บทที่ 459: เรื่องในอดีตกับจักรพรรดิสวรรค์ จบตอนที่ 8

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 459: เรื่องในอดีตกับจักรพรรดิสวรรค์ จบตอนที่ 8

 

“นั่นหมายความว่ากระจกนิลกาลเป็นของเจ้าสุนัขจากจักรพรรดิสวรรค์งั้นสิ”

 

ซูหยางย่อยข้อมูลทั้งหมดนี้อย่างใจเย็นหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของถังหลินชี

 

“มิน่าประหลาดใจว่าทำไมมันจึงดูคุ้นเคย ข้าเคยเห็นมันมาก่อน”

 

“สุดท้ายเจ้าก็จำได้ละสิ” ถังหลินชีถามเขา

 

เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “กระจกนิลกาฬจริงแล้วเรียกว่าประตูมิติเงิน และมันเป็นสมบัติระดับเทพที่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายผู้คนไปยังที่แห่งใดที่พวกเขาเคยไปมาก่อน ยกตัวอย่างเช่นถ้าข้าใช้ประตูมิติเงิน ข้าสามารถกลับไปยังทวีปตะวันออกได้ในทันที แต่ข้ามิสามารถที่จะไปยังทวีปตะวันตกได้ในเมื่อข้ามิเคยไปที่นั่น”

 

“เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร” ถังหลินชีเลิกคิ้ว

 

“ข้าเคยอยู่ที่ตำหนักสวรรค์มาก่อน และข้าก็ยังเคยได้เที่ยวชมภายในคลังสมบัติ” ซูหยางกล่าวด้วยท่าทางโหยหา

 

อย่างไรก็ตามถังหลินชีก็ถึงกับตาเบิกกว้างด้วยความตระหนกเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้

 

“เจ้าอะไรนะ นั่นเป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าเจ้าเป็นจักรพรรดิสวรรค์เอง เช่นนั้นมิมีทางที่เจ้าจะวางเท้าเข้าไปในคลังสมบัติได้ แต่ว่าเจ้าเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้อย่างไร”

 

ซูหยางเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “นอกจากจักรพรรดิสวรรค์ ก็ยังมีคนอีกสองคนที่สามารถเข้าไปในคลังสมบัติสวรรค์ได้ตามใจปรารถนา ภรรยาและลูกสาวของเขา”

 

“อย่าบอกข้านะว่าเจ้า…”

 

เขาพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “ลูกสาวของเขาใจดีพอที่จะนำข้าไปเยี่ยมชมภายในนั้น กระทั่งยังอธิบายสมบัติบางอย่างในนั้นด้วย และประตูมิติเงินก็เป็นหนึ่งในสมบัติเหล่านั้นด้วย”

 

“เจ้าคุ้นเคยกับลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์งั้นรึ”

 

ทั้งชิวเยว่และถังหลินชีต่างพากันจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง นี่ยิ่งน่าตระหนกต่อพวกเธอในการที่เขาคุ้นเคยกับลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์ยิ่งกว่าเข้าไปในคลังสมบัติสวรรค์เสียอีก

 

“พวกเราเป็นยิ่งกว่าแค่คุ้นเคย” ซูหยางเผยให้เห็นรอยยิ้มลึกลับ

 

“จ-จ-จริงรึ เจ้ามิได้หมายความว่า…” ถังหลินชีสั่นสะท้านด้วยความตระหนก

 

ในฐานะองค์หญิงของสายเลือดอาชูร่า เธอได้มีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นจีงมีเพียงไม่กี่สิ่งในโลกนี้ที่สามารถสร้างความตระหนกให้กับเธอได้ถึงระดับนี้ แต่ว่าเธอก็ยังรู้สึกเช่นนั้นในเวลานี้

 

“ลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์… ลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์… ล-ลูกสาวของ…จักรพรรดิสวรรค์…” ชิวเยว่ได้แต่พูดซ้ำถ้อยคำสี่คำนี้ไปมาราวกับว่าเธอพยายามที่จะเข้าใจมันแต่ว่าไม่สำเร็จ หรือบางทีอาจะเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากจะเชื่อมัน

 

ไม่เพียงแต่องค์หญิงของสายเลือดเทพอาชูร่า แต่กระทั่งลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์ก็ยังยุ่งเกี่ยวกับซูหยาง ทำไมจึงมีคนมากมายหลายคนที่มีความเป็นมาน่าเหลือเชื่อจึงมีความสัมพันธ์กับเขา และในการเปรียบเทียบกับสถานะของชิวเยว่ซึ่งเป็นองค์หญิงของวังจันทราศักดิ์สิทธิ์ก็ถึงกับไม่มีค่าที่จะพูดถึง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเธออาจจะถือได้ว่าเป็นเพียงแค่คนธรรมดาในดินแดนที่ล้าหลัง

 

ก่อนที่จะพบกับถังหลินชีและรู้เกี่ยวกับเหล่าผู้ที่มีพลังอำนาจและมีความสำคัญทั้งหมดเหล่านี้ ชิวเยว่เชื่อมั่นมาเสมอว่าวังจันทราศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่แข็งแกร่งที่สุดและเธอก็เป็นตัวตนที่พิเศษที่มีสถานะที่ไม่สั่นคลอนในโลกนี้

 

แต่อนิจจากลับกลายเป็นว่าเธอเป็นเพียงแค่กบในกะลา และวังจันทราศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเพียงแค่กลุ่มอำนาจเล็กๆในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้

