ตอนที่ 660 หากกล้าขัดขวางก็สังหารทิ้งซะ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 660 หากกล้าขัดขวางก็สังหารทิ้งซะ โดย ProjectZyphon

ไม่เพียงแต่อัครการค้า สำนักศึกษามฤคมรกต อาณาเขตตระกูลหนิง ราชันแห่งทะเลตะวันออกตระกูลเย่ ตุ๊กตาล้มลุกตระกูลกงในนครต้องห้าม รวมถึงขุมอำนาจเล็กใหญ่ต่างๆ นานา วันนี้ล้วนสั่นสะเทือนไม่หยุด

ส่วนภูเขาชำระจิตวันนี้ก็เห็นชัดว่าคึกคักเป็นพิเศษ

ช่วงครึ่งปีก่อนที่หลินสวินจะหวนกลับมา นอกจากอัครการค้า สำนักศึกษามฤคมรกต ตระกูลเย่ ตระกูลหนิง ตระกูลกง ขุมอำนาจบางตาพวกนี้ แทบไม่มีขุมอำนาจใดยินดีเหยียบย่างประตูใหญ่ภูเขาชำระจิตอีก

อย่างไรเสียหลินสวินก็ตายไปแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่าไม้ล้มวานรเตลิด บนภูเขาชำระจิตไม่มีพวกที่จะพอให้ความสำคัญได้อีก จะเกิดเหตุการณ์ที่คนค่อยๆ เมินเฉยไม่ใยดีบ้างก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากสามตระกูลรองของตระกูลหลินซึ่งมีตระกูลจั่วและฉินคอยสนับสนุนเริ่มกดดันภูเขาชำระจิต ภูเขาชำระจิตราวตกอยู่ในสภาพโดดเดี่ยว ศัตรูล้อมทั่วจตุรทิศ สถานการณ์ง่อนแง่น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขุมอำนาจใหญ่อื่นๆ แทบอยากจะดูเรื่องสนุก มีสุขบนทุกข์ของผู้อื่น มีหรือจะมาเชื่อมสัมพันธ์อะไรกับภูเขาชำระจิตอีก

แม้แต่อัครการค้า สำนักศึกษามฤคมรกต ตระกูลหนิง ตระกูลเย่ ขุมอำนาจเหล่านี้ก็ต่างทำได้แค่แอบให้ความช่วยเหลือภูเขาชำระจิต

สาเหตุนั้นง่ายดายมาก ที่พวกเขาให้ความสำคัญมีเพียงหลินสวินคนเดียวเท่านั้น แต่หลินสวินตายไปแล้ว ใครเล่าจะใส่ใจว่าภูเขาชำระจิตจะมีโชคหรือเกิดพิบัติ

นี่ใช่ว่าพวกเขาเห็นแก่ตัว ว่ากันตามจริงภูเขาชำระจิตที่สุดแล้วก็แตกต่างจากขุมอำนาจอื่น เติบใหญ่เข้มแข็งเพราะหลินสวินเพียงคนเดียว และประสบทุกข์ติดพันเพราะหลินสวินเพียงคนเดียว

พูดได้ว่าหลินสวินเปรียบเสมือนจิตวิญญาณแห่งภูเขาชำระจิต สภาพร้ายดีของเขาเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของภูเขาชำระจิตโดยตรง!

ความเป็นจริงก็โหดร้ายเช่นนี้ หากคิดว่าสามารถพึ่งพิงความช่วยเหลือจากขุมอำนาจอื่น นั่นก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

ทว่าภูเขาชำระจิตวันนี้วาดกวาดความซึมเซาและโดดเดี่ยวในครึ่งปีออกไปหมด ปรากฏความครึกครื้นหาใดเปรียบ

ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ทยอยมีขุมอำนาจบางส่วนส่งตัวแทนมาเยี่ยมเยียน

บ้างเป็นหุ้นส่วนทางการค้าของตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตก่อนหน้านี้ บ้างเป็นผู้มาสืบเสาะยืนยันข่าวคราวของหลินสวิน

