บทที่ 457: เขาก็ฟันเมียข้าด้วยเช่นกัน

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 457: เขาก็ฟันเมียข้าด้วยเช่นกัน

 

หลังจากที่รู้ว่าคนที่เขารักที่สุดในชีวิตได้เลือกชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง หัวใจของเลอเป่าก็เต็มไปด้วยความขื่นขมและโกรธแค้น

 

“ใครกัน เจ้าชั่วคนไหนกล้าขโมยผู้หญิงของข้า ข้าเจ้าเป็นชายแท้จงเผยโฉมออกมาเดี๋ยวนี้” เลอเป่าคำรามด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น จนทำให้ชนเผ่ารอบตัวเขาวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัว

 

“ระวังปากของเจ้า เลอเป่า ข้าจักมิทนต่อพฤติกรรมต่ำช้าที่เจ้ามีต่อเขา” ชินเหลียงหยูพลันเปลี่ยนเป็นโกรธและตะโกนด่าอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ

 

เลอเป่าตกตะลึงกับปฏิกิริยาของชินเหลียงหยู ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นปฏิกิริยาที่ดุร้ายเช่นนี้ของเธอมาก่อน เขารับใช้พ่อของเธอมาตลอดชีวิตของพ่อเธอ และเขาก็อยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนชินเหลียงหยูตลอดชีวิตของเธอเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสมากมายที่จะเปิดเผยความรู้สึกให้กับเธอ แต่ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ทำเช่นนั้น คนที่เขารักที่สุดในชีวิตก็ถูกใครก็ไม่รู้นำตัวไป ดังนั้นจึงเกิดปฏิกิริยาอันรุนแรงซึ่งส่วนใหญ่มาจากความเศร้าเสียใจและเกลียดชังจากตัวของเขาเอง

 

“ใครกัน ใครที่สร้างความหวั่นไหวในใจเจ้า ข้าอยากรู้ชื่อ”

 

“นั่นมิใช่เรื่องของเจ้า เลอเป่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ชนเผ่าหมูป่าจักเป็นธุระเดียวของเจ้า” ชินเหลียงหยูพูดเสียงเย็นชา

 

“ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านไร้ความหมายต่อข้าหากมิมีเจ้าข้างกาย หัวหน้าชิน นอกจากข้าเห็นว่าชายคนนี้มีคุณสมบัติเหนือข้าสำหรับเป็นคู่ของเจ้า มิเช่นนั้นข้าก็จักปฏิเสธตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน” เลอเป่าพูดต่อกดดันเธอให้ระบุตัวตนของชายลึกลับที่เธอให้คำสัญญาไว้

 

“เราจำเป็นต้องทำเช่นนี้รึ เลอเป่า” ชินเหลียงหยูถอนใจ

 

“ข้าจักมิเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อให้เจ้าฆ่าข้าก็ตาม” เลอเป่ายืนยันคำตัดสินใจของตนเอง

 

ยามเมื่อเลอเป่าพูดจบประโยค เสียงอื่นก็ดังขึ้น

 

“เจ้ามีอะไรที่ต้องการจะพูดกับข้ารึ”

 

เมื่อเลอเป่าและชนเผ่าได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ พวกเขาพลันหันไปมองดูข้างหลังของตนเองที่ซึ่งชายหนุ่มรูปหล่อผิวขาวราวกับหยกตรงมายังพวกเขา

 

“ท-ท่านคือ…”

 

ดวงตาเลอเป่าเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นใบหน้าของซูหยาง

 

“เป็นไปไม่ได้…”

 

เลอเป่าพลันหันกลับไปมองดูชินเหลียงหยูและพูดด้วยเสียงอันดัง “เป็นเขาใช่ไหม”

 

ชินเหลียงหยูไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียวเพียงแค่พยักหน้า

 

“…”

 

ร่างของเลอเป่าซวนเซไปด้านหลังหลังจากที่เห็นคำยืนยันของเธอ

 

“ข้ามิเข้าใจ ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งและดูดีกว่าข้าอย่างแน่นอน แต่พวกเจ้าทั้งสองเพียงแค่พบกันมินานมานี้ ทำไมเจ้าจึงเลือกคนที่เพิ่งพบแทนที่จะเป็นข้าซึ่งเจ้าใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ด้วย”

 

“ข้าก็มิเข้าใจเช่นกัน แต่นั่นก็คือความรัก มันมิอาจจะคาดเดาและกระทันหันโดยสิ้นเชิง ราวกับดาวตก” ชินเหลียงหยูพูดเสียงเบา ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

เมื่อเลอเป่าเห็นอารมณ์ที่อยู่ในดวงตาของเธอ เรี่ยงแรงทั้งหมดของเขาก็หมดสิ้น ทำให้เขาล้มลงคุกเข่าอยู่กับพื้น

 

“…”

 

เมื่อเห็นเลอเป่าเป็นเช่นนี้ ชินเหลียงหยูก็รู้สึกเสียใจกับเขา แต่ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะสามารถทำได้ ในเมื่อความรักของเธอมอบให้คนอื่นไปหมดแล้ว

