บทที่ 318 ฉันจะพาคุณออกไปให้ได

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

นั่งอีกใช้มือทั้งสองข้างจับผ้าปูที่นอนอย่างไม่ลังเล แล้วค่อยๆลงไปข้างล่าง

ผ้าปูที่นอนแข็งแรงพอที่จะทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุ ในที่สุดก็ลงมาถึงพื้น สุนันท์ลงมาที่พื้นด้วยขาที่อ่อนแรง เธอร้องไห้เงียบๆ

ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกที่สามารถเอากลับมาได้หลังเผชิญกับเส้นความเป็นตายได้หรอก เชอร์รีนเหนื่อยหอบ มือเท้าสั่น และพยายามข่มการเต้นของหัวใจตัวเอง

นักดับเพลิงมาถึงแล้ว และทำการล้อมรั้วเรียบร้อยแล้ว รอบๆมีคนเยอะมาก เชอร์รีนจึงยืมโทรศัพท์คนแถวนั้น จนถึงตอนนี้มือของเธอก็ยังสั่นไม่หยุด เธอโทรศัพท์ไปหาออกัส แต่ก็ไม่มีคนรับ

ดังนั้นเธอจึงโทรไปหาผู้ช่วยเตโช เมื่อเขารับสายจึงถามว่า “เขาล่ะ”

“ท่านประธานอยู่คอนโด ตอนเช้าเขาไม่สบาย จึงให้ระงับอาการ ตอนนี้กำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่คอนโด”

เมื่อได้ยินดังนั้นก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เชอร์รีนตัวสั่น ยืนแทบไม่อยู่ มือสองข้างค่ำต้นไม้ไว้ “นายบอกว่าออกัสอยู่คอนโดหรอ”

สุนันท์ก็ได้ยินเช่นกัน เธอหยุดร้องไห้แล้ว แต่ร่างกายสั่นไหวราวกับจะแตกสลาย มือสั่น หน้าสั่น ปากก็สั่น สั่นไปทั้งตัว

ออกัส ออกัส ออกัสอยู่คอนโด!

“ใช่ครับ ท่านประธานฉีดยาระงับอาการ คาดว่าตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว ผมเป็นคนพาเขาเข้าไปพักที่คอนโดเอง….”

ผู้ช่วยเตโชยังไม่ทันได้พูดจบ โทรศัพท์ก็หลุดจากมือเชอร์รีน เธอนึกถึงเสื้อคลุมสีดำที่เขาใส่เมื่อเช้าบนโซฟาขึ้นมา

เธอรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ราวกับมีน้ำแข็งห่อหุ้มตัวเธอ เมื่อกี้เป็นไฟ แต่ตอนนี้เป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งที่ต้องละลายถึงสองวัน

เธอเหมือนเป็นบ้าก็ไม่ปาน รีบวิ่งไปข้างหน้า พนักงานดับเพลิงจึงห้ามเธอไว้ “อันตราย เข้าไปไม่ได้นะครับ!”

“ยังมี… ยังมีคนอยู่ข้างไหน…” ตัวของเธอยังคงสั่น “ขอร้องพวกคุณช่วยเขาด้วย….”

“ไฟในห้องรุนแรงเกินไป เกินความคาดหมาย เข้าไปไม่ได้แล้วครับ”

“งั้นเขาทำได้ใช่ตายอยู่ในนั้นหรอ”

“พนักงานดับเพลิงยังไม่มา รอก่อนครับ”

รอก่อน รอให้เขาตายอยู่ในนั้นหรอ

ตอนนี้คนมามุงเยอะมาก แต่สีหน้าของทุกคนก็มีเพียงแค่ความอยากรู้อยากเห็น และวิจารณ์ไปต่างๆนานา บางคนก็อาจจะมีความกังวลจริงๆ แต่พวกเขาก็เพียงแค่มองดูอย่างเย็นชา

โลกใบนี้ก็เป็นอย่างนี้ เหมือนกับคนดื่มน้ำ จะเย็นหรือจะอุ่นก็แล้วแต่คน

ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยคนคนเดียว

บนโลกใบนี้ เมื่อคุณเข้าใกล้ความตาย คนที่พยายามจะช่วยคุณโดยไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของตัวเอง แสดงว่าคุณต้องเป็นคนที่เขารักมาก

น้ำตาของเชอร์รีนไหลออกมา เธอวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไป กว่าที่ทุกคนจะรู้ตัว เธอก็เข้าไปในคอนโดจนคนอื่นห้ามไม่ทันแล้ว

“ไฟแรงขนาดนี้ ไม่กลัวตายรึไง”

“ไฟแบบนี้ เข้าไปแล้วจะออกมาได้อีกหรอ”

“ แสดงว่าคนในนั้นต้องสำคัญกับเธอมากแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปแบบนี้”

ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา แต่สุนันท์กับมองเชอร์รีนด้วยความงุนงง การเข้าไปโดยไม่ห่วงชีวิต เธอก็อยากเข้าไปเช่นกัน แต่เธอเจ็บหลังและเท้าจนไม่อาจยืนขึ้นมาได้ เพียงแค่หลับตา สมองของเธอก็ขาวโพลน

ไฟลุกลามรุนแรงกว่าเมื่อสักครู่มาก ปากและจมูกของเชอร์รีนถูกคลุมด้วยผ้าขนหนูเปียก เธอกัดฟันและวิ่งฝ่าเข้าไปในกองไฟ

คอนโดไฟลุกรุนแรงมากจนแทบมองสภาพเดิมไม่ออก เพื่อหลีกเลี่ยงควันไฟ เธอต้องคลำทางเข้าไปท่ามกลางควันหนาทึบ