กระทั่งขุมอำนาจมากมายจำนวนหนึ่งซึ่งครึ่งปีมานี้แอบโลภโมโทสันต่อตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต ปรารถนากัดกร่อนทรัพย์สมบัติตระกูลหลิน บัดนี้ต่างตื่นตระหนกและจิตใจไม่อาจสงบ หอบหิ้วของกำนัลราคาแพงนานัปการมาขอขมาและขออภัย เกรงแต่เมื่อหลินสวินยกดาบเพชฌฆาตขึ้นอีกครา ปลายดาบจะหันจ่อมาทางพวกเขา

แต่ทว่าตระกูลหลินเวลานี้ ไหนเลยจะใส่ใจพวกเขา

หลินจงออกคำสั่งตรงไปตรงมา ช่วงเวลานี้ตระกูลหลินมีเรื่องภายในต้องจัดการ ปฏิเสธไม่พบแขก ปิดประตูปฏิเสธตัวแทนแต่ละขุมอำนาจด้วยท่าทีเย็นชา

ยิ่งภูเขาชำระจิตเป็นแบบนี้ กลับยิ่งทำให้ขุมอำนาจอื่นมั่นใจในความคิด

“หลินสวินต้องกลับมาแล้วแน่นอน ถ้าไม่อย่างนั้นตระกูลหลินมีหรือจะแข็งกร้าวเช่นนี้”

ขุมอำนาจบางส่วนซึ่งครึ่งปีมานี้เคยล่วงเกินภูเขาชำระจิตหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม

แต่บรรดาขุมอำนาจซึ่งหาใช่ศัตรูกับภูเขาชำระจิตต่างแอบยินดี ยังดีที่ครึ่งปีมานี้พวกเขาหาได้ทำสิ่งที่เกินพอดี ไม่เช่นนั้นล่ะก็วันนี้คงลำบากแล้ว

“ไม่รู้ว่าตระกูลจั่วและตระกูลฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”

นี่คือสิ่งที่ขุมอำนาจมากมายต่างให้ความสนใจยิ่ง

ถึงอย่างไรพวกเขาต่างรู้ชัด ว่าระหว่างตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งสองและภูเขาชำระจิตมีความแค้นมิอาจคลายต่อกันเนิ่นนานก่อนหน้านี้

ช่วงที่เกิดเหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบปีก่อน ตระกูลจั่วและฉินแอบแบ่งสรรปันส่วนทรัพย์สินตระกูลหลินไปไม่น้อย

แม้เป็นยามปัจจุบัน ท่าทีของตระกูลจั่วและฉินก็ชัดเจนมาตลอด ว่าสนับสนุนให้ตระกูลรองของตระกูลหลินไปแย่งชิงอำนาจปกครองภูเขาชำระจิต

นี่เป็นการไล่พยัคฆ์กลืนหมาป่าโดยมิต้องสงสัย หมายกลืนกินภูเขาชำระจิตอย่างสมบูรณ์

แต่เห็นชัดว่านับจากหลินสวินหวนกลับเมื่อวาน ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป การเข่นฆ่านองเลือดของหลินสวิน ทำให้ตระกูลรองสวามิภักดิ์อย่างสิ้นเชิง ถูกรวบเข้าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลจั่วและฉินจะทำเช่นไรอีก

นี่คือประเด็นหลักที่ขุมอำนาจทั้งมวลต่างติดตาม

ภูเขาชำระจิต ในตำหนักชำระจิต

หลินสวินนั่งอยู่บนที่นั่งประธาน สีหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์

เขาไม่ได้นอนทั้งคืน คอยจัดการเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสามตระกูลรองมาตลอด

“นายน้อย อิทธิพลของสามตระกูลรองธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ ล้วนถูกกำลังของพวกเรารับช่วงต่อในเบื้องต้นแล้ว เพียงแต่หากคิดผนวกรวมและย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ยังต้องการเวลาอีกพักหนึ่ง”

“นอกจากนี้ กิจการส่วนหนึ่งที่สามตระกูลรองควบคุมดูแลยังอยู่ระหว่างการทำบันทึก พวกเรากำลังคนไม่พอ ได้แต่รับช่วงดูแลทีละก้าว”

“กระทั่งถึงตอนนี้ การดำเนินงานของพวกเรายังไม่พบอุปสรรคใด เห็นชัดว่าหลังผ่านเหตุการณ์ในคืนก่อน สามตระกูลนี้ไม่มีการขัดขืนใดๆ ส่วนเรื่องที่ว่ายังมีใจคิดคดทรยศอยู่หรือไม่ ยังต้องตรวจสอบเข้าไปอีกขั้น”

