“โอกาสเหรอคะ?” เมื่อได้ยินประโยคนี้มายมิ้นท์ก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “คุณหมายความว่ายังไง……”
“คุณอยากจะให้ส้มเปรี้ยวติดคุกไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เป็นโอกาสแล้วผู้ชายคนนั้นเป็นพยานได้ ผมให้คนไปจับตัวมาแล้ว เขาจะอธิบายให้ปากคำยอมรับเกี่ยวกับการกระทำของส้มเปรี้ยว เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถส่งส้มเปรี้ยวเข้าไปในคุกได้” เปปเปอร์กล่าวอย่างเคร่งขรึม
ในตอนแรกเขาสั่งให้เหมันตร์จัดการทำให้ส้มเปรี้ยวผิดกฎหมายให้ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะสามารถส่งเธอให้เข้าไปในคุกได้ง่ายๆ
แต่หลายวันมานี้ส้มเปรี้ยวอยู่ในโรงพยาบาล หลังจากออกโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ไปไหนเลย ดังนั้นเหมันตร์จึงหาโอกาสจัดการส้มเปรี้ยวไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองส้มเปรี้ยวจึงยังอยู่สบายดี
แต่ตอนนี้การที่ส้มเปรี้ยวทำผิดกฎหมายมีหลักฐานพยานพร้อม เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร
มายมิ้นท์ดวงตาเป็นประกาย
นั่นสินะ นี่เป็นโอกาสดีไม่ใช่หรือไง
ส้มเปรี้ยวยังคงอยู่ในช่วงคุมประพฤติ ดังนั้นตอนนี้เธอจะทำผิดกฎหมายอีกไม่ได้ ถ้าจะทำผิดกฎหมายอีกละก็จะส่งตัวเข้าคุกจริงๆ
ด้วยเหตุนี้เอง ต่อให้ตอนที่ส้มเปรี้ยวคุมประพฤติอยู่นั้นเธอไม่ได้ทำผิด แต่ก่อนที่จะถูกคุมประพฤติเข้าเธอเคยทำผิดและมีหลักฐานพร้อมครบก็ถือว่าใช้ได้เช่นกัน
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นอย่างตื่นเต้น “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณประธานเปปเปอร์มากนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ สิ่งที่ผมทำเหล่านี้ก็ไม่ใช่เพื่อคุณ ที่จริงก็เพื่อตัวผมเองด้วย ผมกำลังพยายามชดใช้ความผิดพลาดในอดีต” เปปเปอร์ก้มหน้าแล้วตอบ
รอยยิ้มของมายมิ้นท์ดูจางลง “ประธานเปปเปอร์คะ……”
“เอาล่ะครับมายมิ้นท์ พอดีผมยังมีธุระแค่นี้ก่อนนะ รอให้ผู้ชายคนนั้นเดินทางมาถึงเมืองเดอะซีแล้วผมจะติดต่อคุณไป ลาก่อน” เปปเปอร์รีบวางโทรศัพท์ลง เขารู้ดีว่าเธอกำลังจะบอกกับเขาว่าไม่ต้องการจะชดใช้อะไรแบบนี้
ซึ่งประโยคเหล่านี้เขาไม่อยากฟัง
มายมิ้นท์เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของตนเองเด้งกลับไปที่หน้าจอหลักแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เปปเปอร์ประกาศต่อสาธารณชนว่าเขารักเธอ แล้ววางสายเธอก่อน
เขากำลังปิดบังอะไรอยู่
ในโรงพยาบาล ณ ห้องผู้ป่วย
ผู้ช่วยเหมันตร์ รับโทรศัพท์มือถือจากเปปเปอร์ไปวางไว้ที่หัวเตียง “ประธานเปปเปอร์ครับเป็นอะไรไป?”
ทำไมถึงวางสายอย่างรีบร้อนแบบนั้น?
ถ้าไม่รู้คิดว่าถูกพี่เข้าเสียอีก
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไร”
“ครับ ถ้ายังงั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับไปที่บริษัทก่อน” ผู้ช่วยเหมันตร์กล่าวลา
เปปเปอร์ตอบว่า “อืมไปเถอะครับ”
ผู้ช่วยเหมันตร์หันหลังเดินจากไป
ในตอนกลางคืน ทามทอยกลับจากเมืองน้ำรุ้งมาถึงเมืองเดอะซี
เมื่อตอนกลางวัน เขารู้เรื่องที่เปปเปอร์นอนโรงพยาบาลจากผู้ช่วยเหมันตร์ ดังนั้นเมื่อลงจากเครื่องบินแล้วก็ได้ไปยังโรงพยาบาลทันที
เมื่อเห็นว่าเปปเปอร์นอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน ทามทอยก็เอามือกุมท้องแล้วหัวเราะออกมาอย่างไร้หัวใจ “เปปเปอร์ สภาพของคุณตอนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฮ่าๆ! ตลกสิ้นดี”
“หุบปาก!” เปปเปอร์กุมขมับของเขาแล้วตะโกนออกมา
ทามทอยกระแอมออกมาสองสามครั้งก่อนจะพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เขาโบกไม้โบกมือพูดว่า “เอาเถอะครับผมไม่หัวเราะก็ได้ ว่าแต่อาการบาดเจ็บเหล่านี้ ได้มาจากไหนกันล่ะ?”
