บทที่ 476 เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 476 เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ
ณ ดินแดนตะวันตกอันไกลโพ้น ดาวเจิดจรัสดวงหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามสนธยา บ่งบอกให้รู้ว่าราตรีกำลังจะมาถึง เทือกเขาตลอดเส้นทางหุบเขาเริ่มดูมืดลงเรื่อยๆ

เมื่อลูเซียนเดินทางมาถึงถ้ำลับตามที่ตกลงกันไว้ แอล ฟรานซิส และเจคอปก็กำลังรออยู่ก่อนแล้ว แม้จะมีอุปสรรคมากมายในการกำจัดเหล่าพระเจ้าเทียมเท็จและนักบวช พวกเขาก็ยังหาทางมาถึงก่อนลูเซียน

“ทำไมมาช้านัก เลเวียธาน?” เจคอปถามขึ้นด้วยเสียงเบาๆ ซึ่งขณะเดียวกันก็ร่ายเวทมนตร์ตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีใครตามลูเซียนมา

แอลและฟรานซิสก็เกิดคำถามเดียวกันในหัว เนื่องจากถ้ำอยู่ไม่ไกลจากเมืองฮูซัม และเลเวียธานก็ออกมาจากเมืองก่อนพวกเขาพักใหญ่

ลูเซียนอธิบายด้วยคำตอบที่เตรียมไว้แล้ว “ข้ากระโดดลงในแม่น้ำ แต่เจอปัญหานิดหน่อย เพราะกระแสนน้ำและคลื่นที่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์เรียกมา ข้าต้องใช้เวลาสักพักว่ายน้ำฝ่ากระแสน้ำ”

“เอาล่ะ” เจคอปพยักหน้า รู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครตามลูเซียนมา

แอลมีสีหน้าซีดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังพอมีรอยยิ้มที่ฮึกเหิม “แม้อาซันยังไม่ตาย แต่เทวภาพของเขาดับลงแล้ว พระเจ้าเทียมเท็จที่เหลือต่างเกรงกลัวพลังของข้า พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก ข้าจะตบรางวัลอย่างงาม”

“ถือเป็นเกียรติของพวกเราอย่างยิ่ง” เจคอปรีบตอบ

ตอนนั้นเอง ฟรานซิสหยิบกล่องกักพลังเล็กๆ ออกมากล่องหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยพลังเทพพระเจ้า กล่องกักพลังทำให้ทั้งถ้ำหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นที่น่าอภิรมย์

ฟรานซิสและเจคอปได้รับกล่องมาจากแอล เพื่อใช้ในการเก็บพลังเทวภาพของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ หากไม่มีกล่องนี้ มนุษย์จะไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสกับพลังเทพเจ้าได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงการเก็บพลังเทพเลย

“เทพเจ้าแห่งการฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปผู้ยิ่งใหญ่ นี่คือพลังเทวภาพของเทพอาซิน เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์” ฟรานซิสเอ่ย

ลูเซียนไม่อยากเชื่อสายตา ฟรานซิสส่งกล่องที่กักพลัง ‘พระสิริพระเจ้า’ ให้กับแอลง่ายๆ เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม แอลมีอาการรีบร้อน แอลรีบเปิดกล่องกักพลังอย่างร้อนรนต่อหน้าเจคอป ฟรานซิส และลูเซียน ทันทีที่กล่องเปิดออก รัศมีแสงเย็นๆ ก็พุ่งออกมา พวกเขารู้สึกเหมือนมีน้ำสัมผัสผิว

ลูเซียนไม่ได้ปิดบังความอยากรู้อยากเห็น เขาจ้องมองที่พลังพระสิริพระเจ้าอย่างสนอกสนใจ

