“ในตำราได้บันทึกยาสมุนไพรชนิดหนึ่งไว้ นามว่าดอกไม้ปีศาจ เป็นยาสมุนไพรประเภทพืชล้มลุก ตามตำนานกล่าวว่า ในอดีต เกิดการรวบรวมจิตวิญญาณของเทพธิดาไป่ฮวาในโลกมนุษย์ ตอนที่วิญญาณของนางกลับสู่สภาวะฮุ่นตุ้น ต่อมาองค์พระพุทธได้หลอมรวมจนเป็นยาสมุนไพร ทว่าสมุนไพรชนิดนี้หาได้ยากยิ่งนัก สี่สิบเก้าปีจะเติบโตเป็นลำต้นหนึ่งครั้ง หลังเติบโตแล้วยังมีอายุสั้น มีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งคืน เมื่อผ่านหนึ่งคืนไปแล้ว เกสรตัวผู้จะกลายเป็นสีดำม่วง มีเพียงเกสรตัวผู้สีแดงสดที่ยังไม่เปลี่ยนสีเท่านั้นจึงจะสามารถนำไปทำยาได้ หลังจากยาสมุนไพรเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้วก็จะมีพิษ ทั้งยังเป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดในใต้หล้า”
ระยะเวลาแปดสิบเอ็ดปีแห่งการเจริญเติบโตของไข่มุกม่วง ยังยาวนานกว่าระยะเวลาสี่สิบเก้าปีเสียอีก
ในตอนนั้น ไข่มุกม่วงหายากยิ่งนัก ทว่าซูจิ่นซีก็สามารถตามหาจนพบ ดังนั้นซูจิ่นซีจึงรู้สึกว่า เพียงนางตั้งใจ การตามหาดอกไม้ปีศาจก็ไม่ยากเกินความสามารถ
เพียงแต่…
“หมอหลวงอวิ๋น ในตำราทางการแพทย์ของท่านได้บอกหรือไม่ว่า ครั้งสุดท้ายนั้น ดอกไม้ปีศาจปรากฏขึ้นเมื่อใด? และดอกไม้ปีศาจต้นต่อไปจะปรากฏขึ้นเมื่อใด? หากพวกเราต้องรอนานถึงสี่สิบเก้าปี เกรงว่าอู๋จุนจะทนรอไม่ไหว”
ใบหน้าอวิ๋นจิ่นยังคงเผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยน “พระชายาโปรดวางพระทัย ตอนที่กระหม่อมคิดวิธีนี้ กระหม่อมได้ตรวจสอบตั้งแต่แรกแล้ว ดอกไม้ปีศาจต้นสุดท้ายปรากฏขึ้นเมื่อสี่สิบเก้าปีก่อนหน้านี้ นับเวลาแล้ว ดอกไม้ปีศาจต้นต่อไปจะปรากฏในปีนี้พอดีพ่ะย่ะค่ะ”
มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ในโลกด้วยหรือ?