ที่จริงเมื่อตอนกลางวันเขาได้ถามผู้ช่วยเหมันตร์แล้ว แต่ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้ตอบ พยายามกลบเกลื่อนไม่บอกความจริงว่าเปปเปอร์เป็นอะไร”
ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงรู้สึกประหลาดใจมาก เปปเปอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “มันเป็นอุบัติเหตุ เอาเถอะ มาพูดเรื่องจริงจังกันดีกว่า”
เมื่อฟังออกว่าเขาไม่อยากจะพูดออกมาเท่าไรนัก ทามทอยก็เบ้ฝีปากแล้วตอบว่า “ตั้งใจจะปิดบังผมใช่ไหม เอาเถอะ ในเมื่อคุณไม่อยากบอก ผมเองก็ไม่ได้อยากจะรู้นักหรอก ว่าแต่คุณมาจับคนของผมทำไม?”
“คนของคุณวางยามายมิ้นท์ คุณว่าทำไมผมต้องจับตัวเขาล่ะ” เปปเปอร์หรี่ตามองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น
ทามทอยตกตะลึง “อะไรนะ วางยามายมิ้นท์ เป็นไปไม่ได้!”
ช่วงนี้มายมิ้นท์ไม่ได้เดินทางไปที่คลับเฮาส์ของเขาเลย
แล้วพนักงานของเขาจะไปวางยามายมิ้นท์ได้ยังไง
“ไม่ใช่ตอนนี้ แต่เป็นเมื่อสามเดือนก่อน วันที่ผมกับมายมิ้นท์เกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้น พนักงานของคนถูกซื้อโดยส้มเปรี้ยวให้วางยาในเหล้าของมายมิ้นท์” เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดด้วยความโกรธ
ทามทอยตกตะลึงมาก เขาใช้เวลาอยู่ชั่วครู่กว่าจะระงับอารมณ์ตกใจนั้นเอาไว้ แล้วพูดด้วยใบหน้าอันมืดมนว่า “เรื่องนี้ผมไม่รู้เลย”
“ผมรู้ว่าคุณคงไม่รู้ ถ้าหากว่าผมไม่ไปตรวจสอบดูอีกทีก็คงไม่รู้เหมือนกัน อีกอย่าง ส้มเปรี้ยวได้จัดให้ชายหนุ่มคนหนึ่งมาจัดการกับมายมิ้นท์ กล้องวงจรปิดในคืนนั้นจับเอาไว้ได้ ผู้ช่วยเหมันตร์เดินทางไปตรวจสอบที่คลับเฮาส์ของคุณด้วยตนเองและคัดลอกกลับมา คุณลองดูนี่สิ” เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงออกมากดเปิดดู แล้วยื่นไปให้ทามทอย
ทามทอยรีบรับโทรศัพท์มือถือมาแล้วดูคลิปวิดีโอนั้น
คลิปวิดีโอที่ว่าเป็นคลิปที่เปปเปอร์ส่งไปให้มายมิ้นท์นั่นเอง
ผ่านไปไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เมื่อทามทอยดูคลิปวิดีโอเสร็จ เขาก็กำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่เนิ่นนาน
สายตาของเปปเปอร์จ้องไปที่เขาอย่างเยือกเย็น “หลังจากเกิดเรื่องขึ้นในวันที่สอง ตอนที่ผมสั่งให้คุณจัดการกับกล้องวงจรปิด ทำไมคุณถึงไม่เห็นผู้ชายคนนี้?”
ทามทอยรีบตอบอย่างรู้ทันว่า “ต้องขอโทษด้วยตอนนั้นที่คุณสั่งให้ผมไปจัดการกับกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันไม่ให้มายมิ้นท์มาตรวจสอบทันทีหลัง ผมจึงได้สั่งให้คนในห้องวงจรปิดจัดการจัดเก็บคลิปวิดีโอในคืนนั้นเอาไว้ ส่วนตัวผมเองไม่ได้ไปตรวจสอบเนื้อหา จึงไม่รู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้”
ในตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกสนใจมายมิ้นท์ จึงไม่ได้ไปดูกล้องวงจรปิดเหล่านี้
วันต่อมาหลังจากเกิดเหตุเมื่อมายมิ้นท์ตื่นขึ้น เธอก็เดินทางไปหาเขาจริง และขอให้เขาไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่เขาก็ไม่ได้ดูอย่างละเอียดอีก ตอบเธอเพียงว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
ซึ่งในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของทามทอย ระหว่างคิ้วของเปปเปอร์ก็ขมวดเข้าหากันจนเป็นรอยเหี่ยวย่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเป็นที่สุด
ทามทอยเองก็พอจะมองออกว่าสีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก “เปปเปอร์ดูเหมือนคุณกำลังจะโทษผมอยู่นะ โทษว่าทำไมตอนนั้นผมถึงไม่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด”
เปปเปอร์หรี่ตาลงไม่ปฏิเสธ
ทามทอยหัวเราะออกมาด้วยความโมโห “นี่เปปเปอร์ คุณมีเหตุผลหน่อยได้ไหม ต่อให้ตอนนั้นผมตรวจดูกล้องวงจรปิด และคุณก็ตรวจสอบแล้วว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่หลังจากตรวจสอบออกมาแล้วยังไงล่ะ ยังไงคุณก็ไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้มายมิ้นท์ได้หรอก!”