ในกล่องไม้กล่องนี้ มีเศษเล็กเศษน้อยที่ดูเหมือนดวงจันทร์สีเงินที่ดูน่าเหลือเชื่อ ราวกับว่าอยู่ห่างจากลูเซียนออกไปไกลแสนไกล ขณะเดียวกัน ก็มีรูปร่างขมุกขมัวกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในชิ้นส่วนเล็กๆ ที่เป็นปริศนาและมีพลังเทพพวกนี้

เศษเสี้ยวแสงจันทร์ลอยอยู่ในกล่องไม้ ราวกับว่าไร้ชีวิต บางครั้งก็หดตัว และบางครั้งก็ขยายออก

…ลูเซียนรู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาค้นหาเข้าไปในความทรงจำพยายามนึกให้ออกว่าเขาเคยเห็นภาพนี้ที่ไหน

“คุ้มกันข้าด้วย ทั้งสามคน” แอลพูดเสียงเบาๆ เขามีท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างหนักเนื่องจากเขาเฝ้ารอช่วงเวลานี้มานานแสนนาน ก่อนที่เลเวียธานจะมาถึง แอลยังกังวลอยู่ว่าอาจมีศัตรูแกะรอยตามมา เขาจึงยังไม่ได้เสพพลังเทพเข้าไป แต่ตอนนี้ ช่วงเวลาที่จะรับพลังเทวภาพของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์และฟื้นคืนพลังก็มาถึงในที่สุด!

“ตามบัญชาขอรับ” ผู้ศรัทธาทั้งสามพูดพร้อมกัน

ทั้งฟรานซิสและลูเซียนกำลังจับจ้องแอลทุกๆ วินาทีด้วยสีหน้าใจจดใจจ่อไม่ต่างกัน

มือขวาของแอลเปล่งแสงออกมาซึ่งเป็นพลังที่มีคุณสมบัติของความเป็นนิรันดร์และความสงบสุข ด้วยแสงนั้น แอลยื่นมือขวาลงไปในกล่องไม้และคว้าเอาเศษเสี้ยวดวงจันทร์สีเงินที่กำลังลอยอยู่ออกมา

เศษเสี้ยวดวงจันทร์เล็กๆ พวกนี้ก็เริ่มรวมตัวกันอยู่ภายใต้พลังของแอล และเศษเสี้ยวก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นมวลแสงสีเงินลูกเล็กๆ เหมือนกับดวงจันทร์ดวงเล็กๆ ดวงหนึ่ง

มวลแสงส่องแสงวูบวาบไปมาเรากับกำลังปลดปล่อยและระเบิดพลังรัศมีของพลังเทวภาพออกมา ไม่ต่างกับดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เป็นนิรันดร์บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ลูเซียนอ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง ในที่สุดเขาก็นึกภาพเหตุการณ์นี้ออก!

ในภาพสะท้อนสุสานสฟิงซ์ภายในโลกแห่งวิญญาณ ก็มีมวลแสงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยไปด้วยสนิมและเลือดลอยอยู่เหนือโลงศพของสฟริงซ์…

บริเวณภายในปราสาทใต้ดินของราชาแห่งตะวัน ก็มีมวลแสงสีขาวลอยอยู่เหนือฝ่ามือรูปปั้นของธานอส…

ความทรงจำผุดขึ้นมาราวกับฉากในภาพยนตร์ ทั้งชัดเจนและน่าตกตะลึง แม้ว่ารายละเอียดของแต่ละสาขาจะแตกต่างกัน แต่รัศมีของพลังให้ความรู้สึกเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน!

ความรู้สึกบางอย่างเข้าปะทะลูเซียน ราวกับว่าเขาได้เอื้อมมือเข้าสัมผัสความลับของพระเจ้าและปีศาจยุคโบราณ อย่างไรก็ตาม ไม่นานในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยคำถาม การดำรงอยู่ของอัลเทอร์นา จันทราสีเงิน อาจย้อนกลับไปถึงยุคก่อนที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะเกิดขึ้น และต้นกำเนิดของพลังในนรกและอเวจียุคโบราณก็เกิดขึ้นก่อนสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เช่นกัน แล้วพลังเหล่านั้นมาจากไหน? ทำไมถึงมีความแตกต่างมากมายระหว่างการดำรงอยู่ของปีศาจยุคโบราณเจ็ดตนและพระเจ้า ซึ่งรวมถึงพระเจ้าเทียมเท็จ?