หลินจงยืนอยู่ข้างๆ ทยอยสรุปข่าวสารที่ได้รับในมือ จากนั้นจึงบอกกล่าวแก่หลินสวิน

หว่างคิ้วเขาเผยความปิติยินดียากปกปิด แต่สายตาที่มองยังหลินสวินซึ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งประธานกลับเจือความยำเกรงวูบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

หลินสวินก่อนหน้านี้ถูกเขามองเป็นคนรุ่นหลังที่ต้องดูแลและประคับประคองมาตลอด

บัดนี้ล้วนต่างออกไปโดยสิ้นเชิง พลังและอานุภาพซึ่งหลินสวินมีทั้งมวลปรากฏให้เห็นในการเข่นฆ่าสังหารเมื่อคืนอย่างถึงแก่น

แม้แต่หลินจงเมื่อทราบว่าหลินซีซียังถูกหลินสวินเอาชนะ ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังสั่นสะท้านความคิดจิตใจก็แปรเปลี่ยนไป

เขารับรู้ว่านายน้อยได้กลายเป็นมหายุทธ์ที่สามารถแบกรับทุกสิ่งอย่างแท้จริงคนหนึ่งแล้ว สติปัญญาและวิธีการของเขา เทียบกับนายท่านในปีนั้นยังน่าตกตะลึงและโดดเด่นยิ่งกว่า

หลังจากนี้เป็นต้นไป นายน้อยก็คือผู้นำตระกูลหลินที่แท้จริง! เป็นบุคคลที่สามารถเทียบเคียงกับคนใหญ่คนโตใดก็ตามในนครต้องห้าม!

“เรื่องพวกนี้ต้องรบกวนลุงจงชั่วคราวแล้ว ข้ามีเพียงเงื่อนไขเดียว สำหรับคนบางส่วนซึ่งทรยศตระกูลในปีนั้น อย่าได้ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว! ไม่ว่าผู้ทรยศเป็นใคร และไม่ว่าใครวอนขอความเมตตา เรื่องนี้ไม่อาจให้เจรจาต่อรอง”

นัยน์ตาหลินสวินล้ำลึก นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างง่ายๆ แต่กลับแฝงความน่าเกรงขามไร้รูปร่างสายหนึ่ง

หลินจงผงะในใจก่อนพยักหน้ารับ จากนั้นเอ่ยว่า “นายน้อย เกี่ยวกับหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้สามคนนี้ ท่านคิดจะจัดการเช่นไร”

สามคนนี้คือหัวหน้าของสามตระกูลรอง และเป็นผู้ทรยศตัวฉกาจที่สุด สิบกว่าปีก่อนเคยสมคบคิดกับตระกูลจั่วและฉิน แบ่งสรรปันส่วนทรัพย์สินตระกูลหลินด้วยกัน

“ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ คุมขังอยู่ในศาลบรรพชนตระกูลหลินให้ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน กักบริเวณอยู่ที่นั่นชั่วชีวิตเพื่อไถ่บาปการทรยศของตนเอง”

หลินสวินกล่าวนิ่งสงบ “ข้าอยากให้ทุกคนในตระกูลจดจำขึ้นใจทุกเวลา ว่าสามคนนี้ได้รับโทษจากการทรยศ เป็นคนบาปแห่งตระกูลหลิน พวกเขานำความอัปยศอดสูและอันตรายมาให้แก่ตระกูลหลิน จำเป็นต้องสำนึกผิดตลอดชีวิต คิดอยากตายก็ไม่ได้!”

หลินจงใจไหวสะท้าน ตระหนักรู้ว่าบทลงโทษเช่นนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสังหารพวกเขาเสียอีก!

“แน่นอน ต้องปฏิบัติต่อเหล่าผู้ไร้ความผิดของสามตระกูลนั้นทุกคนอย่างเสมอภาค มอบสิ่งตอบแทนแก่พวกเขาเช่นเดียวกับตระกูลหลินแห่งแสงอุดร หากมีผู้ประพฤติตนโดดเด่นยิ่งต้องตบรางวัล”

หลินสวินกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ข้าไม่หวังจะเห็นตระกูลหลินวุ่นวายเรื่องภายในไม่หยุดอีก ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไร จะต้องให้พวกเขาบิดเกลียวเป็นเชือกเส้นเดียว และไม่ต่างคนต่างปกครอง ต่างฝ่ายต่างบ่อนทำลายและต่อสู้กันภายในเหมือนก่อนหน้านี้”

หลินจงผงกศีรษะด้วยความเคารพ “ก่อนที่ท่านพญาแร้งจะปิดด่าน ได้กำหนดแผนการและโครงร่างไว้มากมาย เชื่อว่าเพียงพอจะแก้ไขปัญหาภายในตระกูลหลินเราโดยสมบูรณ์ หนึ่งโรจน์ล้วนโรจน์ หนึ่งร่วงล้วนร่วง ไม่แบ่งแยกจากกันอีก จากนี้จะไม่ปรากฏเค้าลางแตกแยกกระเส็นกระสายอีกต่อไป”

มุมปากหลินสวินปรากฏแววชื่นชมวูบหนึ่ง สติปัญญาและกลยุทธ์ของพญาแร้ง ทำให้เขารู้สึกเคารพนับถือและตกตะลึงมาจนถึงบัดนี้

ในเมื่ออีกฝ่ายเตรียมการไว้หมดแล้ว เช่นนั้นหลินสวินก็วางใจได้อย่างสมบูรณ์

“จริงสิ อย่าลืมพวกชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้น”

หลินสวินพลันกล่าว “หลังจากนี้หากพวกเราตระกูลหลินต้องการผงาดขึ้นมา จำเป็นต้องดึงตัวผู้มีความสามารถและเพิ่มกำลังให้มากยิ่งขึ้น และชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้นจึงจะเป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้ที่สุดของพวกเรา ไม่อาจปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอยุติธรรมโดยเด็ดขาด”

หลินจงยิ้มกล่าว “นายน้อยโปรดวางใจ นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”

เวลานี้จู่ๆ หลินไหวหย่วนก็รีบเร่งเข้ามา นำข่าวใหม่ล่าสุดส่วนหนึ่งกลับมาด้วย

หลินไหวหย่วนทุกวันนี้ประหนึ่งฟื้นคืนจากความเจ็บปวดของการสูญเสียน้องชาย หว่างคิ้วเจือความปิติยินดีที่ไม่อาจปกปิด

ไม่แปลกที่เขาจะดีอกดีใจ หลินสวินเพิ่งจะกลับมาวันเดียว สถานการณ์บนภูเขาชำระจิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน

บรรดาขุมอำนาจใหญ่ในเมืองทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ขุมอำนาจบางส่วนซึ่งเคยทำให้ภูเขาชำระจิตลำบากใจในช่วงก่อนหน้านี้ ต่างตระหนกจนกระวีกระวาดมาขออภัยและขอขมา

กระทั่งถึงตอนนี้ นอกประตูใหญ่ภูเขาชำระจิตยังมีตัวแทนที่ขุมอำนาจใหญ่ส่งมาเยี่ยมเยียนต่อเนื่องไม่ขาดสาย

เปรียบเทียบกับแต่ก่อนซึ่งเงียบเหงาไร้ผู้คน ซบเซาอ้างว้าง ภูเขาชำระจิตในทุกวันนี้แทบราวกับกวาดเคราะห์ร้าย ส่องประกายใหม่อีกครั้ง

นี่ทำให้หลินไหวหย่วนไม่อาจไม่ปิติยินดี ภูเขาชำระจิตยิ่งทรงพลังเฟื่องฟู ฐานะของเขาก็จะลอยสูงตามไปด้วย ต่อไปในนครต้องห้ามนี้ สามารถเสพสุขกับความเคารพและการดูแลเป็นพิเศษได้

ความรู้สึกเช่นนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าการถูกบีบให้ก้มหัว ถูกบีบให้สละอำนาจจากภูเขาชำระจิตมากนัก

เพียงแต่…

เมื่อสายตามองไปยังหลินสวินซึ่งอยู่บนที่นั่งประธาน หลินไหวหย่วนผงะในใจชั่วขณะ เกิดความยำเกรงเหลือจะเอ่ยอย่างหนึ่ง

การเข่นฆ่าสามตระกูลรองที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้หลินไหวหย่วนเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง

เมื่อทราบว่าชนชั้นแนวหน้าของสามตระกูลรองนั้นเกือบถูกสังหารหมู่จนเกลี้ยง แม้แต่หลินซีซียังถูกหลินสวินกำราบ หลินไหวหย่วนก็ตกใจจนแทบร่วงลงไปกองกับพื้น

เปรียบเทียบกันแล้ว พวกเขาตระกูลหลินแห่งแสงอุดรกลับได้รับการโจมตีน้อยกว่ามาก

ที่ทำให้หลินไหวหย่วนดีใจที่สุดคือ ยังดีที่ตอนต้นเขาคุกเข่าต่อหน้าหลินสวินร้องขอการให้อภัยโดยไม่ลังเล ทั้งยังใช้การกระทำมายืนยันความแน่วแน่ จึงป้องกันการเสียเลือดเนื้อโดยไม่จำเป็นได้บางส่วน

เพียงแต่หลังผ่านเหตุการณ์นี้ หลินไหวหย่วนไม่กล้าปฏิบัติต่อหลินสวินเหมือนก่อนหน้าอีก ถึงขั้นเมื่อเผชิญหน้าหลินสวินยังมีความเคารพยำเกรงเฉกเช่นขุนนางเข้าเฝ้าจักรพรรดิ ในใจไม่กล้าคิดทรยศอีกแม้เพียงเสี้ยว

นี่ก็คืออานุภาพที่แผ่ออกมา

บางทีตามลำดับอาวุโส หลินสวินยังคงเป็นแค่ผู้น้อย แต่บัดนี้เขาได้ครอบครองภูเขาชำระจิต นั่งบนตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิน เช่นนั้นเขาก็คือนายเหนือหัวแห่งตระกูลหลิน! ไม่ว่าลำดับอาวุโสเจ้าจะสูงกว่าอีกเท่าไหร่ก็ต้องแสดงออกถึงความสวามิภักดิ์!

รายงานข่าวสารอย่างเคารพนบนอบเสร็จ หลินสวินไม่เอ่ยวาจาแค่พยักหน้าเบาๆ นี่ทำให้หลินไหวหย่วนทอดถอนใจยิ่งกว่าเดิม อานุภาพหลานชายคนนี้ของตนนับวันยิ่งอุดมขึ้นเรื่อยๆ!

“จริงสิ ยังมีอีกเรื่องต้องรบกวนผู้นำตระกูลชี้แนะ”

ทันใดนั้นหลินไหวหย่วนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ กล่าวว่า “ในทรัพย์สินที่สามตระกูลรองเราควบคุมดูแล มีส่วนหนึ่งถูกตระกูลจั่วและฉินยึดครองนานแล้ว ไม่ทราบว่าผู้นำตระกูลคิดอ่านประการใด”

หลินสวินหลุบตาลง “ตั้งแต่เมื่อคืนถึงตอนนี้ ตระกูลจั่วและฉินมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรบ้าง”

หลินไหวหย่วนและหลินจงซึ่งอยู่ข้างๆ ส่ายศีรษะโดยพร้อมเพรียง สองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงนี้ไม่รู้ว่ามั่นใจเกินไปหรือไม่หวาดกลัวสิ่งกันแน่ กระทั่งถึงตอนนี้ต่างไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ดูแล้วน่าแปลกยิ่งนัก

หลินสวินได้ยินดังนั้นพลันหัวเราะแผ่วเบา นัยน์ตาดำขลับเย็นชาและนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม “ดูท่าพวกเขาคิดจะคอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ น่าเสียดาย ข้าหลินสวินครานี้ไม่มีทางอดกลั้นยอมถอยอีกต่อไปแล้ว!”

“ลุงจง ท่านไปแจ้งจูเหล่าซาน นำคนไปชิงทรัพย์สินพวกนั้นซึ่งถูกสองตระกูลนี่ยึดครองคืนกลับมา หากพวกเขากล้าขัดขวาง ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น ให้ฆ่าได้ทันที!”

คำบัญชาหนึ่งหลุดออกจากปาก กลับเต็มไปด้วยไอสังหารข่มขู่ผู้คน

หลินไหวหย่วนและหลินจงใจสั่นสะท้าน นี่เท่ากับไม่ไว้หน้าตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินโดยตรงน่ะสิ!

………………