ถังซีอึ้ง “…” คุณเคยเกลียดการตกเป็นข่าวบันเทิงไร้สาระไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเกิดเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ แล้วยังจะบอกว่า ‘ถ้าคนจะซุบซิบนินทาเรื่องของเรา ก็ปล่อยเขา’ อีก เธอจำได้ว่าในอดีตเฉียวเหลียงมักเรียกร้องให้สื่อมวลชนลบข่าวทิ้ง หากเกิดเป็นข่าวเช่นนี้
ทำไมถึงเกิดจะมาทนได้เอาตอนนี้ ประหลาดจริง!
เฉียวเหลียงไม่ตอบคำถามถังซี เอาแต่จ้องมองจอโทรทัศน์ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่พอใจ “ผู้ชายคนนั้นเกะกะสายตาจริงๆ”
ถังซีไม่ได้เห็นสีหน้าเขา แต่พอเดาได้ว่าเขาหมายถึงเซียวเหยา ถังซีถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วกล่าวว่า “กรณีนี้คุณคงทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากแฮกเข้าไปในเว็บไซต์ ดาวน์โหลดรูปมา เอาไปเข้าโปรแกรมโฟโต้ช็อป ลบภาพคนที่คุณไม่ต้องการ แล้วอัปโหลดกลับไปใหม่ คุณทำได้ไหมล่ะ”
ผู้ช่วยของเธอซึ่งกำลังขับรถ แทบไม่กล้าส่งเสียง และยังต้องแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรอีกด้วย…
ถังซีสั่งให้ผู้ช่วยจอดรถข้างทาง และขอให้เธอลงจากรถ บอกเธอว่าจะขับรถไปสนามบินด้วยตัวเอง ผู้ช่วยรู้สึกเป็นห่วงถังซีมาก เธอยังคงยืนมองและกล่าวว่า “ท่านประธานคะ ให้ฉันขับไปส่งที่สนามบินเถอะค่ะ”
ถังซีซึ่งกำลังใช้หูฟังคุยโทรศัพท์กับเฉียวเหลียง มองหน้าผู้ช่วยที่ยืนอยู่นอกตัวรถ เลิกคิ้วและบอกเธอว่า “คอยจับตาดูคนที่บริษัทไว้ให้ดี ตอนที่ฉันไม่อยู่ อย่าให้ใครไปรบกวนคุณปู่ฉัน เข้าใจไหม”
ผู้ช่วยมองถังซีด้วยความพิศวง ใครจะไปรบกวนคุณท่านหรือ
ถังซีไม่เสียเวลาอธิบาย เลื่อนหน้าต่างขึ้นปิด และขับรถจากไป
ผู้ช่วยถังซีมองตามรถที่ขับห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เธอกะพริบตาปริบๆ แล้วถอนหายใจ ทำไมเธอจึงรู้สึกถึงแรงกดดันมากเพียงนี้ ในทันทีที่ท่านประธานกลับมา
ถังซีไม่เคยรู้เลยว่าทำให้ผู้ช่วยรู้สึกถูกกดดันมากเพียงใด เธอกับเฉียวเหลียงเตรียมนัดพบกันไว้แล้ว ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เธอจึงขับรถมุ่งไปที่นั่น เมื่อก้าวลงจากรถเธอก็เห็นเฉียวเหลียงยืนพิงรถรออยู่พร้อมด้วยรอยยิ้ม
เธอถอดหน้ากากผิวหนังออกแล้ว กลับมาเป็นเซียวโหรวอีกครั้ง เธอเดินเข้าไปหาและกอดเอวเขา “นี่ท่านประธานของเรากำลังจะกลายเป็นหนุ่มฮอตเซิร์จหรือเปล่า”
