บทที่ 1870+1871

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1870 ไม่คิดแล้ว ไปทำภารกิจดีกว่า!

กู้ซีจิ่วเม้มปากมองมันโดยไม่พูดอะไร หยกนภาต้องกล่าวต่อไปว่า ‘เจ้านาย ข้าบอกท่านได้เพียงว่า ท่านกับเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนเคยมีเกี่ยวพันกันจริงๆ แต่ท่านก็รู้แล้วนี่ เขาไม่ได้ขึ้นสู่แดนสวรรค์ บรรดาซ่างเซียนในแดนสวรรค์เหล่านั้นไม่มีเขาอยู่ เขาดับขันธ์ไปอย่างแท้จริงแล้ว ไม่อาจหวนกลับมาได้อีก ท่านเพียงจมปลักอยู่กับอดีตที่เกี่ยวกับเขา มีแต่จะทำให้ตัวท่านเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ไม่ว่าอดีตของท่านกับเขาจะเป็นอย่างไร ล้วนเป็นอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ท่านและเขามีวาสนาต่อกันเพียงหนึ่งชาตินั้น วาสนาขาดสะบั้นก็ต้องแยกจาก ท่านต้องเรียนรู้ที่จะมองไปยังอนาคต…’

กู้ซีจิ่วหลุบตามองหนังคุนในมือ เธอรู้ว่าที่หยกนภาพูดมามีเหตุผล เธอควรจะละทิ้งอดีตและมองไปยังอนาคตจริงๆ

แต่ว่า ในหัวใจคล้ายว่ามีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งขาดหายไป ไม่ว่าจะเติมอย่างไรก็ไม่เต็ม ความรู้สึกว่างเปล่ามหาศาลนั้นทำให้เธอทรมาน

เธอนึกถึงความฝันที่ดินแดนเบื้องบนขึ้นมาอีกครั้ง ในความฝันเสียงนั้นบอกว่าถ้าต้องการตามหาสิ่งที่ตนอยากค้นหา ก็ต้องทำภารกิจอย่างหนึ่งให้ลุล่วง…

เอาเถอะ จะอย่างไรก็ตาม ทำภารกิจนั้นให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด

เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เริ่มใช้พลังวิญญาณติดหนังคุนเหล่านั้นให้กลายเป็นชุดกระโปรงอีกครั้ง แล้วสวมลงบนร่าง หมุนพลิ้วไปมารอบหนึ่ง

กระโปรงสีฟ้าสว่างพลิ้วไหว เสื้อผ้าพอดีตัวยิ่งนัก

คล้ายจะมีบทสนทนาหนึ่งแว่วเลือนรางขึ้นมาในสมอง

‘อาภรณ์ชุดนี้พอดีตัวจริงๆ ท่านก็ไม่ได้วัดตัวข้าเสียหน่อย ทำไมถึงรู้สัดส่วนของข้าล่ะ?’

‘เกรงว่าข้าจะคุ้นเคยกับสัดส่วนของร่างกายเจ้ายิ่งกว่าตัวเจ้าเองเสียอีก’

ยามที่เธอพยายามจะคว้ากุมสองประโยคนี้ไว้ เสียงนั้นก็เลือนหายไปเช่นที่ผ่านมาอีกครั้ง

วาจาที่อ่อนโยนถึงเพียงนี้ เธอกับเขารักกันที่จิตใจเพียงอย่างเดียวจริงๆ น่ะหรือ?

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่คิดต่อแล้ว หรือบางทีอาจเป็นสัญชาตญาณที่ไม่ต้องการจะใคร่ครวญเจาะลึกแล้ว

ไม่คิดแล้ว ไปทำภารกิจดีกว่า!

เธอเข้าสู่แดนเพลิงลับแลอีกครั้ง ย่อมใช้เคล็ดคาถากันไฟเพื่อเดินทางไปตามยอดเขาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง

ความทรงจำของเธอที่มีต่อที่นี่ยังค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์ จำได้แม้กระทั่งจุดที่เห็ดมรรคาม่วงเหล่านั้นเติบโต

เธอตามหาสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง สถานที่แห่งนั้นโล่งเตียนไปหมด ตอนนั้นเจ้าหอยยักษ์จัดการถางที่นี่จนแทบจะเตียนแล้ว ย่อมไม่มีเห็ดมรรคาม่วงอยู่เลยสักดอก

เธอเดินกลับไปกลับมาในที่ว่างผืนใหญ่นั้น ในใจรู้สึกได้รางๆ ว่าบางทีสถานที่แห่งนี้อาจมีสิ่งที่เธอต้องการตามหาก็ได้

