“ไม่ได้!” ในที่สุดหลินหันเยียนก็กรีดร้องออกมา “ซื่อจื่อ ขอให้ท่านเห็นแก่หน้าของข้า ปล่อยเฉี่ยวเยว่ไปสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ ข้ารับรองว่าวันแต่งงานจะไม่นำนางไปด้วยเป็นอันขาด”
นางไม่พูดประโยคนี้ออกมาเสียยังดีกว่า พอพูดประโยคนี้สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็ยิ่งมืดครึ้มลง ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “เอาตัวคุณหนูหลินไปชมการประหาร!”
องครักษ์สองนายรับคำสั่ง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าหลินหันเยียนกล่าวว่า “คุณหนูหลินเชิญขอรับ!”
“ข้าไม่ไป! ข้าไม่ไป!” หลินหันเยียนกรีดร้องพร้อมทั้งกระถดตัวถอยออกไป
เมื่อกี้นี้เหล่าองครักษ์เพียงแค่ชมการประลองฝีมือกันระหว่างเมิ่งเชี่ยนโยวกับหลินหันเยียน กลับโดนหวงฝู่อี้เซวียนลงโทษโดยการคุกเข่าจนถึงเดี๋ยวนี้ พอได้รับบทเรียนจากอดีต มีหรือจะกล้าละเลยอีก เมื่อเห็นหลินหันเยียนไม่ยินยอมจึงคิดที่จะเข้าไปลากตัวนางออกมาเอง
หวงฝู่อวี้เข้ามาขวางหน้าทั้งสองไว้ กางแขนออกเพื่อยับยั้งทั้งสองคน “พวกเจ้าแตะต้องตัวนางไม่ได้”
พูดจบก็หันไปขอร้องหวงฝู่อี้เซวียน “พี่ใหญ่ เยียนเอ๋อร์ไม่เคยเห็นฉากนองเลือดเช่นนี้มาก่อน นางจะตกใจจนสิ้นสติได้นะขอรับ”
“อวี้เอ๋อร์ หากไม่อยากโดนลงโทษก็จงถอยออกไป!” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว
หวงฝู่อวี้ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ขอร้องอย่างสุดชีวิต “พี่ใหญ่ ขอร้องท่านปล่อยเยียนเอ๋อร์ไปเถอะ ต่อไปนางไม่กล้ามาหาเรื่องแม่นางเมิ่งอีกแล้ว”
หวงฝู่อวี้เซวียนขมวดคิ้ว ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ไปดึงตัวคุณชายรองออกมา!”
แล้วก็มีองครักษ์อีกสองนายรับคำสั่ง ลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินมาคิดจะดึงตัวหวงฝู่อวี้ออก
มีหรือที่หวงฝู่อวี้จะยอมถอย จึงลงมือกับองครักษ์ทั้งสอง
องครักษ์ทั้งสองนายเกรงว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บ จึงเอาแต่หลบหลีก ไม่กล้าสู้กลับ ในช่วงระยะเวลาอันสั้นจึงไม่อาจทำอะไรเขาได้เลย
หวงฝู่อี้เซวียนปรายตามององครักษ์ที่ยังคุกเข่าอยู่แวบหนึ่ง
เหล่าองครักษ์ต่างก็เข้าใจความหมาย ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วใช้กำลังเข้ากดดันเขาเอาไว้
องครักษ์สองนายดึงตัวสาวใช้ออก แล้วลากตัวหลินหันเยียนที่กำลังกระถดถอยหลังไม่หยุดไปยังที่ที่จะลงโทษประหารชีวิตเฉี่ยวเยว่
เฉี่ยวเยว่ดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ร้องโวยวายด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูช่วยข้าด้วย!”
