บทที่ 4 บทที่ 4 ตอนที่ 2 อันโตนิโอไม่อยากคุยกับเจ้าของร้านลั่ว และปาโคลนใส่เขาก้อนหนึ่ง

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 2 อันโตนิโอไม่อยากคุยกับเจ้าของร้านลั่ว และปาโคลนใส่เขาก้อนหนึ่ง โดย Ink Stone_Fantasy

 

ตอนที่โอเล็กมาถึงโรงเรียน กลับได้รับแจ้งว่าลูกชายของเขาหนีเรียนไปแล้วในคาบสุดท้าย จนตอนเลิกเรียนถึงได้รู้

คุณครูกำลังคิดจะโทรศัพท์หาโอเล็กสักหน่อย แต่ก็ถึงเวลามารับหลังเลิกเรียนพอดี

“หนีเรียน? ทำไมเขาต้องหนีเรียนครับ?” โอเล็กถามอย่างไม่เข้าใจ

คุณครูจะต้องเงยหน้าขึ้นมาถึงจะมองเห็นชายร่างสูงใหญ่ชาวไซบีเรียคนนี้ได้ชัดเจน เขาขมวดคิ้วพูดว่า “คุณโอเล็ก ปัญหานี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นผมที่ถามคุณมากกว่านะครับ ผมจำได้ว่าสัปดาห์นี้ผมแจ้งคุณไปแล้วสองครั้ง ถึงเชิญคุณมาโรงเรียนเพื่อคุยปัญหาลูกชายคุณสักหน่อย แต่เหมือนว่าคุณไม่ได้ตอบกลับผมมาอย่างเป็นทางการ”

โอเล็กพูดด้วยความทุกข์ใจรู้สึกผิดว่า “ขอโทษครับ ผมขับรถขนส่งสินค้า งานค่อนข้างยุ่ง อันที่จริงหาเวลาไม่ได้เลยครับ แค่มาส่งมารับลูกตรงเวลาทุกวันก็สุดความสามารถของผมแล้วครับ”

คุณครูส่ายหน้าพูดว่า “คุณครับ หรือว่ายังมีอะไรสำคัญกว่าคนในครอบครัวอีกเหรอครับ? ขอโทษนะครับ ผมก็ไม่ได้จะวิพากษ์วิจารณ์การใช้ชีวิตของคุณ แต่อันโตนิโอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง คุณกรุณาสนใจความรู้สึกนึกคิดของเขาให้มากขึ้นหน่อยนะครับ อีกอย่างผมกำลังคิดจะแจ้งตำรวจแล้ว เพราะว่าอันโตนิโอยังเด็กมากจริงๆ เขาหนีออกไปจากโรงเรียนแบบนี้อาจจะเจออันตรายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ” โอเล็กกลับส่ายหน้าบอกว่า “ผมพอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน…ถ้าอย่างนั้น ลาก่อนนะครับ”

“คุณโอเล็ก!คุณโอเล็ก! เฮ้อ…” คุณครูเห็นชายร่างสูงใหญ่คนนี้เดินจากไปไกลแล้วก็ถอนหายใจพลางส่ายหน้า

เขาได้แต่มองโอเล็กกำลังขับรถกระบะสีเหลืองเข้มไปตามถนน

การซื้อของครั้งนี้ของคุณสาวใช้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์

ทั้งสองคนต่างหิ้วถุงใส่ของใบใหญ่สองใบ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว พวกเขากำลังเดินเรื่อยเปื่อยไปบนถนนมอสโก

สำหรับลั่วชิวแล้ว เมื่อก่อนเขาก็เคยหิ้วของกลับบ้านจากซูเปอร์มาเก็ตสัปดาห์ละสองครั้ง เขาคุ้นเคยตั้งนานแล้ว แต่ว่าคุณสาวใช้กลับคิดว่าไม่น่าจะให้นายท่านของเธอต้องออกแรงทำงานหนักแบบนี้เลย

แน่นอนว่าไม่โต้แย้งใดๆ

“ความจริงเดินกลับไปแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ แถมยังได้ชมวิวข้างทางด้วย”

ตั้งแต่มาถึงมอสโกเจ้าของร้านลั่วก็อารมณ์ดีมาตลอด แต่คุณสาวใช้ก็ไม่ได้ยืนกรานอะไรหลังจากรู้ว่านายท่านคนใหม่ของเธอไม่ชอบชีวิตแบบนั้น

สถานที่ซึ่งอยู่ละติจูดเหนือห้าสิบห้าองศา ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน แต่อุณหภูมิตอนกลางคืนก็แค่ยี่สิบกว่าองศาเท่านั้นเอง