หินหลายก้อนของที่นี่มีเพลิงลุกโชนอยู่ บนโขดหินแทบทุกก้อนล้วนมีสะเก็ดเพลิงผุดออกมา ยากจะจินตนาการได้ยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเห็ดเติบโตในสถานที่แห่งนี้…

กู้ซีจิ่วตรวจดูหินทุกก้อนแล้ว มองไม่เห็นความผิดปกติอันใดเลย ในใจค่อนข้างผิดหวัง ถอนหายใจออกมา ขณะที่กำลังจะหันหลังไป เบื้องหน้าพลันพร่าเลือน มองเห็นเงาร่างสีขาวสายหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหินที่มีเพลิงลุกไหม้อยู่ ในมือประคองเศษซากสีทองอร่ามกองหนึ่งไว้…

เงาร่างสีขาวนั้นเลือนรางยิ่ง รางจนทำให้กู้ซีจิ่วมองไม่เห็นรูปโฉมของมันเลย

เงาร่างสีขาวนั้นมองเศษซากสีทองในมือตนกองนั้นคล้ายว่าจะเหม่อลอย กู้ซีจิ่วยืนอยู่ไม่ไกล มองดูเงาร่างสีขาวนั้นอย่างเหม่อลอยเช่นกัน ไม่กล้าส่งเสียง เกรงว่าถ้าส่งเสียงไปเพียงนิด เงาร่างนั้นจะหายไปเลย…

ช่วงเวลาที่ภาพหลอนครั้งนี้ปรากฏขึ้นยาวนานอย่างที่หาได้ยากนัก เธอจึงอยากมองให้มากหน่อย

เงาร่างสีขาวนั้นเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ทอดถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง ยื่นฝ่ามือออกมา กล่องสีแดงเข้มใบหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ…

นัยน์ตากู้ซีจิ่วพลันสาดแสงวาบ!

กล่องในความฝันของเธอ ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้ว!

เงาร่างสีขาวนั้นลูบไล้กล่องอยู่ครู่หนึ่ง กล่องใบนั้นเด้งเปิดออก จากนั้นเงาร่างสีขาวก็นำเศษซากสีทองกองนั้นใส่เข้าไป มองอยู่อีกครู่หนึ่ง แล้วปิดฝากล่องลง

เขาทาบฝ่ามือลงบนกล่องร่ายคาถางึมงำ ไม่ทราบเช่นกันว่าร่ายอันใดอยู่ มีคลื่นแสงจางๆ แผ่ออกมาจากฝ่ามือเขา

————————————————————————–

บทที่ 1871 ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ภาพหลอน

จากนั้นกล่องใบนั้นก็เชื่อมสนิทเนื้อเดียวกับหิน

เขาลุกขึ้นมา ซัดฝ่ามือใส่โขดหินใต้ร่าง โขดหินนั้นไม่ได้ถูกเขาซัดจนแหลก กลับคล้ายว่าถูกขุดลงไปจนเป็นโพรงใหญ่ เขาใส่กล่องใบนั้นเข้าไปในโพรง พนมมือแล้วร่ายอาคมอีกครั้ง…

กู้ซีจิ่วกลั้นหายใจมอง เธออยากเห็นโฉมหน้าของเงาร่างสีขาวนั้นให้ชัดหน่อย ดังนั้นจึงเขยิบเข้าไปก้าวหนึ่ง

หลังจากขยับเท้าก้าวนี้แล้ว เงาร่างนั้นกลับหายไปเลย ไม่เห็นร่องรอยอีกต่อไป

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ที่เดิม ผ่อนลมหายใจออกมานิดๆ ภาพหลอนครั้งนี้ค่อนข้างนาน เป็นเวลาถึงสามสี่นาทีเต็มๆ!

เรื่องนี้สำหรับเธอแล้ว เป็นการพัฒนาไปอีกขั้นใช่หรือไม่?

เธอก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว หัวใจพลันสั่นไหวขึ้นมา!

ไม่ถูกสิ ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ภาพหลอน

ในอดีตภาพหลอนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเธอล้วนเป็นคนสองคน ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะมองไม่เห็นใบหน้าของสองคนนั้น แต่เธอก็พอจะทราบว่าผู้หญิงในภาพหลอนนั้นคือตัวเธอเอง…

กล่าวอีกอย่างก็คือ ภาพหลอนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเธอล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เธอเคยประสบพบพานมาในอดีต แต่ลืมเลือนไปแล้วเท่านั้น

แต่ในครั้งนี้กลับไม่ใช่ ที่ปรากฏขึ้นที่นี่ตั้งแต่ต้นจนจบมีคนเพียงคนเดียวเท่านั้น…

ภาพที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่นั้นไม่คล้ายว่าเป็นภาพหลอน แต่เคยเกิดขึ้นจริงๆ ต่อมาได้ถูกสนามพลังแม่เหล็กอันใดของที่นี่บันทึกไว้โดยไม่ได้ตั้งใจหรือเปล่า?!