หลินหันเยียนตกใจจนร่างกายเป็นอำมพาตไปแล้ว ไหนเลยจะกล้าขอร้องแทนนาง
เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้นอีกครา “กัวเฟย ลากลงมาข้างทาง อย่าให้มีรอยสกปรกเลอะพื้นที่ตรงนี้”
กัวเฟยรับคำสั่ง จากนั้นหิ้วเฉี่ยวเยว่เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงอีกด้าน หลังจากที่โยนนางลงไปแล้วก็ส่งสัญญาณให้องครักษ์สองนายที่ถือไม้พลองลงมือได้
องครักษ์ทั้งสองนายไม่กล้าทำอย่างลวกๆ เงื้อไม้พลองที่อยู่ในมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงมาอย่างแรง
เฉี่ยวเยว่ร้องเสียงอู้อี้ขึ้นด้วยความเจ็บปวด
หลินหันเยียนได้แต่มองทั้งหมดนี้แต่มิอาจทำอะไรได้
ไม่นาน เฉี่ยวเยว่ก็ถูกตีจนผิวหนังหลุดลุ่ยเห็นชิ้นเนื้อและเศษเลือดเศษเนื้ออันน่าสะอิดสะเอียน เสียงร้องที่ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดก็ค่อยๆ เบาลง มือที่ไขว่คว้าหาหลินหันเยียนเพื่อร้องขอให้ช่วยเหลือก็ค่อยๆ ลดต่ำลงอย่างไร้เรี่ยวแรงจนสิ้นใจในที่สุด มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เบิกตาโพลงจ้องมองหลินหันเยียนอยู่
หลินหันเยียนทนมองภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ นางหลับตาลงแล้วล้มกองไปกับพื้น ตกใจจนแทบหยุดหายใจ
“คุณหนู!” สาวใช้อีกคนหนึ่งร่ำไห้ร้องตะโกนขึ้นพร้อมกับคลานเข้าไปหาหลินหันเยียน พยายามเขย่าตัวของนางอย่างสุดความสามารถ
คนที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็ตื่นตระหนกจากการลงมืออย่างโหดเ**้ยมของหวงฝู่อี้เซวียน ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่น้อย
“เยียนเอ๋อร์!” หวงฝู่อวี้ร้องตะโกนขึ้น
องครักษ์ที่ควบคุมเขาไว้ต่างก็คลายมือออก
หวงฝู่อวี้ก้าวยาวๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของหลินหันเยียนที่หมดสติอยู่ พอเห็นสีหน้าอันซีดเผือดของนางก็หันไปพูดกับหวงฝู่อี้เซวียนเสียงทุ้มต่ำด้วยความโมโหและร้อนใจ “พี่ใหญ่ เยียนเอ๋อร์เป็นลมไปแล้ว คราวนี้ท่านพอใจแล้วหรือยัง”
หวงฝู่อี้เซวียนหน้านิ่วคิ้วขมวด ตำหนิเขาว่า “อวี้เอ๋อร์ ระวังวาจาของเจ้าด้วย!”
หวงฝู่อวี้รู้ตัวทันที หลินหันเยียนเป็นว่าที่ชายาของหวงฝู่อี้เซวียน จึงถอยหลังออกมาสองก้าว จากนั้นขอร้องอ้อนวอนว่า “พี่ใหญ่ ท่านรีบให้คนไปตามหมอมาช่วยเยียนเอ๋อร์ด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “นางเพียงแต่ตกใจจนหมดสติไปเท่านั้น ไม่ต้องไปตามหมอ หลับพักผ่อนสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”
คำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยวกระตุ้นให้หวงฝู่อวี้ไร้สติไปจนสิ้น เขาแผดเสียงคำรามออกมาโดยไม่ยั้งคิด “เยี่ยนเอ๋อร์หมดสติไปแล้ว เฉี่ยวเยว่ได้รับโทษตาย คราวนี้เจ้าพอใจแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยักไหล่ “คุณชายรองกล่าวอะไรเช่นนั้น ข้าเปิดร้านบะหมี่มันฝรั่งอยู่ดีๆ แต่เจ้ากลับเป็นคนจงใจพาพวกนางมาหาเรื่องเอง เหตุใดถึงมาโทษว่าเป็นความผิดข้าเสียได้ ข้าเพิ่งจะเปิดกิจการได้ไม่กี่วันก็ต้องมาเจอเข้ากับเรื่องเช่นนี้ ข้าต้องยอมรับความโชคร้ายเองหรือ”
“เจ้า…” หวงฝู่อวี้ถูกย้อนกลับจนพูดไม่ออก
หวงฝู่อี้เซวียวสั่งกัวเฟยว่า “กัวเฟย พาคุณหนูหลินกับสาวใช้ของนางกลับจวนหลิน แล้วบอกกล่าวท่านราชเลขากับฮูหยินด้วยว่า ต่อไปถ้าขืนคุณหนูหลินมาก่อกวนที่ร้านอีก คราวหน้าสิ่งที่ส่งกลับไปจะไม่ใช่คนที่ยังมีลมหายใจอีก”
กัวเฟยรับคำสั่งแล้วชี้มือสั่งให้องครักษ์โยนร่างอันไร้วิญญาณของเฉี่ยวเยว่ขึ้นบนรถม้าของตระกูลหลิน และให้สาวใช้อีกคนประคองตัวหลินหันเยียนที่ตกใจจนเป็นลมขึ้นรถม้า
สาวใช้พยายามพยุงหลินหันเยียนขึ้นรถม้ากลับของตระกูลอย่างทุลักทุเล จนกระทั่งตอนที่เห็นเลือดกับเศษชิ้นเนื้ออันน่าสะอิดสะเอียนจากร่างของเฉี่ยวเยว่ก็ตกใจจนล้มคว่ำไปพร้อมกับหลินหันเยียนที่ตนกำลังประคองอยู่
“คุณ คุณชายรอง” สาวใช้ล้มกองกับพื้น พยายามประคับประคองตัวเองให้ลุกขึ้นหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เป็นผล จึงหันไปขอร้องอ้อนวอนต่อหวงฝู่อวี้
หวงฝู่อวี้กัดฟันพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “เจ้าเข้าไปช่วยที”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับตัว แต่กลับไปโบกมือให้กับแม่นางที่อยู่ด้านหลังทั้งสามคน “พวกเจ้าไปช่วยพาแม่นางหลินขึ้นรถม้าเถอะ”
แม่นางทั้งสามคนก็ตกใจแทบแย่ ฝืนเข้าไปประคองด้วยขาอันสั่นเทา พยุงหลินหันเยียนกับสาวใช้ขึ้นมา
สาวใช้พรั่นพรึงจากศพอันอเนจอนาถของเฉี่ยวเยว่ จึงขอร้องหวงฝู่อวี้ว่า “คุณ คุณชายรองเจ้าคะ เรานั่งรถม้าของท่านได้ไหมเจ้าคะ”
หวงฝู่อวี้พยักหน้า สั่งให้สารถีนำรถมามาไว้ข้างหน้าของพวกนาง
ทุกคนร่วมแรงกันพาหลินหันเยียนที่เป็นลมอยู่ขึ้นรถม้าจนสำเร็จ สาวใช้ก็เดินตามขึ้นไปนั่ง
หวงฝู่อวี้ก็สาวเท้าเดินตรงไปหารถม้าของตนเอง ต้องการจะตามไปจวนหลิน
หวงฝู่อี้เซวียนเรียกให้เขาหยุดเสียงเข้ม “หยุด!”