เฉียวเหลียงรู้สึกดีกับอ้อมกอดของเธอ เขาโอบแขนกอดเอวเธอไว้ ถามเสียงนุ่มนวลว่า “ทำไมถามอย่างนั้น”
ถังซียิ้ม “คุณทำให้ฉันนึกถึงตัวละครที่เป็นประธานบริษัทใหญ่โตในละครน้ำเน่า และชอบแสดงการหึงหวง แล้วก็…” ดวงตาเธอฉายแววล้อเลียนเป็นประกายเมื่อกล่าวว่า “คุณจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ฉันหวังว่าจะเป็นนะ”
“คุณชอบให้ผมหึงเหรอ” เฉียวเหลียงก้มลงมองถังซี “คุณจะทำอะไรเนี่ย”
ถังซีเบิกตากว้าง หัวเราะคิก “เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่าเวลาหึงคุณน่ารักดี” เธอไม่กล้าบอกเขาว่าเธอเคยตั้งใจจะทำสนิทสนมกับผู้ชายรูปหล่อสองคน เพื่อให้เขาหึง… แต่เมื่อคิดว่าเฉียวเหลียงคงสับผู้ชายพวกนั้นเละแน่ จึงเปลี่ยนใจไม่ทำดีกว่า…
ถังซีไม่ได้อยากทำให้เฉียวเหลียงหึงหวงจริงจัง เธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “นี่ฉันจะไปเช็กอินที่สนามบินได้ยังไง ฉันบอกใครๆ ว่าจะไปปารีส ป่านนี้พวกเขาคงเตรียมคนไว้พร้อมที่สนามบิน เพื่อคอยเฝ้าดูฉันมาเช็กอิน”
เฉียวเหลียงมองถังซี แล้วหันไปมองรถอเนกประสงค์ที่จอดอยู่ไม่ห่างออกไป ขณะนั้นเองประตูรถก็เปิดออก รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งก้าวลงมาปรากฏต่อสายตาถังซี หลังจากนั้นร่างหญิงสาวสวยคนหนึ่งก็ลงจากรถ เธอดูเหมือนถังซีทุกกระเบียดนิ้ว ถังซีกะพริบตาปริบๆ จ้องมองตัวเธออีกคนหนึ่งอย่างงุนงง เธอคนนั้นโบกมือให้ถังซีแล้วกล่าวว่า “สวัสดีค่ะ ฉันจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสสักสองสามวันแทนคุณเองค่ะ”
ถังซีหันไปมองเฉียวเหลียงซึ่งกำลังพยักหน้าให้ผู้หญิงคนนั้น หญิงสาวหยิบกุญแจรถถังซีไป ก้าวขึ้นนั่งบนรถ จากนั้นก็ขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว ถังซีจ้องมองตามรถที่แล่นลับสายตาไปในไม่ช้าอย่างตื่นตะลึง พูดอะไรไม่ออก เธอนิ่งเงียบไปพักใหญ่ กว่าจะหันมาคว้ามือเฉียวเหลียงแล้วถามขึ้น “พระเจ้า นี่คุณเตรียมเรื่องนี้ไว้ให้ฉันตั้งแต่เมื่อไรกัน”
ทันใดนั้นเธอก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ชาตินี้เธอคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มีเฉียวเหลียง! เธอมักจะหลงลืมตกหล่นบางสิ่งบางอย่างเสมอ เวลาที่คิดวางแผนจะทำอะไร แต่เฉียวเหลียงจะคอยจัดการเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้ให้เธอล่วงหน้าเสมอ… เธอไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนความดีของเขาได้อย่างไร!
