“ว่าแต่ เอกเรายังไม่มีที่ปรึกษาเลยนี่” หลี่ว์ซู่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี

 

 

วิชาวิจัยสายพันธุ์ วิทยาลัยลั่วเสินเป็นสาขาที่น่าเป็นห่วง ทุกคนผ่าและศึกษาสัตว์กลายพันธุ์อยู่ในห้องทดลองก็ดีอยู่แล้ว แต่พวกเขาดันต้องตระเวนเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาตัวอย่างแล้วยังต้องเก็บให้วิทยาลัยอื่นอีก

 

 

อันนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่พวกเขาพอเพิ่งจะได้รายงานตัวเข้าเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาก็ดันมีเรื่อง…

 

 

“พี่ซู่” เฉิงชิวเฉี่ยวถามอย่างเป็นห่วง “สาขาเราถูกสาปหรือเปล่า”

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งฝั่งหน้าต่างของรถไฟสีเขียวและพูดใจเย็นๆ ว่า “นายพูดถูก สาขาพวกเราถูกสาป”

 

 

“ใครสาปพวกเรา! ” เฉิงชิวเฉี่ยวตกตะลึงแล้วพูดโพล่งออกไป มีคนมาสาปจริงๆ เหรอแล้วใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้!

 

 

หลี่ว์ซู่มองออกไปนอกหน้าต่าง “เนี่ยถิงสาปพวกเรา … “

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยว “… “

 

 

หลี่ว์ซู่อ่านเว็บไซต์ของมูลนิธิ เพื่อดูความคืบหน้าเรื่องการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ในเมือง แต่เรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจคือถึงเครือข่ายฟ้าดินจะเตรียมการป้องกันไว้พร้อม แต่ก็มีข่าวเหตุการณ์การกลายพันธุ์ออกมาไม่สิ้นสุด

 

 

โดยพื้นฐานแล้วสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ในเมืองจะเป็นหนูและแมลงซึ่งพวกมันไม่ก้าวร้าว พวกมันบางชนิดสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสันติ แม้แต่แมงมุมบ้านที่ไม่ค่อยดุร้ายที่กลายพันธุ์ก็ยังโจมตีมนุษย์

 

 

กระบวนการวิวัฒนาการของสายพันธุ์ทั้งหมดไม่ได้มีมนุษย์เป็นเป้าหมาย หนูก็ไม่ใช่จะโจมตีมนุษย์ แต่พวกมันกัดกินทุกอย่างและสายพันธุ์อื่นๆ ยังกลัวพวกมันด้วย

 

 

บางคนเสนอให้ใช้แมวกลายพันธุ์รับมือพวกหนู แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องยากที่แมวจะจับหนูอีกครั้ง แต่ความสามารถของมันอันตรายมากกว่าหนูเสียอีก

 

 

บางคนกังวลว่าแมวจะกำลังเริ่มทำร้ายมนุษย์ บางคนก็ว่าแมวน่ารัก ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น กระทู้คอมเมนต์ดุเดือดกันยิ่งกว่าเต้าฮวยหวานหรือเค็มซะอีก

 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือมีข่าวหนึ่ง มีหญิงชราคนหนึ่งถูกอีกาโจมตีล้างแค้น ในตอนแรกไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาถึงรู้ว่าอีกาตัวนั้นหลังจากมีสติปัญญาก็อยากดื่มน้ำ มันเห็นขวดน้ำแร่มีน้ำอยู่ก็ไปคาบหินมาใส่ลงไป สุดท้ายพอน้ำล้นออกมามันกำลังจะได้ดื่มน้ำ หญิงชราก็คว่ำขวดน้ำแร่และหินทิ้งแล้วหยิบขวดไป

 

 

ดังนั้นอีกาจึงแค้นฝังใจหญิงชราคนนั้นแล้วเริ่มทำร้ายเธอทุกวัน…

 

 

ความจริงว่าตามเหตุผล หญิงชราคนนั้นก็เป็นฝ่ายผิดก่อน เพราะอีกาต้องเหนื่อยอยู่ครึ่งค่อนวัน หลี่ว์ซู่เคยบอกไว้แล้วว่าวิวัฒนาการของสายพันธุ์ไม่สัมพันธ์กับความถูกผิด เป็นขั้นตอนหนึ่งของแต่ละสายพันธุ์ที่จะแย่งชิงตำแหน่งในโลก

 

 

รถไฟกำลังใกล้ถึงสถานี หลี่ว์ซู่มองเห็นป้าย “ลั่วเสินยินดีต้อนรับ” จากไกลๆ ก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ในที่สุดก็ได้กลับมา

 

 

“หลี่ว์ซู่ ที่บ้านไม่มีอาหารเหลือแล้วนะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาและพูดกับหลี่ว์ซู่ “ซื้ออาหารแล้วค่อยกลับบ้านนะ”

 

 

“ได้” หลี่ว์ซู่พยักหน้า

 

 

ตอนนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ดูแลเรื่องซื้อกับข้าวกับปลา เดิมทีเธออยากอู้แล้วให้เสี่ยวซยงสวี่ไปซื้อแต่มันทำหน้าโกรธบอกว่าตัวมันคือซยงสวี่ ไปจ่ายตลาดไม่ได้ แม่ค้าจะตกใจเอา

 

 

ตอนนี้เฉิงชิวเฉี่ยวอาศัยอยู่ในวิทยาลัยลั่วเสิน แต่พอฉันได้ยินว่าเจ้าอ้วนอาศัยอยู่ข้างบ้านหลี่ว์ซู่ก็อยากขอย้ายไปอยู่ด้วย ส่วนเฉาชิงฉือมีบ้านอยู่ที่ลั่วเสิน