อากาศเย็นสบาย แต่บนถนนกลับร้อนระอุด้วยผู้คนที่พลุกพล่าน

ลั่วชิวสังเกตถนนและผู้คนภายใต้แสงพระอาทิตย์ตกดินสีเหลืองนวลอย่างเพลิดเพลิน ในทันใดนั้นเอง เขาก็หยุดก้าวเดิน แล้วมองไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนราวกับคิดอะไรบางอย่าง

การมามอสโกครั้งนี้ ส่วนใหญ่โยวเย่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสถานที่ที่เป็นที่พักชั่วคราวด้วย

ถึงแม้ว่าเป็นแค่ที่พักชั่วคราว แต่ก็เป็นอะพาร์ตเมนต์ที่พิถีพิถันมากแห่งหนึ่ง…ส่วนค่าใช้จ่ายเท่าไรนั้น ลั่วชิวรู้สึกว่าเขาไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย

แต่ทางนี้ก็ไม่ใช่ทางกลับไปอะพาร์ตเมนต์

เจ้าของร้านลั่วที่เปลี่ยนเส้นทางไปกะทันหัน เดินมุ่งไปยัง…สวนสาธารณะ

ในสวนสาธารณะ ผู้หญิงจำนวนประปรายกำลังพาลูกของตนมาเที่ยวเล่น และมีคนแก่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนม้านั่งกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

แต่ในตอนนั้นเอง ก็เห็นเด็กชายสะพายกระเป๋าเป้คนหนึ่งนั่งบนชิงช้าฝั่งหนึ่งของสวนสาธารณะ แต่ไม่ได้แกว่งชิงช้า

เด็กน้อยมีผมหยิกสีน้ำตาลแดงทั่วทั้งหัว บนใบหน้ามีรอยกระจางๆ และตัวเล็ก

น่าจะอายุประมาณสิบขวบได้

“กินไหม?”

เด็กชายที่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นเจ้าคนผมดำคนหนึ่งยื่นช็อกโกแลตแท่งหนึ่งมาให้เขา

เด็กชายนิ่งตะลึงงัน แต่กลับก้มหน้าไปอย่างรวดเร็ว สองเท้าถีบไปบนพื้นดินอย่างแรง ชิงช้าก็เริ่มแกว่งไกว

ลั่วชิวดูไม่ถือสาเช่นกัน แล้วนั่งลงบนชิงช้าข้างๆ จากนั้นก็บิซองช็อกโกแลตในมือ แล้วแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ หยิบใส่เข้าไปในปาก

วินาทีที่แบ่งช็อกโกแลต เสียงหักดังเป๊าะทำให้สายตาของเด็กชายคนนี้หันขวับมามอง แต่ก็หันกลับไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

“อืม ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย มีคนบอกไว้ว่า ตอนที่อารมณ์ไม่ดีกินของหวานสักหน่อยแล้วอารมณ์จะดีขึ้นเอง”

กึก*!*

สองเท้าของเด็กน้อยแตะพื้นหยุดทันที ชิงช้าก็หยุดไกวไป

กลับเห็นเด็กชายคนนี้จ้องมาที่ลั่วชิวอย่างดุดันโดยไม่พูอะไรสักคำ แล้วก็วิ่งไปทันที เพียงแต่เด็กน้อยไม่ได้วิ่งหนีไปไหนไกลมาก แล้วก็นั่งยองๆ บนพื้น

ไม่นานนัก เด็กชายก็ลุกขึ้นยืน ในมือของเขามีก้อนดินเหนียวที่ใช้มือปั้นขึ้นมา แล้วเด็กชายก็ปาก้อนดินเหนียวที่อยู่ในมือไปทางลั่วชิว

ก้อนดินเหนียวนี้แทบจะโดนใบหน้าของเจ้าของร้านลั่ว

ขณะเดียวกัน ในใจของลั่วชิวก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้ระหว่างเชื้อชาติ เขาเอียงหัวเล็กน้อย ก้อนดินเหนียวนั่นก็ลอยเฉียดข้างหูเขาไป ไม่ได้โดนหน้าเขา

เด็กชายมีสีหน้าเสียดาย แต่กลับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ในทันที ไม่พูดพร่ำอะไรซ้ำอีกเขาก็วิ่งออกไปจากสวนสาธารณะ

แต่นึกไม่ถึงว่า เด็กชายเพิ่งจะหันหลังไปก็ชนเข้ากับอะไรใหญ่ๆ ในฉับพลัน จากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้นทันที…เขาชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่แข็งแรงกำยำมากคนหนึ่ง

