ราชันเร้นลับ 491 : เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ในรายงานการสืบสวน โดย Ink Stone_Fantasy
เลียวนาร์ด?
ไคลน์เกิดความคิดชั่วครู่ว่าตนอาจตาฝาด
แต่เนื่องจากแสงออร่าซึ่งปกคลุมลำตัวอีกฝ่ายไม่เข้มข้นมากนัก อีกทั้งตนยังเคยสนิทกับเลียวนาร์ด จึงยืนยันได้อย่างมั่นใจว่าไม่ผิดคน
ผ่านไปหนึ่งลมหายใจ เลียวนาร์ดเลือนหายไปพร้อมกับแสงจ้า
คนแล้วคนเล่า สมาชิกชุมนุมลับหายไปจากลำธารหุบเขาโดยเหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบงันของสภาพอากาศใจกลางฤดูหนาว
ความฝันไคลน์แตกละเอียดละจบลง
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น วางเข็มกลัดซึ่งได้จากศพลาเนวุสไว้บนโต๊ะทองแดงยาว
บุคคลในนิมิตเป็นเลียวนาร์ดตัวจริง หรือผู้ไร้หน้าจำแลงกายเป็นเลียวนาร์ดกันแน่?
ไคลน์ตัดสินใจโยนเหรียญหาคำตอบ
พลังวิญญาณได้มอบคำตอบผ่านตัวกลางกลับมาว่า บุคคลดังกล่าวคือเลียวนาร์ด·มิเชลตัวจริงเสียงจริง อดีตเพื่อนรักจากเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น
…เขาเป็น ‘สายสืบ’ ซึ่งเหยี่ยวราตรีส่งมาสืบข่าวในชุมนุม หรือแอบเสี่ยงชีวิตเข้าร่วมชุมนุมลับโดยไม่บอกใคร? เลียวนาร์ดกำลังหวังพัฒนาฝีมือและรอวันแก้แค้น โดยยังคงทำงานแฝงตัวอยู่กับเหยี่ยวราตรีเพื่อรอให้โอกาสเหมาะสมมาถึง?
ไคลน์ตั้งคำถามกับตัวเองด้วยสีหน้าไตร่ตรอง แต่เมื่อมิอาจหาข้อสรุปได้ จึงตัดสินใจทำนายถามเพิ่มเติม
และไม่ผิดคาด เป็นเพราะมีข้อมูลในมือน้อยเกิดไป การทำนายทั้งหมดจึงล้มเหลว
หลังจากเงียบงันสักพัก ไคลน์เผยรอยยิ้มซีดจางพลางวาดวงกลมจันทร์แดงกึ่งกลางหน้าอก
“ขอให้เขาโชคดี… ขอให้เทพธิดาอวยพร”
ไคลน์ไม่นำเรื่องของเลียวนาร์ดเก็บไปคิดนานนัก โดยหันมาสนใจจุดประสงค์ของการชุมนุมมากกว่า เพื่อจะได้วิเคราะห์หาข้อสรุปให้ชัดเจนว่า ในอนาคต ตนควรเข้าร่วมชุมนุมดังกล่าวดีไหม หรือควรแอบเตือนให้เลียวนาร์ดระวังอันตราย
…
กรุงเบ็คลันด์ ภายในห้องลับใต้มหาวิหารแห่งไอน้ำ
ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวแรกจากฝั่งซ้ายสุดของโต๊ะประชุมยาว ไอคานส์ถอดหมวกพลางใช้มือขวาจัดแต่งทรงผมแข็งกระด้างของตน
ถัดมา มันหยิบกระจกเงาสีเงินทรงโบราณ ‘อาโรเดส’ ออกจากช่องกระเป๋าลับสั่งทำพิเศษและวางไว้บนโต๊ะด้านหน้า
ไม่ว่าจะฝั่งขวามือ ฝั่งตรงข้าม หรือในแนวทแยงล้วนรายล้อมไปด้วยอาวุโสและหัวหน้าหน่วยจิตแห่งจักรกลจำนวนมากประจำกรุงเบ็คลันด์ ทั้งหมดถูกเรียกประชุมเป็นการด่วนโดยหนึ่งในสมาชิกสภาศักดิ์สิทธิ์ อาร์ชบิชอปแห่งเบ็คลันด์ ฮารามิค·ไฮเดิน
อาร์ชบิชอปในชุดคลุมยาวสีขาว ผู้มีกลิ่นอายคล้ายกับชายชรามาดสุขุมตามปรกติ กำลังนั่งอย่างสงบนิ่งบนเก้าอี้ประธาน
เมื่อเห็นทุกคนมากันครบ มันมองไปรอบโต๊ะประชุมและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เริ่มจากไอคานส์ เชิญรายงานความคืบหน้าการสืบสวนทั้งหมดได้”