หรือว่าเขาเข้าใจผิด?

เห็นได้ชัดว่าโลกแห่งวิญญาณยังคงมีความลับซ่อนอยู่มากมายกว่าที่ลูเซียนคิด ขณะเดียวกัน ลูเซียนก็สงสัยขึ้นมาว่าเครื่องราง ‘มงกุฎสุริยัน’ หรือกล่องกักพลังเทพจะทำให้เขาได้เห็นพลังเวทภาพของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์หรือไม่

มวลแสงสีขาวเงินค่อยๆ ประสานเข้ากับแสงที่ห่อหุ้มมือขวาของแอล แล้วแสงก็ผนึกเป็นหนึ่งเดียวกัน

หน้าของแอลบิดเบี้ยว ราวกับว่ากระบวนการทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

แล้วทันใดนั้นแสงก็แผ่ออกโอบล้อมแอลไว้ภายในเหมือนกับรังไหม และเต้นเป็นจังหวะๆ เหมือนกับหัวใจ

หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ลำแสงแห่งเทพที่เย็นเฉียบก็ระเบิดออกมาจากภายในรังใหม่และพุ่งเข้าใส่ร่างของแอลในทันใด ตอนนี้ แสงพวกนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของแอล

แอลลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขาก็ดูเข้มขึ้นกว่าเดิมราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว วิธีพูดและพฤติกรรมของแอลก็เปลี่ยนไปเป็นพฤติกรรมที่นุ่มนวลและอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม

“ขอบเขตพลังทั้งสามของข้า การฟื้นคืนชีพ ความอุดมสมบูรณ์ และการไถ่บาปต่างพัฒนาขึ้น พลังของข้าฟื้นคืนมาแล้ว แล้วตอนนี้ข้ายังมีขอบเขตพลังใหม่อีกสองประการ ภูตผีวิญญาณและแสงจันทร์”

ตอนนี้พวกเขาต้องมานั่งคิดชื่อตำแหน่งใหม่ของแอล เนื่องจากมีเทวภาพหลายประการ

“การฟื้นคืนชีพและภูตผีวิญญาณต่างอยู่ในอาณาจักรของความตาย ไฟและความอุดมสมบูรณ์อยู่ภายใต้อาณาจักรของชีวิต การไถ่บาปและแสงจันทร์มาจากพลังของวิญญาณและวัตถุ ขณะที่การทำลายครอบคลุมทั้งหมด ฉะนั้นแล้ว นายท่าน ท่านคือผู้เป็นใหญ่ของทั้งวัตถุและวิญญาณ เจ้าแห่งชีวิตและความตาย ท่านไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชื่อตำแหน่งอีกต่อไป ท่านคือเทพเจ้าสูงสุด พระผู้ช่วยให้รอด เมื่อท่านได้ดูดซับพลังเทวภาพของอาซินแล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องการร่างอวตารที่ชื่ออาซิน ขอรับนายท่าน”

เห็นได้ชัดว่าฟรานซิสก็ยังพยายามผลักดันให้แอลกลายเป็น “พระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด” ซึ่งเหมือนกับพระเจ้าแห่งสัจธรรมทุกประการ

ลูเซียนเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง หวังว่าสิ่งที่เขาเห็นจะสามารถไขปริศนาที่ค้างอยู่ในหัวได้

“เข้าท่า เป็นชื่อที่เหมาะกับข้าจริงๆ” แอลเอ่ย มีแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ไม่ว่าในอดีตเขาจะเคยเชื่อหรือไม่ แต่ตอนนี้เป็นต้นไป นี่จะเป็นเป้าหมายเดียวที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา

“ข้าจะยึดเอาพลังเทวภาพของพระเจ้าเทียมเท็จพวกนั้นมาทีละคนๆ” แอลประกาศออกมา

เห็นได้ชัดว่าการรับพลังเทวภาพของอาซินทำให้แอลเกิดความรู้สึกใหม่ขึ้นมาโดยสิ้นเชิง และแอลก็กำลังหลงใหลในพลังนี้

แอลหันไปทางฟานซิสและลูเซียน “เจ้าทั้งสองได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ข้าจะมอบเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณให้เพื่อให้เจ้าแข็งแกร่งและมีอายุยืนยาวต่อไป”

แอลยื่นมือขวาออกไป แล้วมวลแสงสีขาวก็ตกลงมาจากฝ่ามือของเขา หากเปรียบเทียบกับมวลแสงพระสิริพระเจ้า มวลแสงนี้ดูเหมือนจะสัมผัสได้ง่ายมากกว่า แต่ก็ยังคงมีพลังเทพอันยิ่งใหญ่

นี่คือเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ เมื่อถูกแปลงโดยเทพ เม็ดพันธุ์แห่งวิญญาณอาจกลายเป็นพระสิริพระเจ้าที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลูเซียนสันนิษฐานว่านี่คงเป็นต้นกำเนิดพลังของพวกนักบวช

แม้ลูเซียนจะรู้มาคร่าวๆ ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณคืออะไร แต่ตอนนี้เขากำลังสับสนมากยิ่งขึ้น ตามข้อมูลจากแอล การมอบเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณจะลดทอนพลังของพระเจ้าเทียมเท็จ จำนวนการมอบเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณจึงต้องจำกัดอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบาทหลวง นักบวช พระคาร์ดินัล พระคาร์ดินัลหลวงอีกหลายพันรูปในศาสนาของนักบุญแห่งสัจธรรม นักบวชทุกรูปก็สามารถใช้พลังเทพได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพระเจ้าแห่งสัจธรรมหรือไม่? ดูเหมือนว่าพลังของพระเจ้าแห่งสัจธรรมจะสูงส่งเกินกว่าอัลเทอร์นาไปมาก ทำให้การแบ่งพลังของพระเจ้าเป็นเรื่องปกติสามัญที่ไม่อาจส่งผลกระทบต่อพระเจ้าแห่งสัจธรรมแม้แต่น้อย แล้วพระเจ้าแห่งสัจธรรมกับพระเจ้าเทียมเท็จที่เหลือแตกต่างกันอย่างไร?

“ฟรานซิส เจ้าจะแสดงพลังของเจ้าในการต่อสู้ เจ้าเป็นคนช่วยให้ข้าปราบเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ลงได้ เจ้าเป็นคนที่ทุ่มเทและช่วยงานได้มากที่สุด แม้เมล็ดพันธุ์นี้จะทำให้เจ้ามีพลังเท่ากับหัวหน้านักบวชเท่านั้น แต่เจ้าจะสามารถใช้พลังเทพได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ด้วยเมล็ดพันธุ์นี้ เจ้าจะสามารถสื่อสารกับพลังโดยใช้ความศรัทธา แล้วเจ้าจะสามารถมีพลังเป็นส่วนหนึ่งของเจ้า”

แอลสีหน้าท่าทางดูดีขึ้นมา หลังจากรับพลังเทวภาพของอาซิน ลักษณะภายนอกของแอลก็ดูงดงามเหมือนสตรีเพศมากขึ้น ขณะที่แอลกำลังพูด รอยยิ้มบนหน้าของเขาก็ค่อยๆ หายไปและดูเป็นปริศนามากขึ้น

หากฟรานซิสกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง เขาคงไม่กล้ากลืนกินเมล็ดพันธุ์เพลงวิญญาณ หากความศรัทธาของเขาสูญสลาย เขาก็จะถูกเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณเป็นฝ่ายกลืนกินทั้งวิญญาณและร่างกาย