เฉียวเหลียงยิ้ม ลูบผมเธอ และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ อย่างแผ่วเบา “ผมเตรียมผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ปลอมตัวเป็นคุณ ตั้งแต่ตอนที่คุณตัดสินใจว่าจะมาเมืองหลวง ในเมื่อถังซีกลับมาแล้ว เธอจะหายตัวไปเฉยๆ อีกไม่ได้ ตราบใดที่คุณยังใช้ชีวิตปกติให้พวกเขาเห็นก็จะไม่มีใครสงสัย ยังมีอีกอย่าง ให้ผมพาคุณไปพบคนอีกสองคนนะ”
เฉียวเหลียงกล่าวขณะเปิดประตูรถ ส่งสัญญาณให้เธอขึ้นรถ ถังซีจึงเข้าไปนั่งในรถแล้วหันมามองเขา “เราจะไปพบใครเหรอคะ”
“ไปถึงแล้วคุณจะรู้เอง” เฉียวเหลียงสั่งให้อาหกออกรถ ถังซีเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาหก ถามขึ้นว่า “ถามหน่อยสิ อาหกกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดเป็นอันดับสองของบริษัทฉันตั้งแต่เมื่อไร”
เฉียวเหลียงเงียบไป ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอ อธิบายอย่างอ่อนโยนว่า “หลังจากที่คุณประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก ผมก็สั่งให้คนของผมซื้อหุ้นเอ็มไพร์กรุปแบบลับๆ ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากเห็นบริษัทของคุณปู่โดนคนโลภพวกนั้นฮุบไป ผมก็เลยซื้อหุ้นบางส่วนไว้ และ…”
ถังซีจ้องหน้าเฉียวเหลียว “และ…อะไรคะ”
“จริงๆ แล้วผมเริ่มซื้อหุ้นเอ็มไพร์กรุปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ตั้งใจว่าจะมอบหุ้นจำนวนนั้นให้คุณปู่คุณ เป็นสินสอดตอนที่ผมขอคุณแต่งงาน” น้ำเสียงเฉียวเหลียงแหบพร่าไปเมื่อเล่าถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกเสียใจที่บอกเลิกเธอในครั้งนั้น เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไป “โชคดี ที่ยังไม่สายเกินไป”
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ถังซีก็เม้มริมฝีปาก เธอมองเฉียวเหลียงและถามเสียงแผ่ว “ต้องยากมากสำหรับคุณในตอนนั้น ใช่ไหมคะ”
การโดนบิดาตนเองหักหลัง ต้องทอดทิ้งหญิงสาวที่รัก และต้องทนเจ็บปวดทรมานที่ได้รู้ว่ามารดากลายเป็นอัมพาต ส่วนตนเองก็กำลังจะตาย เขาต้องเจ็บปวดอย่างที่สุด เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเขาผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นและรอดชีวิตมาได้อย่างไร จากวิกฤติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
เฉียวเหลียงยิ้มน้อยๆ นึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้นอนหลับเพียงไม่ถึงสองชั่วโมงต่อวัน เมื่อเขาทำงานอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ตัวเองชินชา และเมื่อเขาบอกกับตัวเองว่า จะไม่มีวันยอมปล่อยให้บิดาหนีรอดจากความผิดไปได้ แม้ตัวเองกำลังจะตายก็ตาม เขายิ้มให้เธอ ส่ายหน้าช้าๆ “ก็ไม่ยากเท่าไรนัก”
ตอนนี้บริษัทของเขาได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจีน และเป็นบริษัทดาวรุ่งพุ่งแรงของโลก มารดาเขากำลังจะหายดี และเธอกลับมาหาเขาแล้ว ความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมานับว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง! แต่ถึงกระนั้น…
เฉียวเหลียงกุมมือเธอ หายใจเข้าลึกๆ จุมพิตมือเธอแผ่วเบา และกล่าวอย่างอ่อนโยน “ผมก็แค่เสียใจในความโง่เง่าของตัวเอง ผมโง่มากจริงๆ ถ้าตอนนั้นผมสามารถรักษาคุณไว้ข้างตัวได้ ก็คงจะดีกว่านี้”
“ถูกต้อง คนงี่เง่า ทำไมคุณถึงได้โง่อย่างนั้น” ถังซีมองตอบเขาด้วยดวงตาเศร้า แต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมาในไม่ช้า พร้อมกับกล่าวว่า “แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน”