ตอนที่ 524 ยิงฮวา

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 524 ยิงฮวา

“ชีวิตของข้าอยู่ที่ข้าหาใช่นภากำหนด ! เมื่อพบเจอกันอีกครา ข้าจะเรียกท่านว่าฝ่าบาทและเปี่ยมไปด้วยความเคารพ ! ”

ประโยคนี้ของฟู่เสี่ยวกวน เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจยิ่งกว่าปืนใหญ่หงอีเสียอีก !

มันดังก้องอยู่ในหูของเยียนเหลียงเจ๋อ และได้ฝังรากลึกลงไปในจิตใจ

ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับตัวเรามิใช่นภากำหนด !

ข้านั้นเป็นองค์รัชทายาท เดิมทีก็เป็นว่าที่องค์จักรพรรดิอยู่แล้ว !

เหตุใดข้าต้องใช้ชีวิตโดยการคอยสังเกตสีหน้าและอารมณ์ของเขาด้วย ? หากฆ่าเขาเสีย ตำแหน่งจักรพรรดิแน่นอนว่าต้องตกเป็นของข้า สิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์นั้นช่างโสมม เมื่อถึงเวลานั้นหากตนต้องการจะกระทำสิ่งใด ย่อมมิมีผู้ใดกล้าโต้แย้ง !

ตนใช้เพียงชั่วอึดใจเดียวในการตัดสินใจ แววตามุ่งมั่น รุ่มร้อน จากนั้นจึงยกจอกสุราขึ้น “คำแนะนำของท่านฟู่ช่างเสริมพลังได้ดียิ่ง ! แม้ว่าข้าจะตกตายไป ก็ต้องตายอย่างหนักแน่นดั่งเขาไท่ซาน ! ”

ไอ้งั่งติดกับดักของข้าจนได้ ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเหอะ ๆ “ความรุ่งโรจน์นั้นเปรียบดั่งหมอกควัน สักวันต้องจางหาย แต่ผลงานที่ทิ้งไว้จะยังคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ! ผลงานชิ้นโตวางอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ข้าขออวยพรให้ท่านเดินทางกลับแคว้นโดยสวัสดิภาพ และเขียนประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ให้แก่แคว้นอี๋ ! ขอดื่มให้ท่านเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ใกล้จะมาถึงนี้ ! ”

“ขอบคุณในคำอวยพรของท่านฟู่ หากมีวันนั้น ข้าจะเชิญท่านไปยังเมืองไท่หลิน…” เขาโค้งกายลงแล้วยิ้ม และกล่าวต่อว่า “ท่านฟู่คงเคยได้ยินว่าสตรีแคว้นอี๋นั้นมีความจงรักภักดี เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะพาท่านไปชมทักษะการแสดงของสตรีแห่งแคว้นอี๋”

“ฮ่า ๆ ๆ… คนที่เข้าใจข้า มีเพียงท่านเท่านั้น ! ”

“ใต้เท้าเปียน เชิญแม่นางยิงฮวาเข้ามา”

“พ่ะย่ะค่ะ” พอเปียนมู่หยูเดินออกจากห้องไป เยียนเหลียงเจ๋อจึงกล่าวออกมาว่า “หากกล่าวถึงเรื่องความนิรันดร์ ขอบอกตามตรงว่าช่วงนี้ข้าได้ไปยังหลานถิงจี๋มาถึงสามครา กวีของท่านฟู่ได้จารึกไว้บนหินเชียนเปยสืออย่างสง่างาม จากที่ข้ามองดูแล้ว นี่เป็นความสามารถที่คนในอดีตและอนาคตมิอาจจะเทียบทานได้ ท่านฟู่ได้จารึกประวัติศาสตร์ไว้ชั่วนิรันดร์สำเร็จแล้ว ! ข้านับถือท่านยิ่งนัก”

สวี่ซินเหยียนหันมามองฟู่เสี่ยวกวน ที่หลานถิงจี๋ นางก็เคยไปเยือนมาก่อน กวีและบทความของฟู่เสี่ยวกวนนางเองก็เคยอ่าน แต่ตัวเขา…จากหลายวันมานี้ นางยิ่งมองยิ่งสงสัยว่ากวีและบทความเหล่านั้นเขาได้เขียนเองหรือไม่

ในแต่ละวัน เขามัวแต่ครุ่นคิดว่าจะหาเงินเยี่ยงไรดี จะหลอกล่อผู้อื่นเยี่ยงไร จะจัดการกับผู้อื่นเยี่ยงไร

เขาเหมือนบัณฑิตตรงที่ใดกัน ?