 

 

ตั้งแต่เริ่มยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน หลี่ว์ซู่เคยได้ยินเรื่องของเฉาชิงฉือ ครอบครัวเธอฐานะไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอจึงไม่มีเงินติดค่าขนม ต่อมาเธอได้เงินเดือนจากเครือข่ายฟ้าดิน ที่บ้านถึงดีขึ้น

 

 

พูดได้ว่าเฉาชิงฉือยังไม่จบการศึกษาก็กลายเป็นกระดูกสันหลังของครอบครัว ส่วนเฉินจู่อานและคนอื่นๆ ก็ซื้อขนมเป็นว่าเล่นบนรถไฟมาตลอดทาง ส่วนเฉาชิงฉือไม่เคยซื้อเครื่องดื่มหรือของว่างเลย

 

 

หลี่ว์ซู่คิดสักพักแล้วพูดว่า “ไปกินข้าวที่บ้านฉันกับเสี่ยวอวี๋กันไหม ฉันทำเอง”

 

 

เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวตกลงไป หลี่ว์ซู่คิดว่าคนบุคลิกเย็นชาอย่างเฉาชิงฉือจะปฏิเสธ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ

 

 

หลี่ว์ซู่พาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปซื้อผัก ปลากะพง ไก่ตัวหนึ่ง ซี่โครงกิโลครึ่งแล้วก็ผักอีกมัดใหญ่ๆ ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ไม่ได้ขี้เหนียว ทุกคนกลับจากหุบเขามรณะมาเหนื่อยล้า เขาที่เป็นหัวหน้าทีมก็ต้องเลี้ยงปลอบใจทุกคนซักหน่อย เพราะการไปภูเขาคุนหลุนเป็นการตัดสินใจของเขา

 

 

หลี่ว์ซู่หน้าเงินเป็นเพราะยากจน ไม่มีเงินก็ไม่รู้สึกปลอดภัย…

 

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่ถือว่าเป็นคนรวยแล้วใช่ไหม

 

 

พอถึงเวลาจ่ายเงิน หลี่ว์ซู่ถามเจ้าของร้านขายผักว่า “ราคาเท่าไหร่”

 

 

“สองร้อยสองหยวน” เถ้าแก่บอก

 

 

“เสี่ยวอวี๋ ต่อราคาเขาซิ” หลี่ว์ซู่กระซิบ เขาไม่ค่อยเก่งเรื่องต่อราคา แต่เขารู้ว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เทพด้านนี้

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ พูดกับเถ้าแก่อย่างใจเย็น “เถ้าแก่ปัดเลขกลมๆ ได้ไหม”

 

 

ลุงเถ้าแก่ก็ยิ้มและพูดว่า “โอเคไม่มีปัญหา”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ หยิบยี่สิบสองหยวนส่งให้เถ้าแก่และเตรียมจะพาหลี่ว์ซู่ออกจากร้าน แต่เถ้าแก่คว้าแขนหลี่ว์ซู่ไว้ “น้องชายอย่าเพิ่งไป ฉันขายผักมายี่สิบกว่าปี เพิ่งเคยเจอลูกค้าปัดเลขศูนย์ตรงกลางทิ้ง…”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ต่อราคาอีกครั้งและจบลงที่หนึ่งร้อยยี่สิบหยวน

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ “เสี่ยวอวี๋ วันหลังเธอสอนฉันต่อราคาหน่อยสิ”

 

 

“นายไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ เรียนยังไงก็ไม่เป็นหรอก” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

 

 

[ได้รับแต้มจากหลี่ว์ซู่ +199!]

 

 

ทุกคนกลับถึงบ้านตอนเย็น เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยว ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเอาเกมมาจากไหนแล้วมาเล่นเกมหน้าทีวีรออาหารเสร็จ เฉาชิงฉือนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาหนังสือเรื่องประวัติย่อของเวลา

 

 

หลี่ว์ซู่จำได้รางๆ ว่าเขาเคยสัมผัสพลังการเปลี่ยนกฎธรรมชาติในตัวเฉาชิงฉือ เขาสงสัยมาตลอดว่าพลังอย่างแรกหลังปะทุพลังของเฉาชิงฉือต้องเกี่ยวข้องกับเวลา

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ช่วยหลี่ว์ซู่เลือกและล้างผักในครัว เธอใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วดูน่ารักมาก

 

 

ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวในบ้านมากขึ้น น้ำมันในกระทะค่อยๆ ร้อนขึ้น กระเทียม หัวหอมที่หั่นไว้แล้วก็โยนลงกระทะ เสียงกระทะดังฉ่าๆ ส่วนเฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวที่อยู่ด้านนอกก็กำลังเล่นเกมเสียงดังโหวกเหวกเชียว

 

 

ทุกอย่างสุขสงบ

 

 

หลี่ว์ซู่มีเพื่อนน้อยมากเพราะเขาแทบไม่เคยคิดจะคบใครเลย มีแค่เสี่ยวอวี๋ก็ดีแล้ว

 

 

แต่ตอนนี้ ทุกคนเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม หลี่ว์ซู่คิดว่าประสบการณ์แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

 

 

หลี่ว์ซู่ถือจานอาหารที่ทำเสร็จเดินออกไปข้างนอก แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงดังฟังชัดมาจากข้างนอกที่พูดด้วยภาษาจีนสำเนียงแปร่ง “สวัสดีมีใครอยู่บ้านไหม”

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจกับเสียงนั้น เสียงที่เหมือนอยู่ห่างไปไกลแต่ก็เหมือนอยู่ใกล้เขามาก

 

 

ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงนี้ดูเหมือนจะมาจากชาติก่อน คอรัล