ลูเซียนประเมินว่าเมล็ดพันธุ์นี้จะทำให้ฟรานซิสมีพลังเทพประมาณระดับหก เขาเฝ้าดูฟรานซิสไม่วางสายตา แล้วรอดูว่าฟรานซิสจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

“ความศรัทธาของข้าไม่เป็นสองรองใคร” ฟรานซิสยิ้มและรับเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณไป ขณะถือเมล็ดพันธุ์อยู่ในฝ่ามือ ฟรานซิสก็เริ่มสวดภาวนาให้แอล

ไม่นานเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณก็เริ่มสั่นและมีเสียงเล็ดลอดออกมา แล้วมันก็ละลายหายเข้าไปในฝ่ามือของฟรานซิส มวลพลังเทพห่อหุ้มร่างของฟรานซิส

ลูเซียนประหลาดใจมากถึงขนาดอ้าปากอ้าเล็กน้อย

แค่นี้หรือ?! ไม่มีทางที่ฟรานซิสจะเป็นผู้ศรัทธาอันแรงกล้าของแอล ทำไมฟรานซิสดูไม่กังวลเรื่องนี้เลย?

หรือเป็นเพราะฟรานซิสเตรียมวิธีรับมือไว้แล้ว?

ในความคิดของลูเซียน ความลับของฟรานซิสคงไม่เบาไปกว่าเขา

“เลเวียธาน เจ้าเป็นคนฉลาดและกล้าหาญ ความทุ่มเทของเจ้าควรได้รับการยอมรับ นี่คือเมล็ดพันธุ์ของเจ้า ซึ่งจะทำให้เจ้ามีพลังเทียบเท่ากับวีรบุรุษเลือดเทพทั่วไป” แอลค่อนข้างพอใจที่ได้เห็นความจงรักภักดีของฟรานซิส เขาจึงมอบเมล็ดพันธุ์อีกเมล็ดหนึ่งให้ลูเซียน อย่างไรก็ตาม เมล็ดพันธุ์นี้มีพลังด้อยกว่ามาก

แต่จริงๆ แล้วก็จะสมเหตุสมผลเนื่องจากสิ่งที่ลูเซียนทำก็มีเพียงแค่พูดแล้วก็พูดเท่านั้น ในทางกลับกัน ฟรานซิสเป็นคนที่เสี่ยงชีวิตสู้ และก็สู้ได้ดีมาก

ฟรานซิสยิ้มออกมา ขณะที่เขากลายเป็นผู้ชมบ้าง แอล ฟรานซิส และเจคอปต่างเฝ้ามองดูลูเซียนรับเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณ

ลูเซียนรู้ดีว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับนักเวทโบราณผู้พยายามหยิบยืมพลังเทพ เขารู้ความจริงดีกว่าเมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณจะก่อให้เกิดพายุปั่นป่วนในโลกแห่งปัญญาของเขา และแอล ฟรานซิส และเจคอปก็จะรู้ได้ในทันที

เมล็ดพันธุ์นี้อันตรายเกินไปสำหรับลูเซียน เขาไม่อาจรับพลังจากเมล็ดพันธุ์ง่ายๆ เหมือนฟรานซิส

“เจ้ายังเป็นคนหน้าใหม่ในที่ประชุมของเรา เจ้ายังไม่ได้รับพลังเท่ากับฟรานซิส การดูดซับพลังอาจจะยากไปหน่อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเจ้า เจ้าอาจต้องลองหลายครั้งหน่อย” แอลพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งกระตุ้นและให้กำลังใจ ขณะที่ฟรานซิสและเจคอปกำลังจ้องมองลูเซียนและยิ้มกว้างออกมา

ลูเซียนก้มหน้าลง ถือเมล็ดพันธุ์ไว้ทั้งสองมือและยกเข้าหาหน้าอก เมล็ดพันธุ์แห่งวิญญาณสัมผัสเข้ากลางหน้าอกของเขา