ไอคานส์เบอร์นาร์ด ในสภาพมือข้างหนึ่งจัดแต่งทรงผม ส่วนอีกข้างกำลังพลิกเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้า มันเริ่มรายงานข้อมูลอย่างกระชับและฉะฉาน
“เจ้าคุณท่าน หน่วยของผมได้รับมอบหมายให้สืบสวนเกี่ยวกับเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ จากการสืบสวนอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ร่วมด้วยกระบวนการพิเศษ พวกเราสามารถยืนยันได้ว่า เชอร์ล็อกถูกดึงให้เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์โดยบังเอิญ และจากหลักฐานแวดล้อม ผมเชื่อว่าเขาไม่ทราบความลับเบื้องหลังองค์ชายเอ็ดซัค เชอร์ล็อกและทาลิม·ดูมงต์ ผู้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาภายในสโมสรครักซ์ เป็นเพื่อนสนิทกัน เชอร์ล็อกรับงานบางอย่างจากองค์ชายเอ็ดซัคผ่านทาลิม อย่างไรก็ตาม เขามิได้ลงมือสืบสวนอย่างจริงจังเท่าไรนัก แต่กลับเบิกค่าแรงและค่าชดเชยเกินจริงไปมาก”
เล่ามาถึงจุดนี้ ไอคานส์เริ่มเกิดความกังวล เพราะนักสืบเชอร์ล็อกเองก็เป็นสายข่าวคนหนึ่งของจิตแห่งจักรกล และมีการประวัติการเบิกเงินชดเชยเป็นบางคราว มันเกรงว่า ทั้งหมดอาจเป็นการเบิกเกินงบจริงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเชอร์ล็อก·โมเรียตี้นับว่าสำคัญต่อพวกเรามาก แถมยังเพิ่งเป็นสายข่าวให้กับโบสถ์ได้ไม่นาน…
ยิ่งไปกว่านั้น เงินตอบแทนส่วนใหญ่ก็ยังมาจากค่านายหน้า มิใช่การเบิกค่าชดเชย…
ไอคานส์ถอนหายใจแผ่ว จึงค่อยเล่าต่อ
“หน่วยของผมลงความเห็นกันว่า เขาเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ และมิได้รับผลประโยชน์ใดจากเหตุการณ์ จริงอยู่ เขาอาจตระหนักถึงอันตรายจากคฤหาสน์กุหลาบแดงได้เร็ว แต่นั่นคือตัวอย่างของความเป็นอัจฉริยะด้านอนุมานและสรุปผลของเชอร์ล็อก ไอเซนการ์ด·สแตนธอนสามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้ หลังจากทำงานให้องค์ชายเอ็ดซัคได้ระยะหนึ่ง เชอร์ล็อกเริ่มเอะใจว่าตนอาจตกอยู่ในวงล้อมความขัดแย้งท่ามกลางเชื้อพระวงศ์ จึงตัดสินใจชะลอการสืบสวนและหาโอกาสตีตัวออกหาก โดยในภายหลัง เขาได้เขียนจดหมายอธิบายเรื่องราวให้พวกเราทราบด้วย แต่โชคชะตาได้เล่นตลก เขามิอาจหนีจากเรื่องราวอันซับซ้อนและยุ่งเหยิงพ้น อย่างไรก็ตาม ในความโชคร้ายยังมีโชคดี เชอร์ล็อกเล่าว่า ในวินาทีฝนอุกกาบาตพุ่งถล่มเขตป่าใกล้กับคฤหาสน์กุหลาบแดง ทายาทแห่งเทพมรณา อะซิก·อายเกส ได้ปรากฏตัวออกมาช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา หากได้เห็นสภาพแวดล้อมในจุดดังกล่าวหลังจากเหตุการณ์จบลง ทุกท่านคงเข้าใจได้ทันทีว่าการโจมตีดังกล่าวมีอำนาจทำลายล้างรุนแรงและเป็นวงกว้างมากเพียงใด โดยนี่อาจเป็นผลจากพลังของ 0-08”
ไคลน์เล่าถึงอินซ์·แซงวิลล์และ 0-08 ในจดหมายของตน โดยไม่อธิบายว่าตนรู้จักอดีตอาร์ชบิชอปแห่งเหยี่ยวราตรีและสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ได้อย่างไร