ซูจิ่นซีไม่อยากจะเชื่อ “ท่านตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วหรือ? แน่ใจหรือว่าไม่มีอันใดผิดพลาด? ”
“พระชายาโปรดวางพระทัย กระหม่อมได้ตรวจสอบและยืนยันหลายครั้ง ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี! ทว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล อาณาจักรเทียนเหอกว้างใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าดอกไม้ปีศาจจะปรากฏขึ้นที่ใดบนโลก นอกจากนั้น เมื่อถึงเวลาคงไม่ได้มีเพียงพวกเรา เกรงว่าผู้คนจำนวนมากต้องเข้ามาช่วงชิงเป็นแน่ ดังนั้นการตามหาดอกไม้ปีศาจเพื่อฟื้นฟูจุดตันเถียนให้อู๋จุน คงไม่ใช่เรื่องง่าย”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นปรากฏร่องรอยความทุกข์ใจ
ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “กระหม่อมพอมีเส้นสายอยู่บ้าง มิสู้ส่งคนออกไปตามหาก่อน จากนั้นค่อยหาข้อมูลจากตำรา ในเมื่อตอนนี้พวกเราค้นพบดอกไม้ปีศาจ สมุนไพรที่สามารถฟื้นฟูจุดตันเถียนของเจ้าหุบเขาอู๋ได้ ทั้งยังสามารถยืนยันได้ว่าดอกไม้ปีศาจจะปรากฏขึ้นในปีนี้ กระหม่อมคิดว่าการค้นหาตำแหน่งที่ดอกไม้ปีศาจจะปรากฏ คงไม่ใช่เรื่องยากอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า “คงเป็นวิธีเดียวที่เป็นไปได้ในตอนนี้ หมอหลวงอวิ๋น ข้าไม่มีหนทางตามหายาสมุนไพรนี้ มีเพียงสำนักแพทย์สกุลจงแห่งเดียวที่พอทำได้ เมื่อไม่อาจทำสิ่งใดได้มากไปกว่านี้แล้ว เรื่องนี้คงต้องฝากท่าน หากตามหาดอกไม้ปีศาจพบ นับว่าข้าติดหนี้บุญคุณท่านครั้งหนึ่ง”
ใบหน้าอวิ๋นจิ่นยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน “พระชายากล่าวหนักเกินไปแล้ว พระองค์ลืมไปแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ ตอนอยู่ที่แคว้นจงหนิง พระชายาเคยมาที่จวนของกระหม่อมเพราะเรื่องฮองเฮา ตอนนั้นกระหม่อมเคยพูดไว้ว่าอย่างไร? ”
ซูจิ่นซีหรี่ตาลง พลางทอดสายตาออกไป
นางจะลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร?
คราแรกนางยังเคยสงสัยว่าอวิ๋นจิ่นข้ามมิติมาจากโลกอนาคตเช่นเดียวกับนาง นางจึงพยายามหยั่งเชิงเขา
แม้อวิ๋นจิ่นจะไม่มีท่าทีรำคาญ ทั้งยังแสดงความจริงใจว่าต้องการผูกมิตรกับนาง
เมื่ออวิ๋นจิ่นพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง นางจึงเข้าใจความคิดของเขาได้โดยไม่ต้องอธิบาย
“ไม่ว่ายามนี้พระชายาจะอยู่ที่แคว้นจงหนิงหรืออยู่ที่ใดก็ตาม หรือในอนาคต พระชายาจะอยู่แห่งหนใดในอาณาจักรเทียนเหอ คำพูดที่กระหม่อมเคยกล่าวกับพระชายาก่อนหน้านี้ รวมถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ตลอดชีวิตนี้ กระหม่อมไม่มีวันผิดคำสัญญา เรื่องของพระชายาก็คือเรื่องของกระหม่อม อวิ๋นจิ่น”
แววตาของซูจิ่นซีทอประกายความรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
“ขอบใจมาก! ”
ใบหน้าอวิ๋นจิ่นยังคงมีรอยยิ้มอบอุ่น ซึ่งบดบังความอบอุ่นของสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
“เพิ่มข้าไปอีกคนหนึ่ง! ”
เสียงของจงรุ่ยอันดังมาแต่ไกล
ซูจิ่นซีหันหน้าไปเห็นจงรุ่ยอันพ่อลูกกำลังเดินตรงมาทางพวกเขาทั้งสอง
ทันใดนั้น ในใจของซูจิ่นซีก็รู้สึกสั่นไหว ไม่รู้ว่าพวกเขามาตั้งแต่เมื่อใด ยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว?
คำพูดของนางกับอวิ๋นจิ่นก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ยินมากน้อยเพียงใด?
ตอนนี้นางปลอมเป็นบุรุษ ทั้งยังแสดงเป็นซูอวิ๋นคายอยู่ในแคว้นหนานหลี ทว่าอวิ๋นจิ่นกลับเรียกนางว่าพระชายา หากพวกเขาได้ยิน พวกเขาจะคิดเช่นไร?
