คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 747
ไอ้เวรนั่นเป็นคนแต่งเพลงอย่างนั้นเหรอ?

บรรดานักข่าวต่างหันกล้องไปหาแดร์ริล!

“ไม่จำเป็นต้องให้ฉันขึ้นไปบนเวทีหรอก” แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มาเถอะ ท่านอาจารย์” เชอรีลฉีกยิ้มให้กับเขา “อาจารย์เป็นคนแต่งเพลงเอง อาจารย์ก็ต้องขึ้นมาด้วย”

เขานั้นพ่ายแพ้ต่อการรบเร้าของเชอรีล แดร์ริลจึงยิ้มอย่างขวยเขินขึ้นไปบนเวที

ว้าว!

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่แดร์ริลอย่างตกใจ!

‘ไอ้ละอ่อนนี่มันเป็นใคร?’

‘ไม่คุ้นหน้าเขามาก่อนเลย…’

ไซม่อนเดินไปหาแดร์ริลและจ้องมองอย่าเย่อหยิ่ง “ไอ้หนุ่ม นายเป็นคนแต่งเพลงนี้จริงเหรอ?”

คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวไซม่อนต่างก็สงสัยเช่นเดียวกัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถแต่งเพลงได้ไพเราะขนาดนี้

สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือเขาไม่ได้เป็นคนจากสำนักพราน

มีเพียงแค่ศิษย์สาวกสำนักพรานเท่านั้นที่จะมีทักษะเช่นนี้ อย่างไรก็ตามสำนักพรานก็เป็นถึงหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ หลายคนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้เข้าสำนัก

‘คนพวกนี้น่าทึ่งจริง ๆ’

แดร์ริลหัวเราะและกล่าว “ก็แค่บทเพลง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

อะไร?

มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา?

ไอ้เด็กนี่มันยโสโอหังเกินไป

ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาหัวเราะร่า ‘ไอ้หนุ่มนี่มันต้องเป็นตลกแน่นอน’

ไซม่อนก็ชะงักงันเช่นกัน เขาจ้องมองแดร์ริลและยิ้มเจื่อน ๆ “ไอ้หนุ่ม นายคิดว่าแต่งเพลงมันง่ายมากจริง ๆ เหรอ นายคิดว่านายเก่งกาจขนาดนั้นเลย?”

ในตอนที่ไซม่อนกล่าว สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ

เขารู้สึกตกใจที่คนรุ่นเยาว์มีท่าทีที่เย่อหยิ่งใส่เขาต่อหน้า เขาเป็นถึงผู้ทรงเกรียติรุ่นอาวุโสแห่งสำนักพราน แดร์ริลนั้นไม่มีสัมมาคาระวะเลยแม้แต่น้อย

“ใช่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย จะมีปัญหาอะไรกับการแต่งเพลงไม่กี่เพลง” แดร์ริลไม่ได้สนใจสายตาถากถางของไซม่อน เขาตอบกลับอย่างเรียบเฉย

แดร์ริลไม่ได้โม้โอ้อวด

ที่จักรวาลโลกนั้นก้าวหน้าไปมากกว่าทวีปตะวันออกอันยิ่งใหญ่หลายทศวรรต มันมีบทเพลงโด่งดังมากมายในทวีปจักรวาลโลก แดร์ริลสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกสุ่มเพลงมาร้อง

ว้าว…

ฝูงชนต่างสบสายตากัน และพวกเขาก็หัวเราะลั่นดังสนั่น

“ไอ้เด็กนี่มันน่าสนใจจริง ๆ”

“แค่ผู้อาวุโสครีเซนต์กล่าวชมเชยนิดหน่อย เขาก็เหลิงไปไกลแล้ว”

“เขาไม่เขินหรือไงที่ทำตัวหน้าอายใส่ผู้อาวุโสครีเซนต์…”

เสียงหัวเราะก็ยังคงดังระงมอย่างต่อเนื่องและเชอรีลก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย เธอเดินไปยืนข้างแดร์ริล

เชอรีลค่อย ๆขยับปากและกระซิบข้างหูแดร์ริล “ท่านอาจารย์ คนนี้คือผู้อาวุโสครีเซนต์แห่งสำนักพราน เขานั้นเชี่ยวชาญรอบด้านและมีความสามารถมาก ท่านอาจารย์จะไปอวดเบ่งเกินหน้าเกินตาเขาไม่ได้”

เชอรีลยังคงเชื่อมั่นว่าเพลงของแดร์ริลนั้นน่าประทับใจ

ไซม่อนนั้นเป็นบุคคลสำคัญที่โด่งดังในสำนักพราน มันคงจะเป็นเรื่องง่ายที่แดร์ริลจะทำให้ตัวเสียหน้า เพราะเขาไม่รู้จักอ่อนน้อมต่อหน้าไซม่อน

แดร์ริลยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนมุมปากและสงวนท่าทีเงียบขรึม

ไซม่อนเย้ย “ไอ้หนุ่ม ดูนายจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากกับพรสวรรค์ของนาย ทำไมเราไม่ลองมาประชันกันดูสักตั้งล่ะ?”

ไซม่อนต้องการที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู กับการที่เขาจะจัดการกับเด็กหมุ่นที่ไม่มีสัมมาคาราวะ

“มันต้องน่าดูมากแน่ ๆ!”

“ใช่แล้ว เขากล้าดียังไงถึงมาอวดเบ่งต่อหน้าผู้อาวุโสครีเซนต์ น่าอดสูที่สุด!”

