สองคำนี้ ครั้งก่อนบ่าวล่วงเกินพระชายา บ่าว… บ่าวยินดีตายเพื่อไถ่โทษ!”

 

 

คนใช้ในวังที่พูดกับเจ้านายว่ายอม ตายเพื่อไถ่โทษ ล้วนไม่เกี่ยวกับ `ตาย’ เพียงแสดงความภักดีเท่านั้น นี่เรียกว่าใช้การตายเพื่อแสดงความภักดี ไม่ใช่ยอมไปตายจริงๆ

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ขมวดคิ้วมองเขาอยู่พักหนึ่ง แล้วเรียกเฉาเต๋อหลุนมา “เมื่อครู่เขาพูดอะไรไปเจ้าก็ได้ยินแล้ว พาลงไปเสียเถิด!”

 

 

คำพูดของเขานั้นไม่ชัดเจน ตอนที่ถูกเฉาเต๋อหลุนพาออกไปนั้นก็ยังงุนงงอยู่ ยามที่ออกไปนั้น เห็นเฉินยางมีสาวใช้ประคองมาพอดี เขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “บ่าวน้อมเคารพพระชายา!”

 

 

เฉินยางไม่ได้มีภาพลักษณ์ดีๆ กับเขานักจึงไม่ได้สนใจเขาแล้วเดินเข้าห้องไปเลย เดินไปจนถึงสุดทางเดิน ก็หันกลับไปถามเฉาเต๋อหลุนว่า “ผู้ดูแลเฉาจะพาเขาไปที่ใดหรือ”

 

 

เฉาเต๋อหลุนตอบว่า “ส่งเขากลับบ้านเก่า”

 

 

กลับบ้านเก่า? นางถามซั่งเหมย “บ้านเก่าเขาอยู่ที่ใดหรือ”

 

 

คำว่า กลับบ้านเก่า ที่จริงแล้วก็เป็นคำพูดลับในกลุ่มบ่าว ที่ว่าส่งเขากลับบ้านเก่านั้น ความหมายก็คือส่งเขาไปเยี่ยมยมบาล คนเกิดใหม่ย่อมมาจากยมโลก เช่นนั้นนั่นก็เป็นบ้านเก่าของเขาไม่ใช่หรือ

 

 

เพียงแค่สุนัขรับใช้ไม่มีค่าพอให้นางเป็นกังวล ซั่งเหมยประคองนางเข้าไปข้างใน แล้วอธิบายกลบเกลื่อนว่า “ก็คือส่งเขากลับวังไป ข้างนอกหนาว พวกเรารีบเข้าไปในห้องเถิด”

 

 

เสี่ยวโซ่วเอ๋อร์กลับตะโกนอยู่ข้างหลังว่า “บ่าวไม่อยากกลับบ้านเก่า! พระชายา! พระชายาช่วยด้วย…”

 

 

เฉาเต๋อหลุนกระชากเขาออกจากสวน คำพูดที่เหลือเฉินยางได้ยินไม่ชัด

 

 

เมื่อคืนเฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้นอนทั้งคืน วันนี้ตอนเช้าตื่นมาตาจึงแดงก่ำ เฉินยางให้คนจัดเตรียมอาหารเที่ยงไว้ที่ห้องอ่านหนังสือของเขา นางตักข้าวต้มให้เขาถ้วยหนึ่ง เมื่อเห็นเขามีสีหน้าลังเลจึงถามเขาด้วยความระมัดระวังว่า “ท่านเป็นอะไรหรือ เหนื่อยเกินไปหรือไม่ ไปพักผ่อนเสียหน่อยเถิด!”

 

 

เขาส่ายหน้าแล้วกุมมือนางไว้ “วันนี้ตอนเช้ามีข่าวแจ้งมา บอกว่า… บอกว่าเว่ยหมิ่น… แท้งลูกแล้ว”

 

 

เขารู้ว่านางสนิทกับเว่ยหมิ่น และนางก็มีความผูกพันกับเว่ยหมิ่น ดังนั้นคำพูดนี้จึงยากที่จะเอ่ยปาก เพียงแต่นางต้องรู้ ช่วงหลายวันนี้นางทำงานเยอะมาก ตอนนี้เว่ยหมิ่นแท้งแล้วก็ยิ่งไม่ควรปิดบังนาง

 

 

เฉินยางลูบท้องตัวเองด้วยสัญชาตญาณ เหมือนดั่งความเจ็บปวดนั้นนางได้รับรู้ด้วยตัวเอง พอลูกได้มาอยู่ในท้องของแม่แล้ว ต่อให้ตัวน้อยเพียงใดก็เป็นคน เว่ยหมิ่นไม่มีลูกแล้ว ในใจนางก็รู้สึกแย่