เนื่องจากมีพยานรู้เห็นมากมายระบุว่า ตนอยู่กับอะซิก·อายเกสเป็นเวลานาน ข้อมูลดังกล่าวจึงมีแน้วโน้มจะมาจากคำบอกเล่าของทายาทแห่งมรณา
และเป็นไปตามคาด จิตแห่งจักรกลต่างลงความเห็นว่าเรื่องราวน่าจะเป็นไปในทิศทางดังกล่าว
ในส่วนของสมบัติวิเศษระดับ 0 และ 1 ทุกโบสถ์จะมีการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันอย่างตอเนื่องอยู่แล้ว ถึงขั้นใช้รหัสปิดผนึกไม่ซ้ำกันเพื่อป้องกันการสับสน ไคลน์จึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายลงลึกรายละเอียด 0-08
“…อย่างไรก็ตาม พวกเรายังไม่กระจ่างในสามประเด็น หนึ่ง 2-111 ระบุว่าขณะเชอร์ล็อก·โมเรียตี้หนีเข้าไปในป่า เขาไม่รีบเคลื่อนย้ายตัวเองออกห่างจากอันตราย แต่กลับสวดวิงวอนถึงใครบางคน สอง ทางเรายังไม่ทราบว่าเขารู้จักกับอะซิก·อายเกสได้อย่างไร สาม ทางเรายังไม่ทราบว่าเขาหลบหนีออกจากอาคารใต้ดินลับด้วยวิธีใด หากประเมินจากสถานการณ์ การหลบหนีด้วยพลังพิเศษของเขาเพียงอย่างเดียวค่อนข้างเป็นเรื่องยาก… อีกทั้ง ระหว่างการหลบหนี นักสืบเชอร์ล็อกได้ทำลายพิธีกรรมลับของชุมนุมแสงเหนือ โดยสันนิษฐานว่าจะเป็นพิธีกรรมอัญเชิญพระผู้สร้างแท้จริงลงมาจุติ”
ไอคานส์สรุปผลการสืบสวน
2-111 หมายถึงกระจกวิเศษอาโรเดส
ฮารามิคเผยรอยยิ้ม ก่อนจะพึมพำ
“เบิกค่าใช้จ่ายเกินจริงไปมาก…”
ตามด้วยการกระแอมในลำคอ
“แฮ่ม… แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักสืบเชอร์ล็อกคือวีรบุรุษตัวจริงของกรุงเบ็คลันด์ หากเขาทำลายพิธีกรรมไม่ทันเวลา หรือเลือกจะหนีอย่างคนขลาด เกรงว่าพวกเราอาจจะไม่ได้มานั่งคุยกันตรงนี้ เหนือสิ่งอื่นใด เขาศรัทธาในพระองค์เหมือนกับพวกเรา และมีท่าทีเป็นมิตรกับเรา ฉะนั้น หากปัญหามิได้ร้ายแรงจนเกินไปนัก พวกเราสามารถมองข้ามข้อกังขาเล็กน้อยได้”
“เจ้าคุณท่าน ผมก็คิดเช่นนั้น” ไอคานส์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย “หน่วยของผมประเมินว่า การสวดวิงวอนในป่ารวมถึงพฤติกรรมเป่านกหวีดทองแดง เป็นขั้นตอนสำหรับใช้ติดต่อกับอะซิก·อายเกส แต่ทั้งผลลัพธ์และความเร็วแตกต่างจากคำวิงวอนตามปรกติพอสมควร
“อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ความเป็นความตาย พฤติกรรมของเขาไม่น่าจะแฝงเจตนาร้าย แต่ทำไปเพื่อดิ้นรนให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป นั่นคือข้อสรุปของการสืบสวน”
“หึหึ… นอกจากการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ส่วนหนึ่งอาจกำลังเขียนจดหมายลาตายก็ได้นะครับ” อาวุโสจิตแห่งจักรกลคนหนึ่งกล่าวติดตลก ตามด้วยการรายงานเนื้อหาในส่วนของตน
“…พวกเราไม่พบอาคารใต้ดินตามคำอธิบายของเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ นอกจากนั้น แม้จะมีความช่วยเหลือจาก 2-111 ร่วมด้วย แต่พวกเราก็ยังไม่ทราบตัวจริงของผู้วิเศษครึ่งเทพจากราชวงศ์”