 

“ข้าได้รับเชิญจากจักรพรรดิสวรรค์ไปเลี้ยงน้ำชาในวันหนึ่ง ในเมื่อเขามีเจตนาให้ข้าทำงานให้กับเขาเพราะว่าข้าเป็นที่มีสายสัมพันธ์นับไม่ถ้วนในโลกนี้ และเขาต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากสายสัมพันธ์ที่ข้าสร้างขึ้นมาตลอดทั่วทั้งชีวิต และก็เป็นวันนั้นเช่นกันที่ข้าได้พบกับเธอ ลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์”

 

“เธอนั้นช่างสวยและบริสุทธิ์จนข้าเกือบตกหลุมรักกับเธอตั้งแต่แรกเห็น สิ่งที่ข้ามิคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งสองในชั่วชีวิตนี้ แต่ทว่าลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์… บางทีอาจจะเป็นเพราะความโดดเดี่ยวเนื่องมาจากวิถีชีวิตที่สันโดษของเธอ จึงทำให้เธอตกหลุมรักข้าเข้าจริงๆตั้งแต่แรกเห็น”

 

“ข้ามิเคยวางแผนที่จะทำงานให้กับจักรพรรดิสวรรค์ แต่เมื่อเธอพูดกับข้าหลังจากนั้น ขอร้องข้าอย่างฉลาดให้ทำงานที่นั่นด้วยสีหน้าที่มิอาจต้านทานได้ ข้าจึงตอบตกลงโดยมิรู้ตัว”

 

“ดังนั้น ข้าจึงเริ่มทำงานให้กับจักรพรรดิสวรรค์เป็นเวลาหลายปี และช่วงเวลานั้นความสัมพันธ์ของข้ากับลูกสาวของจักรพรรดิสวรรค์ก็ยิ่งลึกซึ้ง”

 

“สิ่งหนึ่งนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง และด้วยเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งพวกเราก็จบลงด้วยการข้ามเส้นที่มิควรจะข้าม เมื่อจักรพรรดิสวรรค์รู้เห็นว่าข้าได้ร่วมรักกับลูกสาวสุดที่รักของเขา เขาก็พลันโกรธขึ้นในทันใด”

 

“ถ้ามิใช่เธอซึ่งร้องขอให้เขาไว้ชีวิตข้า ข้าก็คงตายไปแล้วที่นั่นตอนนั้น แต่มิว่าลูกสาวของเขาจะอ้อนวอนมากมายเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็มิอาจที่จะอภัยให้ข้าได้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงโยนข้าเข้าไปในหุบผาบาปนิรันดร์”

 

“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าจึงตกอยู่ในที่แห่งนั้นและจากนั้นก็มาอยู่ในโลกนี้หลังจากนั้น”

 

ซูหยางเปิดเผยให้กับพวกเธอถึงเหตุผลเบื้องหลังการที่เขาถูกคุมขัง สิ่งที่ไม่มีใครในจักรวาลนี้นอกจากจักรพรรดิสวรรค์ ครอบครัวของเขา และชายชราลึกลับซึ่งช่วยเขาให้รอดพ้นที่รู้เรื่องราวเหล่านี้

 

“ไม่น่าเชื่อ เมื่อมาคิดถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าจึงถูกคุมขัง ข้าได้คาดคะเนว่าเป็นอะไรอย่างอื่นมาโดยตลอด แต่เมื่อรู้จักเจ้า นี่จึงสมเหตุผลที่สุด” ถังหลินชีอุทานออกมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง

 

“และก็ตามคาด จักรพรรดิสวรรค์กวาดเรื่องนี้เข้าใต้พรม* เพื่อที่ว่ามันจะมิได้หลุดออกมาสู่สาธารณะ มิว่าอย่างไรมันก็อาจจะเป็นเหตุให้เกิดความโกลาหลขนาดใหญ่” ซูหยางยักไหล่

 

PS: กวาดเข้าใต้พรม(สำนวน) = (ความลับ) ปกปิด ซ่อนเร้น อำพราง

 

“อย่างไรก็ตามนึ่ก็คงพอแล้วสำหรับเรื่องในอดีตของข้ากับจักรพรรดิสวรรค์ ประตูมิติเงิน… มันมิควรจะมีความสามารถในการปรากฏและหายไปโดยมิอาจคาดเดา ดังนั้นข้าจึงได้แต่คาดว่ามันได้รับความเสียหายหลังจากที่เข้าไปสู่รอยแยกมิติที่ถูกบังคับให้เปิดออกพร้อมกับเจ้าของมัน หานซิ่น”

 

“ข้าเข้าใจ… นั่นสมเหตุผลดี…” ถังหลินชีพยักหน้า

 

“อย่างไรก็ตามในเมื่อพวกเรารู้เรื่องเกี่ยวกับประตูมิติเงินแล้วในตอนนี้ จึงมิมีเหตุผลจำเป็นอะไรสำหรับพวกเราที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป พวกเรากลับไปยังทวีปตะวันออกกันเถอะ”

 

ซูหยางพลันพูดกับชิวเยว่ ซึ่งยังคงงงงันสับสนกับเรื่องราวเล็กๆของเขา

 

เวลาผ่านไป เมื่อสุดท้ายเธอได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากนั้นแล้ว เธอก็ควบคุมยานบินให้กลับไปยังทวีปตะวันออก