“ต้องมีใครสั่งสอนมารยาทเขาบ้างแล้วล่ะ”

ทุกคนต่างตื่นเต้นและลุ้นระทึกเกี่ยวกับการประชันกันในครั้งนี้

แดร์ริลถอนหายใจเขารู้สึกค่อนข้างครึกครื้น เขาจึงพยักหน้าตอบตกลง “เราจะประชันกันยังไงดี แต่งบทกวีหรือจะแต่งเพลงเนื้อร้อง”

อะไร?

‘ไอ้เด็กคนนี้มันกล้าจะท้าทายผู้อาวุโสครีเซนต์?’

‘เขาคิดว่าเขามันแน่!’

ผู้คนบริเวณโดยรอบต่างส่งเสียงสนทนาจอแจ!

ไซม่อนมองไปที่แดร์ริลพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ และกล่าวอย่างเย็นชา “ดีมาก นายแน่จริง ๆ”

ไซม่อนชี้นิ้วไปที่คนรับใช้ของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “มาประชันร่ายบทกวีกันเถอะ ถ้าหากนายแพ้ นายจะต้องคุกเข่าให้กับคนรับใช้ของฉันในฐานะเจ้านายของตัวเองและกล่าวทำความเคารพว่าเขาคือเจ้าสูงสุดสามครั้ง”

ถ้าหากแดร์ริลแพ้เขาจะต้องเรียกคนรับใช้ของผู้อาวุโสครีเซนต์ว่าเจ้าสูงสุด! ฝูงชนต่างหัวเราะเยาะ

ถ้าแดร์ริลต้องเรียกคนรับใช้ของท่านผู้อาวุโสว่าเป็นเจ้าสูงสุด มันก็คงจะน่าอับอายสำหรับเขามาก!

ทุกคนต่างหัวเราะเสียงดังสนั่นอีกครั้ง

เชอรีลกัดริมฝีปากของเธอและกระทืบเท้าอย่างกระวนกระวาย แดร์ริลคืออาจารย์ของเธอ ถ้าหากเขาแพ้และจะต้องเรียกคนรับใช้ว่าเจ้าสูงสุด มันจะกระทบกับเธอเสียหายมากแค่ไหน?

ช่างน่าอับอาย!

มากไปกว่านั้นแดร์ริลก็คงจะแพ้ราบคาบ ถึงแม้ว่าแดร์ริลจะแต่งเพลงได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแต่งบทกวีได้…

เชอรีลกระตุกแขนเสื้อของแดร์ริล เธอต้องการที่จะให้เขายอมแพ้ไปและกล่าวสรรเสริญไซม่อนนิดหน่อย จะได้ไม่มีเรื่องราวบาดหมางต่อกัน

เชอรีลนั้นประหลาดใจ แดร์ริลยังคงแน่วแน่ไม่เปลี่ยนใจ เขาเพียงยืนเด่นอย่างท้าทายทรนง

“นาย…” เมื่อเธอสังเกตุเห็นท่าทีของแดร์ริล เชอรีลก็เดือดดาล “ท่านอาจารย์ อย่าไปเดิมพันกับเขา…”

ในเวลาเดียวกัน จีเวลก็กำหมัดไว้แน่น เธอดูวิกตกกังวล

‘เขาอยากจะลองประชันจริง ๆ อย่างนั้นหรอ?’

คู่ประชันของแดร์ริลคือผู้เชี่ยวชาญชื่อเสียงโด่งดังแห่งสำนักพราน

‘เขาจะเอาชนะด้วยบทกวีได้ไหม?’

อย่างไรก็ตามแดร์ริลก็ยังคงยิ้มร่า เขาไม่ได้วิตกกังวลเลย ‘ไซม่อนนั้นพึ่งพาชื่อเสียงของเขาและหน้าใหญ่ ชอบดูถูกสาวกรุ่นเยาว์ ถ้าเขาอยากจะทำให้ฉันเป็นตัวตลกต่อหน้ามวลชน ถ้าเป็นแบบนี้ฉันจะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด’

แดร์ริลเชี่ยวชาญในบทกวี เขาจดจำบทกวีได้โดยเฉพาะบทกวีที่มีชื่อเสียงถึง 300 บทจากสมัยราชวงศ์ถัง เขาไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ

แดร์ริลหัวเราะและจ้องมองไปที่ไซม่อน “ได้สิ มาประชันบทกวีกัน ถ้าคุณแพ้ต้องให้ภรรยาของคุณมาคุกเข่าต่อหน้าผมและเรียกผมว่าท่านอาจารย์ จำเอาไว้ให้ดี ขอเป็นแค่ภรรยาของคุณเท่านั้นที่ควรจะมาคุกเข่าต่อหน้าผม ไม่ใช่คุณ คุณมันน่าเกลียดเกินไป ผมไม่อยากจะรับลูกศิษย์ที่น่ารังเกียจแบบคุณ”

ว้าว!

ฝูงชนต่างแผดเสียงร้องโวยวาย

ภรรยาของไซม่อนคือ ซัมเมอร์ ครูซ เธอนั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์และเชี่ยวชาญในทุกแขนง! เธอนั้นอายุสามสิบต้น ๆ และเธอก็สวมชุดราตรีที่เผยทรวดทรงอันยั่วยวนของเธอ

‘ไอ้เด็กคนนี้ มันเกทับ!’

ไซม่อนตัวสั่นด้วยความโกรธ! ในฐานะผู้อาวุโสแห่งสำนักพราน ทุกคนต่างให้ความเคารพนับถือเขา เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาทำตัวเย่อหยิ่งดูแคลนเขาอย่างโจ่งแจ้ง!

ไซม่อนถอนหายใจและกล่าว “ได้เลย ฉันจะพนันกับแก! แกคิดว่าแกโดดเด่นใช่ไหม!”