ยังมีบางแห่งที่ยังไม่ถูกไฟไหม้ แต่ก็มีบางครั้งที่เปลวไฟไหม้ขาของเธอ มันทั้งร้อนและเจ็บ

เธอก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก ควันไฟหนาทึบเธอแทบจะเป็นลม ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวไปแทบจะเป็นไปไม่ได้ เธอคลำมาจนถึงห้องทางขวาสุด ซึ่งประตูห้องได้ถูกไฟไหม้แล้ว และไฟลามไปจนถึงเตียงแล้ว

เขายังคงนอนอยู่บนเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ

เชอร์รีนมองฉากนี้ด้วยหัวใจเต้นแรง เธอคิดไม่ออกหรือว่าถ้าเธอมาช้ากว่านี้อีกหน่อย เขาจะอันตรายขนาดไหน

เธอถอดสายน้ำเกลือ แล้วใช้แรงทั้งหมดพยุงเขาขึ้นมา ตัวเขาหนักมาก น้ำหนักทั้งหมดถูกทิ้งมาที่ร่างของเธอ มันหนักมาก

ผ้าขนหนูผืนยาว ครึ่งหนึ่งปกคลุมปากและจมูกของเธอ และอีกครึ่งหนึ่งคลุมให้เขา

อาจเพราะว่าผ้าขนหนูใช้น้ำเย็น หรือความร้อนของไฟที่แผดเผา ทำให้ออกัสลืมตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ ก่อนจะเห็นเปลวไฟตรงหน้า

“คุณฟื้นแล้วหรอ ไฟไหม้ พวกเราต้องรีบออกไป ร่างกายของคุณอ่อนแอเกินไป เดินตามฉันนะ” เธอพูด

ที่จริงเชอร์รีนหมดแรงไปมากแล้ว นี่เป็นแรงเฮือกสุดท้ายของเธอ

ออกัสมองดูหน้าดำๆของเธอด้วยความเสียใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ถ้าพาผมออกไปไม่ได้ คุณก็ออกไปคนเดียวเถอะ ซารางยังรอคุณอยู่…”

“ฉันจะต้องพาคุณออกไปให้ได้….” เธอกัดฟัน แม้ว่าขาของเธอจะร้อนผ่าว เธอก็จะอดทน

“เข้มแข็งจริงๆ…” เขาพูดเสียงอ่อน และไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างเธออีกต่อไป ก่อนจะพยายามยกเท้าเดินอย่างลำบาก

ไม่สามารถออกไปทางประตูได้ เส้นทางเดียวที่เป็นไปได้ในตอนนี้คือกระจกบานนั้น

จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาฟื้นแล้ว เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขา เธอก็รู้สึกสงบขึ้น และรู้สึกมีกำลังใจ

ทั้งสองคนเดินช้ามาก สภาพร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวย และขาของเธอที่ถูกความร้อนลวก ทำให้ไม่สามารถเดินได้เร็วนัก

ทางเดินของห้องเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ มองไม่เห็นอะไรเลย ออกัสลูกกระเดือกขยับไปมาเมื่อเขาเดินจนรู้สึกเจ็บ แต่เมื่อมองเห็นท่าทางที่อ่อนแอแต่พยายามจะเข้มแข็งของเธอ เขาก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาในใจ

แต่เมื่อเขาเงยหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าก็ชะงักลงทันที ใบหน้าหล่อเหลาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รูม่านตาของเขาหดตัวลงทันที

“ระวัง!” เขาเอ่ยเสียงเข้ม

“อะไร” เชอร์รีนยังไม่เข้าใจสถานการณ์

ออกัสไม่พูดอะไรอีก เขาใช้แรงผลักเธอออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้ถอยหลังกลับ บนเพดานติดไฟก็ตกลงมาใส่หัวและหลังของเขา ทำให้เขาหมดสติไปทันที พร้อมกับเลือดที่ไหลลงมาจากศรีษะ

“ออกัส!” เธอรีบลุกขึ้นไปหาเขาทั้งน้ำตาอาบหน้า ก่อนจะวางหัวของเขาไว้บนเข่า ห้ามเลือดบนหัว พร้อมลูบหน้าเขา และพูดเสียงเบา “ออกัส คุณอย่าทำให้ฉันกลัวสิ ตื่นขึ้นมา!”

แต่ไม่ว่าจะเรียกยังไง เขาก็ไม่ตอบกลับมา มีแต่เลือดบนหัวไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนเห็นได้แต่รู้สึกปวดใจ

เธอกัดฟันนั่งบนพื้น แดดใช้แรงทั้งหมดเพื่อพยุงเขาขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาเหมือนทะเลที่เอ่อล้นออกมาไม่หยุด ไม่ว่ายังไงก็ห้ามไม่ได้

ตัวเขาหนักมากจริงๆ ทับเธอจนหายใจแทบไม่ออก ฝ่าเท้าของเธอก็เหมือนจะฉีกขาดเพราะความเจ็บปวด แต่ในใจเธอร้องตะโกนอย่างชัดเจนว่า เธอต้องพาเขาออกไป ต้องพาเขาไปให้ได้ ซารางยังรออยู่ ไม่ว่าแด๊ดดี้หรือหม่ามี๊ ซารางขาดใครไปไม่ได้ทั้งนั้น….

ไม่มีใครรู้ว่าเธอใช้แรงมากมายขนาดไหน ความเข้มแข็งขนาดไหนถึงจะสามารถพาเขามาถึงหน้าต่างได้

มีแต่คนที่ถูกบีบจนถึงที่สุด ถึงจะรู้ว่าตัวเองมีศักยภาพมากแค่ไหน

เมื่อมองออกไปผ่านหน้าต่าง เธอเห็นมีเบาะลมช่วยชีวิตวางอยู่ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะกอดเอวของเขาและกระโดดลงไป