กัวเฟยแบกตัวเฉี่ยวเยว่ขึ้นพาดบ่า
เฉี่ยวเยว่ตกใจจนกรีดร้องเสียงหลง เสียงกรีดร้องนั้นบาดแก้วหูของทุกคนภายในห้อง
กัวเฟยขมวดคิ้วมุ่น เขาแบกเฉี่ยวเยว่เดินไปหยุดอยู่หน้าประตู จากนั้นเปิดประตูออกแล้วโยนนางออกไป
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างก็ได้ยินเสียง “โอ๊ย…” “ตุบ!” ดังขึ้นต่อเนื่อง จากนั้นเสียงสะอึกสะอื้นจากเฉี่ยวเยว่ก็ดังขึ้น “คุณหนูเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย ข้าถูกโยนลงมาใกล้จะตายแล้ว”
“เจ้า!” หลินหันเยียนคิดไม่ถึงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะกล้าสั่งให้คนโยนเฉี่ยวเยว่ออกไปจริงๆ จึงจ้องนางด้วยความเกรี้ยวกราด จากนั้นเดินกระทืบเท้าออกไปข้างนอก
สาวใช้อีกนางหนึ่งที่ตกใจอยู่ก็รีบเดินเข้าไปคิดจะประคองนาง
“เร็ว รีบไปพยุงเฉี่ยวเยว่ขึ้นมาเร็วเข้า” หลินหันเยียนเร่งสั่งนาง
สาวใช้เดินออกไปข้างนอกทันที หลินหันเยียนเดินตามอยู่ข้างหลัง
หวงฝู่อวี้กำลังจะเดินตามออกไป
มีเสียงอันเย็นชาของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา หวงฝู่อวี้ได้ยินแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ “หากเจ้ากล้าตามออกไปทำให้อี้เซวียนขายขี้หน้าแล้วล่ะก็ ข้าจะให้เขาแขวนเจ้ากลับหัวไว้กับต้นไม้”
หวงฝู่อวี้ก้าวเท้าค้างเติ่งในอากาศ หันหน้ามามองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างอึ้งๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้าเขาอย่างเงียบขรึม ท่าทางจริงจังยิ่งนัก
หวงฝู่อวี้ร่างกายสั่นเทิ้ม รีบวางเท้าที่ยกค้างในอากาศลงกลับที่เดิม แล้วเดินกลับมาอยู่ข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดขึ้นอย่างเอาอกเอาใจนางว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าโกรธเคืองเลย เยียนเอ๋อร์นางไม่มีเจตนา ไม่ได้ตั้งใจ เจ้าอย่าไปว่านางเลย แล้วก็ไม่ต้องบอกพี่ชายข้าด้วย ข้าจะพาพวกนางออกไปเดี๋ยวนี้”
เขาเพิ่งจะพูดจบ เสียงของหลินหันเยียนก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้าโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้ ถึงกับกล้าโยนเฉี่ยวเยว่ออกมา วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าจนต้องร้องขอชีวิตให้ได้”
เป็นถึงคุณหนูจากจวนราชเลขาที่ดูแลด้านกองทัพ ซึ่งได้ฝึกวรยุทธ์กับทหารในจวนราชเลขากับพี่ชายของตนเอง หลินหันเยียนจึงมีฝีมืออยู่พอตัว ดังนั้นจึงเข้าห้องไปเพื่อต้องการจะประลองฝีมือกับเมิ่งเชี่ยนโยวดูสักตั้ง เดิมทีที่ถูกเฉี่ยวเยว่ยุยงมา เพียงแค่ต้องการที่จะมาสั่งสอนเมิ่งเชี่ยนโยวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทำให้นางรู้ว่าได้เจอกับของแข็งจะได้ถอยกลับบ้านเก่าของตัวเองไป แต่ไม่นึกเลยว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะไม่เห็นนางอยู่ในสายตา สั่งให้คนโยนเฉี่ยวเยว่ออกไป ในใจพลันระอุขึ้น จึงเอ่ยพูดขึ้นอย่างฉุนๆ พร้อมที่จะปะทะ
หวงฝู่อวี้พอเห็นหลินหันเยียนกล้าที่จะประลองฝีมือกับเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย คิดจะเข้าไปห้ามปรามนางแต่ก็เกรงว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะบอกให้หวงฝู่อี้เซวียนจับเขาแขวนกลับหัวบนต้นไม้ ทว่าหากไม่ออกไปก็เกรงว่าหลินหันเยียนจะโหวกเหวกโวยวายจนเมิ่งเชี่ยนโยวโมโห ถ้าเมิ่งเชี่ยนโยวลงมือโดยไม่ปรานี กังฟูแมวสามขาอย่างนางคงต้องถูกเมิ่งเชี่ยนโยวจัดการจนยับเยินเป็นแน่
ที่เมิ่งเชี่ยนโยวให้กัวเฟยโยนเฉี่ยวเยว่ออกไปก็เป็นเพราะว่าต้องการตักเตือนหลินหันเยียนให้นางรู้จักว่าสิ่งใดควรไม่ควร แล้วพาสาวใช้ทั้งสองนางออกไปแต่โดยดี แต่ไม่รู้ว่าวันนี้นางไม่ได้เอาสมองออกจากบ้านด้วยหรือว่าไม่มีสมองให้เอาออกมากันแน่ ถึงได้กล้ามาร้องโวยวายอยู่หน้าร้านต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
เมิ่งเชิ่นโยวเดินออกมาจากโต๊ะคิดเงิน เดินออกไปอย่างสบายไม่รีบร้อน
หวงฝู่อวี้เคลื่อนร่างออกมาขวางหน้านางไว้ ขอร้องแทนหลินหันเยียนว่า “แม่นางเมิ่ง เห็นแก่หน้าข้าด้วย เจ้าอย่าไปใส่ใจนางเลย ข้าจะพานางกลับจวนราชเลขาเดี๋ยวนี้ รับประกันว่านางจะไม่มาวุ่นวายที่นี่อีกเป็นอันขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ให้ความสนใจกับเขา แต่กลับตะโกนขึ้นว่า “เหวินเปียว!”