 

กระทั่งซูหยางเองก็รู้สึกแย่ไปอยู่บ้างกับเลอเป่า แต่อนิจจาใช่ว่าเขาจะสามารถถ่ายโอนความรู้สึกที่ชินเหลียงหยูมีต่อเขาไปให้เลอเป่าได้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ตามจริงแล้วเขาได้ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกันนี้มานับครั้งไม่ถ้วนในอดีต ซึ่งคนรักของคนอื่นได้ไปกับเขาแทนที่จะเป็นพวกเขาเหล่านั้น

 

นี่บางทีอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาจึงมีศัตรูมากมายในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และทำไมจึงมีคนมากมายที่ต้องการให้เขาตายในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจได้ล่วงเกินคนเหล่านั้น

 

อีกชั่วขณะหนึ่งหลังจากนั้น เลอเป่าก็ยืนขึ้นและตรงไปหาซูหยาง

 

“เจ้าคิดจะทำอะไรรึ เลอเป่า” ชินเหลียงหยูพลันกังวลว่าเลอเป่าอาจจะพยายามที่จะทำร้ายซูหยางเนื่องมาจากความอิจฉา

 

แต่อย่างไรก็ตามเลอเป่าก็หยุดอยู่ห่างจากเขาเมื่อถึงระยะประมาณสามเมตรและมองดูเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“แม้ว่าข้าจะปลื้มปิติไปชั่วชีวิตกับการที่ท่านได้ช่วยเหลือชนเผ่าหมูป่าและตัวข้า แต่โดยพื้นฐานแล้วข้าก็มิอาจที่จะนั่งอยู่เฉยและมิทำอะไรเลย ได้โปรดประลองกับข้าถ้าท่านชนะ ข้าจักปล่อยให้ท่านนำตัวหัวหน้าชินไปโดยมิสร้างความยุ่งยากอีกต่อไป แต่ถ้าท่านแพ้ข้าต้องการให้ท่านปล่อยเธอไว้ตามลำพัง”

 

ชนเผ่ามองดูเลอเป่าราวกับว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วด้วยความหึงหวงและกลายเป็นคนบ้า โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะซูหยางซึ่งสามารถเอาชนะหัวหน้าหลงและหัวหน้าชือได้ตามลำพัง

 

และถึงแม้ว่าซูหยางได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ ก็ยังมีโอกาสเป็นศูนย์สำหรับเลอเป่าที่จะเอาชนะเขา แล้วทำไมเขาจึงต้องร้องขอสิ่งที่บุ่มบ่ามเช่นนี้

 

มันชัดเจนเหมือนกับยามกลางวันสำหรับพวกเขาว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก่อนที่การต่อสู้จะได้เริ่มขึ้นเสียอีก

 

แต่ทว่าทุกคนต่างก็พากันประหลาดใจ เมื่อซูหยางปฏิเสธที่จะต่อสู้กับเลอเป่า

 

“ทำไมท่านจึงปฏิเสธ มันชัดเจนอยู่แล้วว่าข้ามิอาจจะเอาชนะท่านได้” เลอเป่าถามเขาด้วยคิ้วที่ขมวดด้วยความสงสัย

 

“เพราะว่าถึงแม้ว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นเช่นไร ผลลัพธ์ก็มิได้เปลี่ยน” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น

 

“ถึงแม้ว่าเจ้าบางทีอาจจะเอาชนะข้าได้และข้าได้ปล่อยเธอไว้ตามลำพัง จริงแล้วนั่นจะเปลี่ยนอะไรบ้างไหม มิว่าข้าจักชนะหรือพ่ายแพ้ เธอก็จักยังคงติดตามข้า และโดยพื้นฐานแล้วข้าก็มิชอบที่จะเสียความพยายามไปกับสิ่งที่ไร้ความหมาย”

 

“ไร้ความหมาย ท่านว่างั้นรึ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับข้า” เลอเป่าคำราม

 

“มีหลายสิ่งในชีวิตที่เจ้ามิอาจจะได้มันมิว่าเจ้าต้องการพวกมันมากเพียงใดก็ตาม และเจ้าต้องยอมรับความจริงนี้”

 

ซูหยางหันตัวกลับและเริ่มเดินจากไป

 

“เหลียงหยู ข้ากำลังจะกลับไปที่ยานบินแล้วตอนนี้ พวกเราจักจากไปในอีกไม่นาน ดังนั้นนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เจ้าจะตัดสินใจว่าจริงแล้วเจ้าต้องการที่จะติดตามข้าไปหรือไม่”

 

“ข้าได้ทิ้งสิ่งของบางอย่างไว้ด้านหลังในกระท่อมสำหรับชนเผ่าหมูป่าเช่นกัน นั่นเป็นคำขอบคุณของข้าสำหรับการต้อนรับเช่นเดียวกับความช่วยเหลือของพวกเจ้าสามสิบสองคน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะชอบมัน”

 