“….ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า โบสถ์รัตติกาลทราบข่าวความโกลาหลเป็นฝ่ายแรก ข้อมูลถูกส่งมาจากเครือข่ายพิเศษของเอิร์ลฮอลล์ รายละเอียดมากกว่านี้ยังเป็นปริศนา”
“…กองกำลังส่วนใหญ่ของชุมนุมแสงเหนือในกรุงเบ็คลันด์ถูกพวกเรา เหยี่ยวราตรี และทูตพิพากษาบุกทลายจนเกือบหมด แต่ผมยังเชื่อว่า พวกมันน่าจะยังเหลือเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่ในเงามืด…”
“…ขณะเกิดเหตุ เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ระบุว่าทริสซี่ได้ย้อนกลับเข้าไปในกรุงเบ็คลันด์ แต่ไม่มีใครพบเบาะแสของเธออีกเลยหลังจากนั้น และจากคำบอกเล่าของเชอร์ล็อกเช่นเดิม ทริสซีคือกุญแจสำคัญของเหตุการณ์คราวนี้ โดยเธอถูกเปลี่ยนชื่อเป็นทริสซี่·ชีค”
“…ปัจจุบันยังไม่อาจทราบได้ว่า โบสถ์รัตติกาลใช้วิธีใดจับกุมตัวแม่มดสิ้นหวังและพ่อบ้านชรา ฟังเกล แต่ผลการทำนายยืนยันแน่ชัดว่าทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ และหลบหนีไม่สำเร็จ”
…
ขณะอาวุโสและหัวหน้าหน่วยจิตแห่งจักรกลรายงานความคืบหน้าทีละคน อาร์ชบิชอปฮารามิคหรี่ตาลงพลางทำหน้าครุ่นคิด
บรรยากาศห้องประชุมเงียบงันไปสักพัก จนกระทั่งฮารามิค·ไฮเดินลืมตาขึ้นพร้อมกับมอบคำสั่ง
“ถ้าหากยืนยันได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ให้ระดมกำลังตามล่าตัวทริสซี·ชีคอย่างสุดฝีมือ จงรวบรวมทุกการทำนายล้มเหลวในอดีตและส่งรายละเอียดมาให้ผม โบสถ์ของเรามีนักบุญเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง จริงอยู่ ประสิทธิภาพอาจไม่สูงไปกว่า 2-111 สักเท่าไร แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ในส่วนของการสืบหาตัวครึ่งเทพฝ่ายราชวงศ์ เรื่องนี้พักไว้เอาก่อน ทางนั้นคงทราบความเคลื่อนไหวของเราแล้ว และนั่นไม่ต่างอะไรกับคำเตือน พวกเขาคงไม่กล้าเคลื่อนไหวไปอีกสักพัก การแบ่งกำลังคนไปสืบสวนมีแต่จะเหนื่อยเปล่า พยายามค้นหาอาคารใต้ดินปริศนาโดยแบ่งปันข้อมูลกับโบสถ์รัตติกาลและวายุสลาตัน ไอคานส์ จงถาม 2-111 ว่าเชอร์ล็อก·โมเรียตี้หลบหนีออกจากอาคารใต้ดินด้วยวิธีใด และรู้จักกับอะซิก·อายเกสตอนไหน”
ไอคานส์จ้องหน้าอาร์ชบิชอปฮารามิคนานหลายวินาที ก่อนจะชำเลืองไปยังพวกพ้องรอบโต๊ะและตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายกัดฟัน
“ขอรับ เจ้าคุณท่าน”
มันพลันหดหู่เมื่อตำนานของตนจะไม่เป็นความลับเฉพาะหน่วยอีกต่อไป แต่จะถูกเผยแพร่ไปยังจิตแห่งจักรกลทั่วทั้งกรุงเบ็คลันด์อย่างเท่าเทียม
หลังจากดำเนินขั้นตอนพื้นฐาน ไอคานส์ขยับปากเปล่งเสียง
“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ คำถามของกระผมคือ ‘เชอร์ล็อก·โมเรียตี้รู้จักกับอะซิกอายเกสตอนไหน’ ”