หากนางมิรู้มาก่อนว่าบทกวีเหล่านั้นเป็นผลงานของฟู่เสี่ยวกวน นางคงคิดว่าเขาเป็นพวกอันธพาลที่มีความสามารถเป็นแน่

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มออกมาอย่างถ่อมตน แต่ในใจกลับคิดว่า ประโยคเหล่านี้ควรใช้กับคนตายไปแล้วจึงจะเหมาะสม ! เจ้าหมอนี่มิมีวัฒนธรรมเอาเสียเลย!

“ข้ามิได้เป็นผู้ถูกจารึกไว้ชั่วนิรันดร์หรอก สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเพราะข้าว่างมิมีอันใดทำ พี่เยียนอย่าได้นำมาใส่ใจ ข้าต่างหากที่หวังว่าท่านจะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์”

เยียนเหลียงเจ๋อสูดลมหายใจเข้า ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “การกลับแคว้นในครานี้ หากสำเร็จ ข้าจะสามารถเป็นผู้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่หากล้มเหลว…”

“คนเรานั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเชื่อมั่นในตนเอง ! จากความสามารถของพี่เยียน ข้าคาดว่าต้องประสบผลสำเร็จเป็นแน่ ! มา ๆ ๆ ข้าขอดื่มให้ท่านอีกหนึ่งจอก อวยพรให้ท่านประสบผลสำเร็จโดยราบรื่น ! ”

“ขอให้สมพรปาก ! ”

ทั้งสองเพิ่งจะได้ดื่มสุราลงท้อง ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกอีกครา

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปทางเสียงนั้น จึงได้พบกับสตรีที่สวมใส่ชุดสีเขียวอยู่ 2 นาง เดินถือโคมไฟที่ทำขึ้นมาอย่างประณีตตรงเข้ามา

นางทั้งสองหยุดอยู่ตรงทางเข้าประตูแล้วโค้งตัวลง

จากนั้น ก็ได้ปรากฏสตรีนางหนึ่งขึ้นที่หน้าประตู

นางสวมอาภรณ์สีขาวปักลาย บริเวณเอวมีเชือกสีฟ้าผูกเอาไว้อยู่ ทำให้เอวบอบบางนั้นยิ่งบางลงกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มเด่นชัดมากยิ่งขึ้น

ในมือของนางถือผ้าเช็ดหน้าปักลายสีแดง ผูกผ้าสีเขียวอ่อนไว้บนศีรษะ ลูกปัดสีทองแกว่งไปมาตัดกับผมสีดำขลับของนาง

นางยกผ้าเช็ดหน้าปิดปากแล้วยิ้มผ่านคิ้วกับแววตา ดวงตาของนางช่างส่องประกายแวววาวยิ่ง นางมองมาทางผู้คนที่นั่งอยู่ในห้อง

ต่อจากนั้นก็ได้ส่งเสียง “หา ! ” ออกมา

ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง ฟู่เสี่ยวกวน !

ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน… ยิงฮวา ? สตรีนางนี้มิได้อยู่ที่เมืองกวนหยุนหรอกหรือ ?

นางเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหลิวมิใช่หรือ ?

เหตุใดจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นนี้กัน ?

หรือว่าที่เมืองกวนหยุนจะเกิดเรื่องขึ้นกัน มีเรื่องเกิดขึ้นกับสถานทูตของแคว้นหลิวเยี่ยงนั้นหรือ ?

ระยะเวลาอันสั้นนี้ ยิงฮวากลับครุ่นคิดมากมาย ฟู่เสี่ยวกวนเองก็เช่นกัน เพียงแต่ทั้งสองมิได้คิดตรงกัน

ยิงฮวาคิดไปว่า คนที่คุณชายเยียนเชิญมาคือฟู่เสี่ยวกวนนี่เอง ! ในที่นี้นางได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนอีกครา ! ช่างเป็นความสุขที่มาเยือนโดยมิทันตั้งตัว

แต่ฟู่เสี่ยวกวนหาได้คิดเช่นนั้นไม่ เขาคิดไปถึงเรื่องที่มิดีเท่าใดนัก

ดังนั้น เขาจึงขมวดคิ้วมุ่น แม่นางยิงฮวาก้าวเข้ามา สายตาของนางมองไปยังใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน

เยียนเหลียงเจ๋อเห็นดังนั้นจึงลอบคิดว่า… ทั้งสองคนมีความลับต่อกันเยี่ยงนั้นหรือ ?