หลังจากที่กล่าวคำพูดเหล่านั้นแล้วซูหยางก็ิเดินออกจากหมู่บ้านอย่างสบายๆและลับหายไปตามเส้นทาง

 

“ข-เขาหมายถึงอะไรกับ “ติดตามเขาไป” รึ” เลอเป่ามองดูชินเหลียงหยูด้วยสีหน้างุนงง และเขาก็ได้มีคำตอบอยู่ในใจแล้วเช่นกัน

 

“ข้าจักจากหมู่บ้านหมูป่าตั้งแต่วันนี้เพื่อติดตามเขาไป นี่เป็นเหตุผลอื่นที่ทำไมข้าจึงมิอาจอยู่กับเจ้า เลอเป่า” ชินเหลียงหยูกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มขออภัย

 

“ข้ามั่นใจว่าเจัาจักหาคนอื่นที่เจ้าเห็นคุณค่ามากกว่าข้า เลอเป่า และข้าจักทิ้งชนเผ่าหมูป่าไว้ในมือเจ้า”

 

“นี่มันกระทันหันเกินไป เจ้าจักกลับมาอีกหรือไม่” เลอเป่าถามเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า

 

ชินเหลียงหยูส่ายหน้าอย่างอ่อนโยน

 

“ข้ามิรู้ ข้าจักไปตามที่เขาพาข้าไปเท่านั้น”

 

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าได้ทำให้กับข้า ข้าจักมิลืมมันเลย ลาก่อน”

 

ชินเหลียงหยูหันกายและวิ่งออกไปด้านนอกหมู่บ้านติดตามก้าวย่างของซูหยางก่อนที่จะมีใครทันได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้ชนเผ่าหมูป่างงงันและพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง

 

หลายชั่วขณะต่อจากนั้น หนึ่งในชนเผ่าก็ตรงเข้าไปหาเลอเป่าและพูดด้วยเสียงเบาว่า “อย่ากังวล หัวหน้าเลอเป่า ท่านมิได้อยู่ตามลำพัง พวกเรารู้ความรู้สึกท่าน”

 

“เจ้าจะรู้อะไร เจ้าแต่งงานมีความสุข อย่ามาทำท่าทางราวกับว่าเจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้า” เลอเป่าคำรามกลับ

 

อย่างไรก็ตามชายคนนั้นเพียงแค่ยิ้มขื่นขมและกล่าวต่อว่า “ข้าต้องรู้สิ เลอเป่า ข้ารู้… เพราะว่าเขาก็ฟันเมียข้าเมื่อวานนี้เช่นกัน”

 

“ม-เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรนะ” เลอเป่ามองดูชายคนนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

และก่อนที่ชายคนนั้นจะทันได้ตอบ ชายอีกคนก็ตรงเข้ามาหาพวกเขาและกล่าวว่า “เขาก็ฟันเมียข้าด้วยเช่นกัน เธอกล่าวว่าเขาต้องการความช่วยเหลือสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บหลังจากการต่อสู้ ดังนั้นข้าจึงอนุญาตให้เธอไปได้ แต่ทว่าข้ามิคาดว่าการช่วยเหลือเขานั้นต้องการให้เมียข้าร่วมรักกับเขา เธอกลับมาหลังจากครึ่งวันให้หลังดูเหมือนกับว่าเธอวิ่งรอบโลกมาโดยมิได้พัก”

 

ชายอีกคนก็ปรากฏตัวและกล่าวว่า “เมียข้าบอกข้าตามความเป็นจริง แต่ข้าก็อนุญาตโดยมิได้คิดมากในเมื่อข้าเห็นว่านั่นเป็นเกียรติสำหรับเมียข้าในการโดนฟันด้วยคนแบบผู้มีพระคุณ บางทีเจ้าควรคิดในแบบนั้นเช่นกัน”

 

คนอื่นๆมองดูเขาพร้อมขมวดคิ้วและตะโกนว่า “เจ้ามันบ้าไปแล้ว แม่งหัว..”

 

PS: ขออนุญาตเซ็นเซอร์ คำด่ามันแรงเกินไป

 

อีกชั่วขณะหนึ่งเลอเป่าก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามในเมื่อหัวหน้าชินจากไปแล้วและเธอก็ได้แต่งตั้งข้าให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก่อนจากไป ถึงแม้ว่าข้ามิต้องการตำแหน่งนี้ แต่ชนเผ่าหมูป่าก็ต้องการผู้นำ เช่นนั้นก็ขอให้พวกเราได้ชัดเจนว่า ข้ามิได้ทำเช่นนี้เพื่อหัวหน้าชินแต่เพื่อพวกเจ้าทุกคน”

 

ในเวลานั้นชินเหลียงหยูก็เพิ่งตามทันซูหยาง

 

“เจ้าได้พูดอำลาแล้วรึ” เขาถามเธอ

 

“อื้อ” ชินเหลียงหยูพยักหน้า และพวกเขาทั้งสองคนก็ค่อยกลับไปยังยานบินที่ซึ่งถังหลินชีและชิวเยว่ได้รอคอยอยู่