ทันใดนั้น กระจกวิเศษสีเงินซึ่งมีอัญมณีประดับสองเม็ดจนคล้ายดวงตา เริ่มแผ่แสงมายากระเพื่อมในลักษณะคลื่นน้ำ ตามด้วยการเผยฉากเหตุการณ์ :
เชอร์ล็อก·โมเรียตี้กำลังยืนอยู่ในห้องหนึ่ง สายตาเพ่งมองหนูสีเทาท้องแตกและเผยให้เห็นอวัยวะภายใน หนูตัวดังกล่าวกำลังเกาะอยู่บนกำแพง ด้านหลังเป็นเฒ่าโคห์เลอร์และเจ้าของโรงแรมราคาถูก
“สายข่าวของเชอร์ล็อกคงรายงานเกี่ยวกับค่าหัวของอะซิก·อายเกสให้ฟัง เขาจึงสนใจและเดินทางไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ค่าหัวของอะซิกมาจาก MI9 เนื่องจากทั้งสองฝั่งเกิดความขัดแย้งกัน”
ไอคานส์พยายามตีความ
และตามธรรมเนียมปฏิบัติ อาวุโสจิตแห่งจักรกลเลือกตอบคำถาม พลางสูดลมหายใจยาวเต็มปอด เตรียมรับแรงกระแทกจากคำถามสุดน่าอับอาย
และไม่ผิดคาด ตัวหนังสือสีแดงปรากฏขึ้นบนผิวกระจก :
“การพยายามเอาชนะใจใครสักคน แต่สุดท้ายกลับถูกเขาทอดทิ้ง… เจ้าเข้าใจความรู้สึกนี้หรือไม่”
ป…แปลก!
คำถามของอาโรเดสแปลกไปจากทุกที…
ไอคานส์พลันโล่งอกเมื่อตระหนักว่า ตัวอักษรสีเลือดบนกระจกมิได้แฝงความฉิบหายไว้เหมือนกับทุกครั้ง ท่าทีของกระจกวิเศษอาโรเดสห่อเหี่ยวอย่างไร้เหตุผล
แต่มันไม่กล้าสงสัยนานนัก รีบตอบกลับไปตามความรู้สึกตัวเอง
“เข้าใจขอรับ”
“ยินดีด้วย… เจ้าตอบถูก” ข้อความสีซีดเซียวปรากฏขึ้นบนผิวกระจกเงิน
…
5 มกราคม เก้าโมงเช้า
แต่งกายด้วยผ้าพันคอสีเทาอ่อน ไคลน์เดินทางมายังท่าเทียบเรือกุหลาบพร้อมกับกระเป๋าเดินทางและไม้ค้ำ
โมราขาวกำลังจอดรอผู้โดยสาร ขนาดของมันใหญ่มหึมา โดยเฉพาะยิ่งเมื่อนำมาเทียบกับขนาดของมนุษย์ กล่าวกันว่าสามารถรองรับผู้โดยสารได้หลายร้อยคนเลยทีเดียว
รูปลักษณ์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคสมัยแห่งไอน้ำ มีทั้งปล่องควันขนาดใหญ่ ใบเรือ และปืนใหญ่สิบสองกระบอกรอบลำ เพียงพอต่อการปกป้องกันตัวเองจากโจรสลัดและกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีอื่นๆ
ภายใต้การนำของกัปตันไอร์แลนด์·คักส์ เหล่ากะลาสีและลูกเรือร่างกายกำยำซึ่งถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี กำลังยืนเรียงรายอย่างเป็นระดับสองฝั่งขั้นบันได รอต้อนรับผู้โดยสารขึ้นเรืออย่างอบอุ่น กะลาสีบางคนจงใจเผยให้เห็นอาวุธถูกกฎหมายหลายชนิด เช่นลูกโม่ดัดแปลง ไรเฟิล และมีดยาว
ภาพอันน่าเกรงขามทำให้บรรดาผู้โดยสารเกิดความรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย ความหวาดกลัวเริ่มบรรเทาลงหลายส่วน โดยทุกคนเชื่อมั่นว่าการเดินทางอันยาวนานเก้าวันเต็มของตนจะไปถึงจุดหมายอย่างราบรื่น
ไคลน์ยืนด้านล่างพลางแหงนมองขึ้นไป ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดและพยุงตัวเดินอย่างระมัดระวัง
ใต้ช่องว่างระหว่างขั้นบันไดเป็นภาพของน้ำทะเลสีฟ้าครามส่องแสงระยิบระยับ
การเดินทางของเรา… เริ่มขึ้นแล้วสินะ…
ชายหนุ่มเยื้องย่างอย่างมั่นคง
……………………