กู้ซีจิ่วทราบหลักการบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน

ในบ้านเก่าบางหลังบางครั้งเมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นก็จะปรากฏภาพเคลื่อนไหวของผุ้คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในอดีต ความจริงคือยามที่ฟ้าผ่าลงบนกำแพง ภายใต้ความผิดพลาดจับพลัดจับผลู กำแพงนั้นได้บันทึกช่วงเวลาในยามนั้นเอาไว้เป็นระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ฉายออกมาอีกครั้งในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน…

เหตุการณ์ของที่นี่ก็น่าจะเป็นเช่นนี้เหมือนกันกระมัง?

หัวใจเธอเต้นตึกตักขึ้นมา หากว่าภาพนี้คือเหตุการณ์จริง เช่นนั้นไม่แน่ว่ากล่องใบนั้นอาจจอยู่ในโขดหินก้อนนี้!

สายตาของกู้ซีจิ่วมองไปยังโขดหินใหญ่ก้อนนั้นที่อยู่ไม่ไกล ในภาพหลอนเมื่อครู่นี้ คนชุดขาวผู้นั้นเจาะเปิดโขดหินก้อนนั้น

เธอกระโจนเข้าไปทันที วนเวียนรอบโขดหินก้อนนั้นสองรอบ มองหาเหลี่ยมมุม เมื่อจับจุดที่คนชุดขาวผู้นั้นเจาะโพรงได้แล้ว เธอจึงเริ่มลงมือเจาะโขดหิน…

เปลวเพลิงบนโขดหินลุกโหมกรรโชก โขดหินก้อนนั้นก็แข็งกว่าที่เธอจินตนาการไว้ เธอใช้กระบี่ธรรมดาฟันลงไปยังฟันให้เกิดรอยขีดข่วนบนโขดหินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เธอเปลี่ยนไปใช้อาวุธวิเศษอยู่หลายชนิด ล้วนไม่เป็นผล

ทว่าบรรทัดทองเล่มนั้นกลับมุดอออกมาจากถุงเก็บของของเธอด้วยตัวเอง ท่าทางกระตือรือร้นอยากลองดู

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง กุมมันเอาไว้ แล้วฟันลงบนโขดหินก้อนนั้น

เกิดเสียงดัง ‘เคร้ง!’ บรรทัดทองถูดดีดสะท้อนกลับมา หินก้อนนั้นยังคงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนเช่นเดิม

นี่มันหินอะไรกัน ทำไมถึงแข็งขนาดนี้? แข็งกว่าโคตรเพชรเสียอีก!

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอเห็นคนชุดขาวผู้นั้นทะลวงโขดหินให้เป็นโพรงใหญ่ได้ในฝ่ามือเดียวชัดๆ ทำไมเธอใช้ศาสตราเทพแล้วยังไม่ได้ผลอีกล่ะ?

หรือว่าวรยุทธ์ของคนชุดขาวผู้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าเธอมากนัก?

เธอไม่ยอมแพ้ กุมบรรทัดทองไว้แน่น ขณะที่กำลังจะฟันลงไปอีกครั้ง ฝ่ามือพลันเจ็บแปลบขึ้นมา เหมือนถูกตัวอะไรกัดเข้า

เธอรีบแบบมืออก พบว่าฝ่ามือถูกบรรทัดทองบาดจนได้เลือด มีโลหิตผุดซึมออกมาจากฝ่ามือเธอ ไหลย้อยไปตามบรรทัดทอง…

เจ้าไม้บรรทัดซังกะบวย ทีฟันหินล่ะฟันไม่เข้า ทีบาดมือเธอล่ะบาดได้ราบรื่นนัก!

ขณะที่เธอกำลังจะห้ามเลือดให้ตัวเอง สายตาพลันร่อนลงที่โขดหินนั้น

เลือดของเธอไหลหยดลงไป เมื่อหยดลงบนโขดหินนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ถูกเปลวเพลิงบนหินเผาจนเหือดแห้งไป ซ้ำยังไหลย้อยอยู่บนนั้นอย่างเชื่องช้าด้วย…

หัวใจเธอพลันสั่นไหว ไม่ห้ามเลือดแล้ว ปล่อยให้เลือดไหลต่อไป

มองเห็นว่าเลือดที่อยู่บนก้อนหินนั้นคล้ายจะไหลไปตามกฎเกณฑ์บางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะไหลเป็นรูปทรงของกล่องใบหนึ่ง

————————————————–