“แกเป็นบ้าไปแล้ว! เธอวางยาเสน่ห์แกใช่ไหม!” สุนันท์แทบจะเป็นลมเพราะรับไม่ได้
“ทุกอย่างที่ผมพูดตอนนี้จริงทั้งหมด เธอไม่มีผมก็ได้ แต่ผมไม่มีเธอไม่ได้ แม่ แม่ไม่จำเป็นต้องเสียแรงเปล่าอีก….”
เมื่อพูดจบออกัสก็หันไปจัดเสื้อผ้าให้เธอ และเปลี่ยนน้ำเสียงจากเย็นชาหนักแน่นกลายเป็นอ่อนโยน “ตอนกลางคืนอากาศหนาว ขึ้นไปเถอะ”
เชอร์รีนหันไปมองสุนันท์อีกหนึ่งครั้งพร้อมขมวดคิ้ว คิดอยากจะพูดอะไร แต่เขาก็ไม่ให้เธอได้พูด “ขึ้นไป อย่าดื้อ”
เธอพยักหน้าและหันหลังขึ้นไป ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออก
“แกจะไปไหน ฉันให้แกไปแล้ว” สุนันท์ไม่ยอมปล่อย ยกเท้าจะเดินตามเชอร์รีนขึ้นไป แต่มือใหญ่ก็จับข้อมือของสุนันท์ไว้ ออกัสบังคับเธอเดินไปที่รถ แล้วปล่อยให้เธอนั่งที่เบาะหลัง
“แม่ยังพูดไม่จบเลยนะ! ยังพูดไหม แกให้เธอไปได้ยังไง!” สุนันท์นั่งอยู่เบาะหลังด้วยความไม่สงบสุข ร่างกายยังคงขยับไปมา
รถขับเร็วมาก ออกัสก็นั่งอยู่ข้างเธอ ยังไงก็เป็นแม่ของเขา เขาจึงไม่อยากใจร้ายมากนัก
“เมื่อไหร่แม่จะยอมรับความสัมพันธ์ของผมกับเธอสักที”
“แกอย่าได้หวังว่าจะได้คบกัน ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมรับ เธอทำให้พ่อของแกต้องเข้าคุก ฉันไม่ยอม!”
เมื่อได้ฟังออกัสก็หัวเราะอย่างประชดประชัน “ในเมื่อเป็นแม่เหมือนกัน ทำไมความแตกต่างถึงมากขนาดนี้ ทำไมไม่พูดว่าเขาทำตัวเองเข้าคุก แถมคนที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้มากที่สุดก็คือพวกเขา ไม่ใช่พวกเรา เธอเสียพ่อที่รักไป และเสียลูกที่รักไป เสียคนรักสองคน แต่แม่ของเธอก็ยังคิดและใจกว้าง ทำไมแม่เป็นอย่างนั้นไม่ได้”
สุนันท์ทนฟังประโยคนี้ไม่ได้ “เพราะเธอเห็นแก่ทรัพย์สินของตระกูลเรา ดังนั้นเธอถึงได้เป็นอย่างนี้ ยังไงฉันก็ไม่ยอมรับ!”
“งั้นผมก็จะบอกการตัดสินใจของผมให้ชัดเจนอีกครั้ง ผมอยากคบกับเธอ และจะคบกับเธอ เรื่องนี้จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าคิดจะให้ผมตัดสินใจอีก ไม่อย่างนั้นแม่จะต้องเสียใจ!” เสียงของเขาเย็นชามาก เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
“แกจะบอกว่าแกเลือกเธอ ไม่ใช่แม่ที่เกิดแกเลี้ยงแกอย่างนั้นหรอ” น้ำเสียงของสุนันท์สั่นเครือ
“ถ้าแม่แยกแยะได้ ก็คงไม่ต้องเกิดการเลือกแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องไปพูดกับเธอ หรือยุแยงตะแคงรั่วข้างหลังอีก ถ้าแม่ทำอะไรพวกเขาแม่จะต้องได้รับผลอย่างไม่อาจต้าน ถ้าแม่คิดว่ามันเป็นการข่มขู่ ผมก็จะไม่ปฏิเสธ แม่จำคำพูดทุกคำในวันนี้ให้ดี ผมไม่ใช่จะมาล้อเล่น! อย่าทำอะไรเกินไป และอยากไปหาพวกเขา ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี อยู่ในที่ของตัวเอง!”
สุนันท์หน้ามืด ดวงตาพร่ามัว เขาเคยพูดประโยคพวกนี้กับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาลุ่มหลงมัวเมาไปหมดแล้วหรอ
ประโยคแบบนี้ยังมาพูดกับเธอได้ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง
“ออกัส ฉันเป็นแม่แกนะ แกจะพูดอย่างนี้กับฉันได้ยังไง” เธอแทบจะรับไม่ได้ เขาเป็นลูกชายของเธอนะ!
“ถ้าเราอยู่กันได้อย่างมีความสุข เรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น….”
ออกัสหันสายตาไปมองเธอ “คำพูดหรือการกระทำใดๆที่ทำให้พวกเขาอับอาย หวังว่าแม่จะไม่ทำ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ความโกรธก็สุมเข้ามาในใจเธอ สุนันท์ยกมือตบอกด้วยความโกรธ
ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นใช้กลมารยาใด ถึงทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างนี้ เธอโกรธจะตายอยู่แล้ว!