อย่างไรก็ตาม จงรุ่ยอันกลับเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออกถึงความผิดปกติใดๆ ยกเว้นความแน่วแน่และความอ่อนโยน
“ท่านหมอซู หมอหลวงอวิ๋น นับรวมข้าและลูกชายที่ไม่ได้ความของข้าไปด้วยอีกคน ไม่ว่าดอกไม้ปีศาจจะหายากเพียงใด พวกเราจะต้องร่วมมือร่วมใจกันหาจนเจอ”
คำพูดของจงรุ่ยอัน ทำให้ความสับสนก่อนหน้านี้ของซูจิ่นซีลดน้อยลง
ไม่ว่าจงรุ่ยอันจะมาถึงเมื่อใด ไม่ว่าเขาจะได้ยินคำพูดระหว่างนางกับอวิ๋นจิ่นไปมากน้อยเพียงไร ทว่าอาศัยความตั้งใจของเขาในตอนนี้ กอปรกับความเชื่อมั่นของมู่หรงฉีที่มีต่อสำนักแพทย์สกุลจง รวมถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดของมารดานางกับสำนักแพทย์สกุลจง แม้พวกเขาจะรู้ความจริง แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ในใจของซูจิ่นซีก็ผ่อนคลายลง
“เช่นนั้น รบกวนทุกท่านแล้ว! ”
หลังจากนั้นไม่กี่วัน อวิ๋นจิ่นและจงรุ่ยอันพ่อลูกก็ยุ่งอยู่กับการสืบหาดอกไม้ปีศาจ พวกเขาล้วนใช้กำลังและความสามารถทั้งหมดที่มี
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ซูจิ่นซีเห็นว่า แม้สำนักแพทย์สกุลจงจะตกต่ำถดถอย ทว่ายังมีด้านที่เปล่งประกาย และมีความพากเพียรไม่ย่อท้อ
แน่นอนว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่อาจปิดบังอู๋จุนและมู่หรงฉีได้
นอกจากมู่หรงฉีกับอู๋จุนแล้ว ยังมีถังเสวี่ยที่พอรู้เรื่องนี้ก็พยายามยืนยันความเป็นไปได้ของตำแหน่งที่ดอกไม้ปีศาจจะปรากฏตัวขึ้น
ตั้งแต่ซูจิ่นซีเดินทางข้ามมิติมายังอาณาจักรเทียนเหอ นางไม่เคยมีช่วงเวลาเช่นนี้มาก่อน ผู้คนรอบตัวที่นางใกล้ชิดและไว้วางใจต่างร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ทุกคนต่างทำงานอย่างหนักเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
ทำให้นางประทับใจยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม บางครั้งซูจิ่นซีก็ยังรู้สึกเหมือนขาดบางสิ่งบางอย่าง
เหมือน… ขาดคนผู้หนึ่งไป!
ใช่แล้ว ขาดเยี่ยโยวเหยา
ทุกครั้งที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น ซูจิ่นซีมักทอดสายตาออกไปทางทะเลตงไห่
วันเวลาผ่านไปในแต่ละวัน วันแล้ววันเล่า ราวกับนางไม่แยแสต่อความเจ็บปวดที่อยู่ในใจตนเอง
ราวกับว่าการมีตัวตนของคนผู้นั้น ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป
ขอเพียงเขามีชีวิตที่ดี มีคืนวันที่สดใสและปลอดภัยก็พอแล้ว
วันนี้ จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งมาที่จวนฉีอ๋อง
ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของอู๋จุน อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีนึกไม่ถึงว่าหลิงเซียวจวิ้นจู่จะมาหานางในตอนนี้ ทั้งยังนำของบำรุงราคาแพง รวมถึงสมุนไพรล้ำค่ามามากมาย
“ท่านหมอซู ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ท่านล้มป่วย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือไม่? ข้าเลือกสิ่งของเหล่านี้จากหอโอสถสกุลจงด้วยตนเอง ไว้ให้ท่านบำรุงร่างกาย”
ซูจิ่นซีมองสิ่งของเหล่านั้นด้วยแววตานิ่งขรึม ก่อนจะหันไปมองใบหน้าไร้เดียงสาและไร้พิษภัยของหลิงเซียวจวิ้นจู่