เปปเปอร์หน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้
ทามทอยหัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “ตอนนั้นในใจของคุณมีแต่ส้มเปรี้ยว ต่อให้คุณตรวจสอบออกมาพบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่ส้มเปรี้ยวจัดฉากเอาไว้ แต่จากความรู้สึกที่คุณมีต่อส้มเปรี้ยว เกรงว่าจะปกป้องช่วยเธอปกปิด แล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นตอนนี้คุณมาโทษผมมีประโยชน์อะไร”
“……” เปปเปอร์หรี่ตาลงมองไม่ได้พูดอะไรอีก
เนื่องจากว่าประโยคนี้ของทามทอยพูดได้ตรงประเด็นเหลือเกิน
ในตอนนั้น เขายังเหมือนถูกสะกดจิตและทำตามที่ส้มเปรี้ยวต้องการทุกอย่าง ต่อให้เขารู้ว่าส้มเปรี้ยวให้ผู้ชายคนนั้นไปรังแกมายมิ้นท์ เขาก็คงจะมองเป็นเรื่องเล็ก
ดังนั้นเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปถือโทษทามทอยได้เลย
เมื่อเห็นว่าเปปเปอร์นิ่งเงียบไป ทามทอยก็ถอนหายใจออกมา “เฮ้อช่างเถอะครับ ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ มันผ่านไปแล้ว ควรจะคิดว่าจัดการอย่างไรดีกว่า ทำอย่างไรที่จะชดเชยเรื่องนี้ เอาเป็นว่าบริกรคนนั้นผมจะยกให้คุณจัดการแล้วกัน”
จากนิสัยและความรู้สึกของเปปเปอร์ที่มีต่อมายมิ้นท์ในตอนนี้ บริกรคนนั้นคงจะจบเห่แน่
“ส่วนเรื่องของมายมิ้นท์……” ทามทอยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด เขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
เพราะว่าเรื่องนี้ตัวเขาเองก็ผิด
ถ้าเขาไปขอโทษเธอ เรื่องที่เขาบอกกับเธอถึงกล้องวงจรปิดไม่มีปัญหาอะไรก็คงจะถูกเปิดโปง และมายมิ้นท์คงจะโมโห
อีกทั้งเรื่องที่เปปเปอร์ปิดบังว่าเขาเป็นพ่อของลูกในท้องก็คงจะปิดไว้ไม่ได้อีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นมายมิ้นท์คงจะไม่ได้แค่โกรธ อาจจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาเลยก็ได้
ทามทอยยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างหงุดหงิด
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ถ้าเขารู้ว่าตัวเขาจะตกหลุมรักมายมิ้นท์ ในตอนนั้นก็ไม่น่าจะช่วยเปปเปอร์ปิดบัง และก็จะไม่ลำบากเหมือนอยู่บนหลังเสือแบบนี้
ขณะที่เขากำลังคิด ทามทอยก็ชำเลืองมองเปปเปอร์อย่างไม่พอใจ
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องไปคิดมาก ตอนนี้ลูกในท้องของมายมิ้นท์ก็ไม่อยู่แล้ว แล้วก็ เธอรู้แล้วว่าผมเป็นพ่อของลูก เธอรู้ว่าZ-Hคือผม”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป ภายในห้องผู้ป่วยก็นิ่งเงียบ ดูเหมือนอากาศแข็งตัวในทันที
วินาทีต่อมา ทามทอยกำหมัดแน่นแล้วพูดออกมาด้วยความตกใจว่า “อะไรนะ คุณบอกว่ามายมิ้นท์ รู้…… รู้แล้วเหรอ?”
“ใช่” ดวงตาของเปปเปอร์เป็นประกาย
หลังจากที่มายมิ้นท์รู้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เคยคลี่คลายลงก็กลับเป็นจุดเยือกแข็งขึ้นมาอีกครั้ง
ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดของเปปเปอร์ จะให้ทามทอยนิ่งเฉยได้ยังไง
ถ้าตายก็ตายพร้อมกันสิ!