หวงฝู่อวี้หันกลับมามองหน้าหวงฝู่อี้เซวียน แล้วร้องอ้อนวอนขึ้นว่า “พี่ใหญ่”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้สนใจเขา
หวงฝู่อวี้ไม่กล้าขัดคำสั่ง
กัวเฟยสั่งให้รถม้าของจวนหลินอยู่ข้างหน้า เขากับองครักษ์อีกสองคนตามอยู่ข้างหลังรถม้าของหวงฝู่อวี้ ขี่มุ่งตรงไปยังจวนหลิน
คนที่มุงดูอยู่รอบๆ เมื่อเห็นรถม้าจากไปไกลแล้วต่างก็แยกย้ายกันออกไป จนกระทั่งเดินไปไกลแล้ว จึงกล้าวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบากันขึ้น
เป็นครั้งแรกที่เมิ่งอี้เห็นความดุดันโหดเ**้ยมอีกด้านของหวงฝู่อี้เซวียน เขายืนอึ้งอย่างตกใจไปนานแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวกับเมิ่งอี้ว่า “พี่รองยามบ่ายไม่ต้องเปิดร้านแล้ว ปิดร้านให้ทุกคนไปพักผ่อนช่วงบ่ายเถอะ”
เมิ่งอี้พยักหน้าด้วยอาการเหม่อลอย เดินเข้าไปในห้องราวกับร่างไร้วิญญาณ กำลังจะสั่งงานทุกคนแต่พอเห็นว่าในห้องไม่มีคนแม้แต่คนเดียว จึงนึกขึ้นได้ว่าทุกคนยังอยู่ข้างนอก จึงเดินกลับออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า แล้วเดินเข้าไปในร้านเป็นคนแรก
“อวี้เอ๋อร์ เจ้าก็เข้ามาเถิด” หวงฝู่อี้เซวียนพูดกับหวงฝู่อวี้อย่างอ่อนโยน
มีหรือที่หวงฝู่อวี้จะไม่กล้เชื่อฟัง เขาเดินตามเข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย
แม่นางทั้งสามคนกับองครักษ์เหล่านั้นต่างก็เดินตามเข้าไปทีหลัง
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งแม่นามทั้งสามคนว่า “พวกเจ้าไปปรุงบะหมี่มันฝรั่งมาให้ทุกคนคนละชาม กินเสร็จแล้วพวกเราค่อยกลับจวน”
แม่นางทั้งสามคนตอบรับแล้วเดินไปยังห้องครัว
“ปรุงเพิ่มอีกสี่ชามด้วย” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวตามหลังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าเขากับหวงฝู่อี้ยังไม่ได้กินมื้อเที่ยง จึงไม่ได้คิดอะไร
บะหมี่มันฝรั่งปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหล่าบรรดาองครักษ์ต่างก็ยกขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก่อน
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกไปรับ แล้วบอกให้หวงฝู่อวี้นั่งลงตรงหน้าเขา แล้วถามขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “หิวแล้วใช่ไหม”
หวงฝู่อวี้มีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ ทั้งพยักหน้าทั้งส่ายหน้า
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้สนใจในคำตอบของเขา แล้วเลื่อนชามบะหมี่มันฝรั่งทั้งสี่ชามไว้ตรงหน้าของเขา ยิ้มกริ่มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าหิวแล้วก็กินบะหมี่มันฝรั่งทั้งสี่ชามนี้เถอะ”
หวงฝู่อวี้เงยหน้าขึ้นด้วยอาการตื่นตะลึง ทำตาโตมองหวงฝู่อี้เซวียนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา พูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักว่า “พี่ พี่ใหญ่ ข้า…”
“เจ้าอุตส่าห์เปลืองแรงเพื่อจะได้รู้ที่อยู่ของร้านบะหมี่มันฝรั่งจากข้า ไม่ใช่ว่าจะพาคุณหนูหลินกับสาวใช้ทั้งสองคนของนางมากินบะหมี่มันฝรั่งหรอกหรือ เวลานี้พวกนางมีคนหนึ่งตายไป อีกคนหมดสติ ส่วนอีกคนก็ตกใจจนแทบเสียสติ ไม่มีใครที่ได้กินบะหมี่มันฝรั่งเลย เจ้าก็กินแทนพวกนางให้หมดเถอะ วางใจได้ เงินค่าบะหมี่มันฝรั่งประเดี๋ยวพี่ใหญ่จะจ่ายให้เจ้าเอง” หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มกริ่มอยู่เช่นเดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะส่งเสียงออกมา
หวงฝู่อวี้มองนางอย่างคับแค้นใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวขอโทษขึ้นทันที “ขอโทษ ข้าควบคุมตัวไม่ได้เล็กน้อย เชิญพวกเจ้าต่อเลย เชิญต่อเลย”