“อันโตนิโอ ลุกขึ้นมา”

ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นกลับพูดขึ้นในทันที

เด็กชาย…อันโตนิโอเงยหน้าขึ้นเห็นชายร่างสูงใหญ่คนนี้ก็ก้มหน้าลงไปทันที ส่งเสียงทักทายเบาๆ คำหนึ่ง ‘พ่อ’

“อันที่จริงต้องขอโทษด้วยครับ ลูกชายของผมคนนี้ซนเหลือเกิน”

ชายร่างสูงใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่าโอเล็ก หลังจากที่เขาแนะนำตัวไปแล้ว จึงกล่าวขอโทษต่อหน้าลั่วชิวอย่างสุภาพมากๆ

ถึงแม้เขาจะเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนตะวันออก และรูปร่างเล็กเป็นสองเท่าของตนเองก็ตาม

“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนมาชวนคุยเอง” ลั่วชิวลุกขึ้นมาพูดว่า “ผมเห็นเขาเหมือนไม่สบายใจ ก็เลยคิดจะให้ช็อกโกแลตเขากิน เขาคงคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีมั้งครับ…อืม รู้จักป้องกันตัวไว้ก่อน อันที่จริงก็เป็นเรื่องดีมากเลยนะครับ”

โดยเฉพาะการต่อสู้ในนามชาติพันธุ์เนี่ย…

ฮึๆ

โอเล็กกลับตะลึงงัน “คุณเป็นชาวตะวันออกที่เติบโตที่นี่เหรอครับ?”

“ผมเป็นแค่นักท่องเที่ยวครับ” ลั่วชิวส่ายหน้าตอบ “เอ่อ…เดินทางท่องเที่ยวอิสระน่ะครับ”

โอเล็กพูดอย่างนึกไม่ถึง “โอ้พระเจ้า สำเนียงของคุณยอดมากเลย!ถ้าให้ผมปิดตา คงนึกว่าเป็นคนชาติเดียวกันเสียอีก!”

ลั่วชิวยิ้มแล้วพูดว่า “ยังไงก็เป็นความสามารถที่แลกมาด้วยราคาประมาณหนึ่งเหมือนกันครับ”

“นั่นต้องเป็นการฝึกที่ลำบากไม่น้อยเลยนะครับ” โอเล็กพยักหน้าหงึกๆ ราวกับเห็นด้วย

อายุขัยห้าวันนับด้วยหรือเปล่า…

เวลานี้โอเล็กก็พูดอีกว่า “จริงสิ คุณ คุณพักอยู่ที่ไหนครับ? ผมไปส่งคุณได้นะ ถือว่าเป็นการไถ่โทษด้วย รถแท็กซี่รัฐวิสาหกิจในมอสโกค่อนข้างแพง นักท่องเที่ยวอย่างคุณจะถูกโกงเอาเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนรถที่เรียกบนถนน…ผมคิดว่าโดยปกติแล้วจะไม่หยุดรถให้คุณหรอก ถึงแม้ว่าคุณจะจ่ายเงินไหวก็ตาม อ้อ จริงสิ ผมคิดว่าผมน่าจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อถึงจะดี”

โอเล็กเห็นอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีตอบรับในทันที จึงพูดด้วยความอึดอัดใจเล็กน้อย “สบายใจได้ครับ ผมไม่ใช่คนเลวอะไร”

“เปล่าครับ เพียงแต่…” ลั่วชิวยิ้มแล้วพูดว่า “เพิ่มอีกคนหนึ่งได้ไหมครับ?”

ลั่วชิวผายมือไปทางคุณสาวใช้ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งจับตามองอย่างเงียบๆ อยู่ในสวนสาธารณะ

โอเล็กมองตามไป ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามน่าประทับใจมากจริงๆ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ เพียงแต่ผมอาจจะต้องไปซื้อวัตถุดิบอาหารก่อนสักหน่อยนะครับ”

“พวกเราเพิ่งซื้อของบางอย่างมาครับ ถ้าไม่รังเกียจ เย็นนี้ก็กินของพวกนี้แล้วกันครับ” ลั่วชิวบอก

ดูเหมือนว่าการได้ไปสัมผัสกับห้องครัวของครอบครัวธรรมดาๆ ในต่างประเทศสักหน่อยนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเหมือนกัน ทันใดนั้นความสนใจของลั่วชิวก็เบี่ยงเบนไป ตอนนี้เขากำลังมองดูเด็กชายคนนี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังโอเล็กแวบหนึ่ง

ได้ยินความว้าวุ่นในดวงจิตของเด็กชายคนนี้