คิ้วของฟู่เสี่ยวกวนค่อย ๆ คลายออก เขามิได้เห็นความโศกเศร้าบนใบหน้าของนาง แต่กลับรู้สึกเหมือนมีความสุขที่ได้พบสหายจากต่างแดน

“คารวะคุณชายฟู่ ! ”

ยิงฮวาทำความเคารพ ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “คิดมิถึงจริง ๆ ว่าเป็นเจ้า”

“ยิงฮวาก็คิดมิถึงเช่นกันว่าคุณชายฟู่จะมาเยือน”

เยียนเหลียงเจ๋อมองซ้ายมองขวา เอ่อคือ… คืนนี้เขาเป็นเจ้าของงานมิใช่หรือ ? เดิมทีแม่นางยิงฮวาควรเข้ามาทักทายเขาก่อนเป็นคนแรก แต่บัดนี้ นางมิได้แม้แต่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ…

เงินที่เสียไป เยียนเหลียงเจ๋อรู้สึกเสียดายยิ่ง

“ทั้งสองรู้จักกันด้วยหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าแล้วยื่นมือออกไป “เชิญแม่นางนั่งลงก่อน”

หลังจากนั้น จึงหันมาอธิบายกับเยียนเหลียงเจ๋อว่า “เมื่อคราที่อยู่ในเมืองกวนหยุนแห่งราชวงศ์อู๋ พวกเราเคยพบเจอกันมาก่อน”

โชคดีที่เป็นเพียงเคยพบเจอเท่านั้น

เยียนเหลียงเจ๋อสบายใจขึ้นมามิน้อย ส่วนยิงฮวาเพิ่งตั้งสติได้ นางเข้าใจดีว่าวันนี้ตนรับบทเป็นอะไร

นางจึงยกแขนเรียวขาวราวหยกขึ้นมารินสุราให้กับเยียนเหลียงเจ๋อ ฟู่เสี่ยวกวน และสวี่ซินเหยียน นางยกจอกสุราขึ้นแล้วยิ้มให้เยียนเหลียงเจ๋อ “ขอบพระคุณคุณชายที่สนับสนุนข้าในวันนี้ ยิงฮวารู้สึกยินดีและมีความสุขยิ่ง จอกนี้ขอดื่มให้แก่ทุกท่าน เพื่อแสดงถึงคำขอบคุณที่มาจากใจ”

สวี่ซินเหยียนลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยกสุราขึ้นดื่มกับพวกเขา

ยิงฮวารินสุราอีกครา แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากเมืองกวนหยุนก็เป็นเวลา 9 เดือนแล้ว ตอนที่งานชุมนุมวรรณกรรมสิ้นสุดลง ข้าน้อยคิดว่าคุณชายฟู่จะเดินทางไปยังทะเลสาบสือหลี่เสียอีก แต่น่าเสียดายที่ข้ามิได้พบท่าน

หลังจากได้ยินเรื่องหิมะถล่ม ข้าน้อยก็โศกเศร้ายิ่ง ได้แต่คร่ำครวญโทษว่าฟ้าดินอิจฉาท่าน แต่เมื่อได้ยินว่าท่านปรากฏตัวขึ้นที่เมืองจินหลิง จึงได้เข้าใจว่าเบื้องบนได้ปกปักรักษาท่านอย่างแท้จริง

ข้าน้อยจึงเดินทางจากเมืองกวนหยุนมายังจินหลิง บัดนี้ เป็นเวลา 1 เดือนพอดี เดิมทีการเดินทางมาเมืองจินหลิง เพื่อต้องการตามหาคุณชายฟู่ แต่ระหว่างทางได้ยินว่าท่านได้สมรสไปแล้ว

ดังนั้น ข้าจึงเดินทางมาที่แห่งนี้ เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากรวบรวมเงินได้ครบก็จะเดินทางกลับเมืองกวนหยุนทันที ทว่าต่อมาก็ได้เปลี่ยนเเปลงความคิด…”

ยิงฮวามองไปทางฟู่เสี่ยวกวนแล้วฝืนยิ้มออกมา นางยกจอกสุราขึ้นแล้วกล่าวว่า “ขออวยพรให้ท่านมีความสุขในชีวิตสมรส ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ยกจอกสุราขึ้นเช่นกัน “ขอบใจมาก เพียงแต่ มิทราบว่าแม่นางเปลี่ยนความคิดอันใด ? ”

ยิงฮวาดื่มสุราไปหนึ่งจอก ขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากแดงเรื่อเริ่มขยับ “ข้าน้อยจะกลับแคว้น”

“กลับไปเพราะเหตุอันใดกัน ? ”

“ท่านมีครอบครัวแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่ออันใดอีกกัน ? ”