ช่วงนี้เลอแปงไปอเมริกา บอกว่ามีเรื่องต้องเซ็นที่บริษัท ในคฤหาสน์จึงเหลือแค่ออกัสกับสุนันท์สองคน
ผู้ช่วยเตโชเดินเข้ามาพร้อมเอกสารกองโต โดยบอกว่าเป็นเอกสารที่จำเป็นต้องตรวจสอบ จากนั้นออกัสก็ไปห้องหนังสือ
สุนันท์นั่งอยู่คนเดียวบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ในห้องนั่งเล่นเงียบเหงาไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เมื่อเปิดทีวี เปิดเสียงดังๆ คราวนี้ถึงจะดูไม่เงียบเหงาเกินไป
คฤหาสน์ตระกูลสิริไพบูรณ์ใหญ่มาก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถนั่งคุยกับเธอได้ เลอแปงไม่อยู่ หยาดฝนไม่อยู่ แล้วเธอจะคุยกับใคร
เธอจึงได้แต่คิดด้วยเปื่อยบนโซฟา คิดไปคิดมาก็นึกถึงผู้หญิงสาระเลวคนนั้น นั่นทำให้สุนันท์กัดฟันด้วยความโกรธขึ้นมาทันใด!
เธอจะไม่ยอมปล่อยไปอย่างนี้อีกต่อไป เมื่อกี้เมื่อฟังจากคำพูดของออกัส หมายความว่าเขาตั้งใจจะคบกับผู้หญิงคนนั้นต่อไป ไม่แน่อาจจะถึงขั้นแต่งงานเลยก็ได้!
ถ้าทั้งสองคนกลับมาแต่งงานใหม่ แล้วจะมีทางไหนให้เธอมีชีวิตต่อไป! ยายผู้หญิงสาระเลวนั่นคงมาถอนหงอกเธอไม่เว้นแต่ละวัน
ไม่ได้ ต้องใช้ไม้แข็ง ยิ่งโหดยิ่งดี เอาให้ตายในนัดเดียว ไม่อย่างนั้นถ้าผิดพลาดขึ้นมา ก็จะไม่มีทางมีโอกาสที่สองอีก
เธอนึกถึงคำถากถางลับหลังของเหล่าคุณนายไฮโซพวกนั้น นึกถึงสิงหาที่ยังติดอยู่ในคุก นึกถึงลูกชายของเธอที่ยังอยู่ในบ้าน ความโกรธและเคียดแค้นทั้งหมดในหัวใจของสุนันท์ก็พุ่งไปที่เชอร์รีนทั้งหมด
เพียงแค่ครู่เดียว ใบหน้าของเธอก็บิดเบี้ยว แลดูน่ากลัว ไม่เหลือซึ่งความสง่างามของสตรีผู้สูงศักดิ์
….
กนกอรนั่งรถตอนตีห้ากว่า ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทา แต่ไฟในบ้านยังสว่างไสว
กระเป๋าเดินทางจัดเรียบร้อยแล้ว ของที่จะนำไปก็เตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว กนกอรต้องนั่งรถแท็กซี่ไปสถานีรถไฟ แต่เชอร์รีนไม่ยอม ฟ้ายังไม่สว่าง นั่งรถแท็กซี่ไปไม่สะดวก แถมที่บ้านก็มีรถ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากด้วย
แต่กนกอรกลัวซารางนอนไม่พอ เชอร์รีนกลับไม่คิดอย่างนั้น กลับมาค่อยนอนต่อก็ได้
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เธอก็มองไปที่รถเบนท์ลีย์สีดำด้วยความแปลกใจ เธอเดินไป พอดีกับที่หน้าต่างรถเลื่อนลงมาพอดี จากนั้นใบหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏต่อหน้าเธอ “ทำไมมาเช้าขนาดนี้”
“ของของคุณป้าเก็บเสร็จหรือยัง” เขาเปิดประตูรถเดินลงมา มือซ้ายอุ้มซารางเข้าอ้อมแขน มือขวาก็ยกกระเป๋าใส่หลังรถ”
เชอร์รีนกระพริบตาเบาๆ “ทำไมวันนี้ถึงใส่ใจขนาดนี้ เป็นสุภาพบุรุษ”
“จากนี้ต่อไปทุกวันผมก็จะใส่ใจแบบนี้….” เขาเลิกคิ้วคมขึ้น พร้อมขยับริมฝีปาก
เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ แล้วกระแอมเบาๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นออกัสจึงหรี่ตาลง ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้เขาไม่พอใจ “อารมณ์แปรปรวนหรอ”
“อารมณ์แปรปรวน ฉันแค่สงสัยว่าความเอาใจใส่ของคุณจะอยู่ได้นานสักแค่ไหน หนึ่งอาทิตย์ หรือว่าหนึ่งเดือน หรือผ่านไปแค่สองสามวันคุณก็จะกลับมาเป็นคนเย่อหยิ่งอีก” เธอยักไหล่
เขาจ้องบอกเธอทีละคำ “งั้นก็คอยดู คุณบอกว่าคุณไม่พอใจที่ผมไม่ใส่ใจคุณไม่ใช่หรอ ผมไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและรับรู้ความผิดพลาดของตัวเองแล้ว ดังนั้นผมจึงอยากแก้ไข แต่ผมก็จะไม่ใส่ใจขนาดนั้น เดี๋ยวมันจะไม่มีรสชาติ…”
กนกอรยืนอยู่ไม่ไกลจากทั้งสองคน ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เสียงของเขาก็ไม่เบา จึงกลัวว่า….
เธอกัดฟัน ยื่นมือไปบิดแขนเขา แล้วว่าเขาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว “คุณช่วยมียางอายหน่อยได้ไหม พูดอะไรก็ไม่อ้อมค้อมเลย!”