เหวินเปียวตอบ “ขอรับ แม่นาง!”
“คุณชายรองมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว ถ้าหากไม่มีคำสั่งจากข้า แล้วเจ้าปล่อยเขาออกจากประตูนี้ไป ต่อไปเจ้าไม่ต้องมาติดตามข้าอีกแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งด้วยเสียงอันเย็นเฉียบ
ติดตามเมิ่งเชี่ยนโยวมานานหลายปีแล้ว นางยังไม่เคยพูดจารุนแรงต่อตนเช่นนี้มาก่อน เหวินเปียวทราบทันทีว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังโมโหอยู่จริงๆ รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นในหัวใจแล้วรับคำว่า “ทราบแล้วขอรับแม่นาง” พูดจบก็ก้าวเท้ายาวๆ ออกมาขวางหน้าหวงฝู่อวี้ไว้
หวงฝู่อวี้ก็ใช่ว่าจะด้อยฝีมือ ถ้าหากแข็งขืนดึงดันที่จะออกไปก็ทำได้ แต่ทว่าเขาไม่กล้า การทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวขุ่นเคืองนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็ก แต่หากทำให้หวงฝู่อี้เซวียนโกรธจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ คราวก่อนที่ถูกขังไว้ในห้องให้อดข้าวอดน้ำจนถึงตอนนี้ยังรู้สึกว่าเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน เขาจึงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกไปด้านนอก กัวเฟยเดินตามอยู่ข้างหลัง
เมิ่งอี้ก็เป็นกังวล จึงเดินตามหลังออกมาอีกคน เหล่าองครักษ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หน้าที่หลักของพวกเขาก็คือการดูแลความปลอดภัยของเมิ่งเชี่ยนโยว ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นแม่นางน้อยที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพวกเขาก็ไม่กล้าประมาท
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกนอกประตูไป ข้างนอกมีคนที่มามุงดูเรื่องวุ่นวายกันเต็มไปหมด ร่างกายของเฉี่ยวเยว่นั้นเต็มไปด้วยเศษฝุ่นเศษดิน นางยืนอยู่ข้างหน้าของหลินหันเยียนด้วยความรู้สึกอับอายเหลือทน
พอเห็นนางเดินออกมา ดวงตาที่เฉี่ยวเยว่มองมาที่นางนั้นลูกโชนราวกับมีเปลวไฟพวยพุ่ง โกรธจนใบหน้าอันงดงามนั้นเปลี่ยนไปจนดูแทบไม่ได้
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ให้ความสนใจกับนาง เอ่ยถามหลินหันเยียนเสียงดังขึ้นว่า “คุณหนูจวนราชเลขาต้องการที่จะประลองฝีมือกับข้าที่เป็นสาวชาวบ้าน แน่ใจแล้วหรือ”
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นแค่ว่ามีแม่นางผู้หนึ่งถูกโยนออกมา ร้องโอดโอยไม่หยุด เกิดความแปลกใจจึงได้เดินเข้ามาชมเรื่องวุ่นวาย จนกระทั่งหลินหันเยียนรีบเดินออกมาเฉี่ยวเยว่ก็ยุยงส่งเสริมให้นางไปท้าทายเมิ่งเชี่ยนโยว ทุกคนก็ยิ่งรอคอยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวเช่นนี้ก็เข้าใจในทันที ว่าคุณหนูจวนราชเลขาได้ยินข่าวลือแล้วมาจัดการกับเมิ่งเชี่ยนโยวนั่นเอง ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นไม่น้อย ตั้งตารอดูว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก
หลินหันเยียนไม่อยากแสดงความอ่อนแอ จึงพูดเสียงดังว่า “แล้วแต่เจ้า อยากประลองอะไรก็ประลองอันนั้น คนอื่นจะได้ไม่กล่าวหาว่าข้าใช้อำนาจของตระกูลมารังแกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าแพ้อย่างราบคาบ แล้วกลับบ้านเก่าของเจ้าไปแต่โดยดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดสายตามองผู้คนรอบๆ ที่มามุงดูเรื่องวุ่นวายแล้วกล่าวว่า “ให้คุณหนูหลินเป็นคนเลือกมาดีกว่า เจ้าอายุยังน้อย หากข้าลงมือก่อนแล้วเรื่องนี้แพร่ออกไปคนอื่นอาจจะคิดว่าข้ารังแกเจ้า”
หลินหันเยียนกลับยอมรับง่ายๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ก็ได้ เราไม่ต้องใช้อาวุธ กำหนดไว้สิบกระบวนท่า หากบาดเจ็บล้มตายไม่ถือสาหาความ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับ “ได้ เอาตามที่เจ้าว่า เจ้าลงมือก่อนเถอะ”
หวงฝู่อวี้ที่อยู่ในห้อง พอได้ฟังที่หลินหันเยียนพูดแล้วก็ตกใจ แต่ก็ไม่กล้าออกไปขัดขวาง จึงตะโกนผ่านประตูออกไปว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่คู่มือของนาง เชื่อข้านะ รีบกลับจวนไป ตัวเองจะได้ไม่บาดเจ็บ”
คุณหนูในเมืองหลวงทั้งหมดมีหลินหันเยียนที่มีฝีมือดีกว่าคนอื่น เลยไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จึงมิได้เชื่อฟังในคำพูดของเขาเป็นธรรมดา บัดนี้สะบัดชายเสื้อขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปด้วยใบหน้าทมึงถึง
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
คนที่มารอดูเรื่องวุ่นวายต่างก็เดือดร้อนแทนนาง ตะโกนยุยงนางไม่หยุดว่า “แม่นาง ปะทะเลย รีบปะทะเข้าไปเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำราวกับว่าไม่ได้ยิน นางยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแม้แต่น้อย
หลินหันเยียนคิดว่านางตกใจกลัวจนโง่งมไปหมดแล้ว ยิ้มอย่างลำพองใจแล้วพุ่งตรงเข้าไปหานาง กำปั้นในมือชกเข้าไปที่ใบหน้าของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไปตบหน้าของนางโดยไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายส่วนอื่น
ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียง “เผียะ” สองครั้งดังขึ้นมา ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นหลินหันเยียนเอามือทั้งสองข้างกุมหน้าตัวเองพร้อมกับกรีดร้องใส่เมิ่งเชี่ยนโยว
“คุณหนู!” เฉี่ยวเยว่กับสาวใช้อีกคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าหาหลินหันเยียนอย่างตื่นตระหนก พยายามดึงมือของนางออกด้วยความระมัดระวัง จะได้เห็นอาการบาดเจ็บของนางได้ชัด
หลินหันถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาราวกับไข่ในหิน ไม่เคยถูกใครทำร้ายแม้แต่ปลายก้อย ไม่นึกเลยว่าเวลานี้จะถูกเมิ่งเชี่ยนโยวตบถึงสองฉาด อึ้งตะลึงขึ้นในทันใด เสียงกรีดร้องของสาวใช้สองนางได้เรียกสติให้กลับคืน พลันเกิดอารมณ์คุกรุ่น จากนั้นผลักสาวใช้ทั้งสองนางด้วยความเกรี้ยวกราด เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมรับว่า “เข้ามาอีก!”
เมื่อกี้นี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ลงมืออย่างหนักหน่วง ดังนั้นบนใบหน้าของหลินหันเยียนจึงมีรอยแดงจางๆ ปรากฏอยู่ หลินหันเยียนไม่คิดว่าเฉี่ยวเยว่จะกรีดร้องขึ้นมา “หน็อยแน่ เจ้าคนชั้นต่ำ กล้าตบหน้าคุณหนูของเรา หากข้ากลับไปข้าจะฟ้องนายท่านกับฮูหยินของเรา ให้พวกท่านจัดการเจ้าอย่างสาสม”
สีหน้าของเมิ่งเชิ่ยนโยวเย็นชา คิ้วขมวดมุ่น ไม่สนใจคำท้าทายจากหลินหันเยียน นางมุ่งตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉี่ยวเยว่
เฉี่ยวเยว่หวาดกลัวท่าทีของนาง ค่อยๆ เดินก้าวถอยหลังพร้อมกับกรีดร้องขึ้น “เจ้าจะทำอะไร… คุณหนูเจ้าคะ ช่วยข้าด้วย!”
ทันใดนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวสะบัดเท้า เฉี่ยวเยว่ก็ถูกเตะกระเด็นลอยออกไป
บรรดาคนที่มามุงดูต่างก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นอย่างเกรงกลัว
เฉี่ยวเยว่กระแทกกับพื้นอย่างแรงแล้วกลิ้งไปอีกหลายรอบ จากนั้นนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น รู้สึกอับอายเหลือทน
“เฉี่ยวเยว่!” หลินหันเยียนกรีดร้องพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา นั่งลงพยายามที่จะพยุงนางขึ้น
สาวใช้อีกคนหนึ่งก็วิ่งเข้าไป ทั้งสองช่วยกันพยุงนางขึ้น
คราวนี้เฉี่ยวเยว่ตกลงมาอย่างแรง นางจุกจนพูดไม่ออก